:::     :::

ปิดฉากบุนเดสลีกา

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
1,428
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาล 2019-20 ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาแม้ระหว่างทางต้องหยุดแข่งไปนาน 2 เดือนเศษหลังไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด

บุนเดสลีกา ฤดูกาลที่ 57 เปิดฉากในวันที่ 16 สิงหาคม 2019 ก่อนรูดม่อนปิดฉากในวันที่ 27 มิถุนายน 2020 ตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ลงสนามในฐานะแชมป์เก่าก่อนรักษาแชมป์เอาไวได้และเป็นแชมป์ 8 สมัยติด รวมถึงการเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 30 (29 สมัยหากนับเฉพาะยุคบุนเดสลีกา) 

"เสือใต้" ได้แชมป์ในวันที่ 16 มิถุนายน หลังบุกชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน 1-0 ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 2 นัด แต่พวกเขายังเดินหน้าต่อจนกระทั่งทำสถิติยิงครบ 100 ประตู กลายเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรและประวัติศาสตร์บุนเดสลีกาที่ยิงถึงหลักเซนจูรี่ต่อจากฤดูกาล 1972-73 ที่เคยยิงได้ 101 ประตู ซึ่งฤดูกาลนั้น "ไอ้ลูกระเบิด" แกร์ด มุลเลอร์ กระหน่ำได้ถึง 40 ประตู 

ในวันที่ 13 มีนาคม สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันและบุนเดสลีกา ประกาศหยุดการแข่งขันชั่วคราวหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนกลับมาแข่งได้อีกครั้งแบบ "ปิดสนาม" ไม่ให้แฟนบอลเข้าชมในวันที่ 16 พฤษภาคม จนกระทั่งจบฤดูกาล 

27 มิถุนายน จึงกลายวันที่จบฤดูกาล "ล่าช้า" มากสุดตลอดกาลรองจากฤดูกาล 1971-72 ที่เคยจบช้ากว่า 1 วัน แต่เมื่อเทียบกับลีกใหญ่ในยุโรปด้วยกัน บุนเดสลีกาที่รีสตาร์ทก่อนก็สามารถจบได้ก่อน และแคล้วคลาดปลอดภัยกันทุกฝ่ายสำหรับการลงเตะ 9 นัดสุดท้ายในยุคโควิด

ผลกระทบจากโควิด

เยอรมัน เป็นอีกประเทศในยุโรปที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากเป็นอันดับต้นๆ แต่ว่าด้วยการรับมือและดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างสุดกำลังทำให้มียอดผู้เสียชีวิตไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนที่ติดเชื้อ 

