:::     :::

ลงปุ๊บ-แตกปั๊บ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การกลับมาลงสนามนัดแรกของในรอบ 102 นัดของ อาร์เซน่อล ลงเอยด้วยการแพ้ขาดลอยต่อ แมนฯ ซิตี้

สถิติไม่แพ้ใครในลีกนับตั้งแต่ขึ้นปี 2020 ก่อนพักการแข่งขันไป 3 เดือนหนีโควิด-19 ถูกหยุดลงทันทีที่พรีเมียร์ลีกรีสตาร์ทกลับมาเตะอีกรอบ 

สกอร์ 3-0 อาจดูขาดลอยเกินไปสำหรับการเจอกันของทีมในกลุ่ม "บิ๊กซิกซ์" แต่ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย 

นัดนี้ มิเกล อาร์เตต้า ที่ช่วงหยุดแข่งกลายเป็นข่าวใหญ่ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนรักษาหาย ได้กลับมาเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แยกตัวจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไปรับงานคุมทีมเต็มตัวงานแรกกับ อาร์เซน่อล 

กุนซือวัย 38 ปีจัดตัวแบบ "ใจถึง" ทีเดียวเมื่อส่งดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปีลงกันหลายคนไล่ตั้งแต่ มัตเตโอ เก็นดูซี่, เอ็นดี้ เอ็นเคเทียห์, โจ วิลล็อค และ บูคาโย่ ซาก้า ที่อายุน้อยสุด 18 ปี 

จุดเซอร์ไพรส์สุดคือการขาดหายไปของ เมซุต โอซิล สตาร์ดังวัย 31 ปีที่ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรองซึ่ง อาร์เตต้า ให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของแท็กติก ไม่ได้มีปัญหาบาดเจ็บแต่อย่างใด 

เมื่อดูจากแดนกลางไล่ขึ้นไปถึงแนวรุกจะมีเพียง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ กรานิต ชาคา เป็น 2 ผู้เล่นประสบการณ์คอยประคองน้องๆ 


บิ๊กแมตช์ที่ไร้แฟนบอล

ประเด็นการหายของ โอซิล ยังไม่ใช่สิ่งที่ อาร์เตต้า ถูกตั้งคำถามเพราะเพิ่งเป็นนัดแรกและเจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรส่วนตัวอะไรทั้งนั้น พร้อมเรียกใช้บริการอดีตเพื่อนร่วมทีมรายนี้เหมือนเดิมหากเจ้าตัวทำได้ดีในการฝึกซ้อมและแท็กการเล่นเหมาะสม 

ส่วนแนวรับแม้ไม่ใช่ดาวรุ่งแต่ประสบการณ์พรีเมียร์ลีกน้อยนิดและร้างสนามกันไปนาน 

เอคเตอร์ เบเยริน เพิ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์ได้ประจำแบ็กขวา เช่นเดียวกับ คีแรน เทียร์นี่ย์ ทางฝั่งซ้ายซึ่งเป็นการลงสนามนัดแรกนับตั้งแต่เจ็บไหล่ในเดือนธันวาคมจนต้องผ่าตัด 

คู่เซนเตอร์แบ็กไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็น ชโคดราน มุสตาฟี่ กับ ปาโบล มารี ที่เพิ่งลงเล่นเป็นนัดที่ 3 ให้นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ฟลาเมงโก้ ด้วยสัญญายืมตัว

เรื่องประสบการณ์ในเกมระดับสูงมีน้อยมากเพราะก่อนหน้านี้เคยเป็นนักเตะ แมนฯ ซิตี้ 3 ปี แต่ถูกปล่อยยืมตลอด 3 ปี และไม่เคยซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของเรือใบเลย

ปราการหลังชาวสเปนเพิ่งแจ้งเกิดเมื่อปีที่แล้วที่ช่วยให้ ฟลาเมงโก้ คว้าแชมป์ลีกบราซิลและแชมป์ลิเบอร์ตาดอเรส คัพ ก่อนไปลุยสโมสรโลกและแพ้ ลิเวอร์พูล หวุดหวิดในรอบชิงฯ 


อาการบาดเจ็บคือจุดของ อาร์เซน่อล

แต่ อาร์เตต้า ต้องตัดสินใจเลือกคู่นี้เพราะ ดาวิด ลุยซ์ เล่นไม่ดีในนัดอุ่นเครื่องพ่ายต่อ เบรนท์ฟอร์ด 2-3 สมควรถูกดร็อปแม้ 2 วันก่อนหน้านี้เพิ่งออกมาบอกว่าต้องการต่อสัญญาอีกปีก็ตาม ขณะที่ โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส อีกหนึ่งแนวรับบาดเจ็บก่อนเกมไม่กี่ชั่วโมง 

ทว่าสิ่งที่ อาร์เตต้า วางแผนในการมาต่อกรเจ้านายเก่าอย่าง เป๊ป ก็ต้องผิดเพี้ยนไปเมื่อเสีย 2 ผู้เล่นเพราะอาการบาดเจ็บตั้งแต่ยี่สิบนาทีเศษ 

ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเกมเลยเพราะ กรานิต ชาก้า สำคัญมากในแดนกลาง เขากลับมาเป็นตัวหลักให้ทีมได้อีกครั้งหลัง อาร์เตต้า เข้ามา ต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีโอากสย้ายทีมสูงมากหลังมีปัญหาอย่างหนักกับแฟนบอล

ขณะที่ มารี ก็เป็นกองหลังที่ อาร์เตต้า หวังจะปั้นห้ได้ในแบบ เอ็มเมอริค ลาปอร์กต์ ที่เป็นเซนเตอร์ถนัดเท้าซ้าย สามารถเปิดบอลขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายได้เป็นธรรมชาติมากกว่าเซนเตอร์เท้าขวาแต่เล่นฝั่งซ้ายแบบ ดาวิด ลุยซ์ นั่นคือสิ่งที่ อาร์เตต้า มองเอาไว้แม้รู้ดีว่าศักยภาพโดยรวมต่างกันพอสมควร 

แต่เมื่อทั้งคู่เจ็บจนต้องใช้โควตาเปลี่ยนตัว 2 คนแรกอย่างรวดเร็ว แผนการก็ต้องปรับ ความต่อเนื่องในการเล่นสะดุดไปและเปิดโอกาสให้ แมนฯ ซิตี้ ได้เริ่มคอนโทรลทุกอย่างเอาไว้ทั้งที่เริ่มมาช่วงแรกยังดูสูสีใกล้เคียงกัน

แดนกลางของ อาร์เซน่อล ไม่สามารถสู้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้เลยเพราะไม่ว่าจะเทียบในเรื่องคุณภาพการเล่น ความเข้าใจในแท็กติก และความสามารถเฉพาะตัวล้วนเป็นรองทั้งหมด 


ลุยซ์ เล่น 25 นาทีแต่ก่อความผิดพลาดเต็มรูปแบบ

มัตเตโอ เก็นดูซี่ ที่ควรเป็นตัวรับยืนต่ำสุดกลับยืนสูงกว่าทั้ง โจ วิลล็อค และ ดานี่ เซบายอส ที่ลงไปแทน ชาก้า พอขยับลงไปล้วงบอลก็ไม่สามารถเปิดบอลขึ้นหน้าได้ ทำได้เพียงม้วนถ่ายออกซ้ายขวาและคืนหลังเพราะโดน อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ และ ดาบิด ซิลบา ปิดช่องเอาไว้หมด

โจ วิลล็อค ที่เล่นได้ดีในเกมอุ่นเครื่องเงียบหายไปเลย ไม่มีบทบาทใดๆ กับเกม เช่นเดียวกับ บูคาโย่ ซาก้า ที่เคยเด่นมากๆ กับตำแหน่งแบ็กซ้ายขัดตาทัพในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด

การจัดตัวของ อาร์เตต้า ไม่เพียงส่งดาวรุ่งลงหลายคนในเกมที่ยากที่สุดในฤดูกาล แต่แท็กติกการเล่นไม่เอื้อด้วย 

ซาก้า มีจุดเด่นที่การเปิดบอลและทำแอสซิสต์ไปแล้ว 9 ครั้งในฤดูกาลนี้ แต่เป็นการเล่นทั้งฝั่งซ้ายทั้งปีกซ้ายและแบ็กซ้าย ทว่า อาร์เตต้า จับไปยืนตัวรุกฝั่งขวา จังหวะเปิดบอลเข้ากลางทำไม่ได้เลย 

อาร์เตต้า วางแผนให้ กรานิต ชาก้า เป็นแกนหลักในการแทงบอลยาวให้ โอบาเมย็อง, เอ็นเคเทียห์ และ ซาก้า วิ่งแข่งกับกองหลังซิตี้ในการจังหวะสวนกลับเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นฝ่ายตั้งรับส่วนใหญ่

ทว่าพอเล่นจริง อาร์เซน่อล ก็ยังถ่ายบอลออกข้างเป็นส่วนใหญ่ มีแทงบอลขึ้นหน้าน้อยมากทั้งที่บางจังหวะสามารถทำได้ โอบาเมย็อง วิ่งตีรถเปล่าทำทางไป 2 ครั้งในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก แต่เพื่อนไม่ส่งบอลให้

เมื่อไม่มี ชาก้า การเล่นแบบที่ อาร์เตต้า คิดเอาไว้ก็หายไป แต่ที่ผลกับเกมมากที่สุดคือการลงมาของ ดาวิด ลุยซ์ แทนตำแหน่ง มารี ที่เจ็บ 

อาร์เตต้า ตัดสินใจถูกแล้วที่ดร็อป ลุยซ์ เป็นสำรอง แต่สถานการณ์เปลี่ยนก็เลยจำต้องส่งลงเมื่อเจอปัญหาเฉพาะหน้าให้ต้องแก้ไข 

อาร์เซน่อล ที่เริ่มเป๋ในช่วง 20 นาทีท้ายของครึ่งแรก ยังพอจะยันเสมอให้ถึงพักครึ่งได้ แต่แล้ว ดาวิด ลุยซ์ ก็สกัดบอลพลาดเด้งเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กดมุมแคบเต็มข้อเข้าไป


ฟิล โฟเด้น ซัดปิดท้ายให้ซิตี้ชนะ 3-0

ถ้าดูภาพช้าจากหลังประตูจะเห็นว่า จังหวะนี้ฝนที่ตกโปรยปรายลงมามีส่วนอยู่บ้าง แต่การยืนตำแหน่งของ ลุยซ์ ไม่ดีเลย ตัวเบี่ยงไปข้างหน้า จึงไม่สามารถดักลูกบอลที่พุ่งเข้าหาได้เต็มใบ 

นั่นคือการพลาดครั้งแรก และต้นครึ่งหลัง ปราการหลังวัย 33 ปีก็พลาดเต็มรูปแบบเป็นแฮตทริก

การยืนตำแหน่งของ ลุยซ์ ไม่ดีเช่นเคย เขาปล่อยให้ ริยาด มาห์เรซ ได้พลิกเข้าเขตโทษจนต้องไปดึงทำฟาวล์เป็นจุดโทษชัดเจนและผู้ตัดสินใจก็ชักใบแดงไล่ออกเพราะความผิดมันฟ้องทนโท่ ไม่เกินเลยกับใบแดงที่ได้รับ

ลุยซ์ จึงได้อยู่ในสนามเพียง 25 นาที แต่เป็น 25 นาทีที่ทำผลาดนำไปสู่การเสียประตู ทำเสียจุดโทษ และได้ใบแดง  

เควิน เดอ บรอยน์ กดเป็น 2-0 หลังผ่านไป 50 นาที ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของ แมนฯ ซิตี้ ทั้งคุณภาพการเล่น สถานการณ์คนที่มีผู้เล่นมากกว่า และสกอร์นำ 2 ลูกในบ้านตัวเอง

มุมที่ อาร์เซน่อล จะพลิกกลับมาชนะหรือยันเสมอแทบไม่มีเพราะเล่นนอกบ้านแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พวกเขาไม่เคยบุกชนะทีม "บิ๊กซิกซ์" ด้วยกันยาวนาน 25 นัดติดหรือนับตั้งแต่เคยบุกชนะ แมนฯ ซิตี้ เมื่อ 5 ปีก่อน และนัดนี้ก็เพิ่มเป็นนัดที่ 26 

อาร์เตต้า ไม่มีทางเลือกจึงต้องขยับ คีแรน เทียร์นี่ย์ เข้าไปยืนเซนเตอร์ร่วมกับ มุสตาฟี่ และถอย ซาก้า ที่ไร้บทบาทในเกมรุกกลับมาเล่นแบ็กซ้าย 

แมนฯ ซิตี้ ไม่ต้องเร่งเกมอะไรมากแล้วเพราะคุมเกมอยู่หมัด เป๊ป จึงทยอยถอดตัวหลักออกมาพักทั้ง มาห์เรซ, ซิลบา, เดอ บรอยน์ รวมถึง ลาปอร์กต์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา

ส่วน อาร์เตต้า ใช้โควตาเปลี่ยนตัวรอบสุดท้ายส่ง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์, เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ และ  รีสส์ เนลสัน ลงเล่นก่อนเข้าสู่ยี่สิบนาทีสุดท้าย แต่เป็นการลงเพื่อเคาะสนิมมากกว่าจะมาพลิกเกม


อาร์เตต้า แพ้ยับในการกลับมาดวลฝีมือ เป๊ป

นัดแรกในรอบร้อยวันของ อาร์เซน่อล รอคอยจบลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาเก่ากับการเสียประตูง่ายๆ ด้วยการเล่นผิดพลาดเองและปัญหาใหม่กับอาการบาดเจ็บ ผสมรวมเข้าด้วยกัน และเกิดขึ้นที่สนามของทีมระดับ แมนฯ ซิตี้

สกอร์ 3-0 ถือว่าน้อยแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม หาก อาร์เซน่อล ไม่ได้ แบรนด์ เลโน่ ที่เซฟร่วมสิบครั้ง สภาพของ อาร์เซน่อล จะยิ่งเละเทะมากกว่านี้ 

อาร์เตต้า ก้มหน้ายอมรับหลังเกมว่า "ทุกอย่างผิดพลาดไปตั้งแต่นาทีแรกๆ ที่เราเสีย กรานิต เพราะอาการบาดเจ็บและจำต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย ทว่าทุกเหตุการณ์สามารถเกิดขึ้นได้ หวังว่าจะเกิดขึ้นเพียงวันนี้ และไม่เกิดขึ้นอีกใน 10 นัดต่อไปของเรา"

ถ้าไม่นับความผิดพลาดของ อาร์เซน่อล ก็ต้องยอมรับว่าความฟิตความพร้อมเป็นรอง แมนฯ ซิตี้ ชัดเจน จังหวะวิ่งเข้าหาบอล แย่งบอล เข้าปะทะสู้ไม่ได้ เหมือนเด็กเล่นกับผู้ใหญ่

สถิติหลังเกมยิ่งไม่ต้องพูดถึง ซิตี้ ข่มมิด และเป็นการชนะ อาร์เซน่อล 7 นัดติดพร้อมยิงรวม 20 ประตู และ อาร์เซน่อล ยิงได้เพียง 2 ประตู

มิเกล อาร์เตต้า ปวดหัวสุดๆ จบนัดนี้อย่างสะบักสะบอมไม่พอ 3 นัดต่อไป (2 เกมลีก 1 เกมเอฟเอ คัพ) ต้องไปเยือนอีกทั้งหมด

ข้อดีเดียวที่เกิดขึ้นคือใน 3 นัดนี้จะไม่ต้องทนเห็น ดาวิด ลุยซ์ ลงเล่นอีก ขณะที่หลายคนบอกว่า ถ้าไม่ได้เห็นอีกเลยตลอดไปจะยิ่งดีมาก


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด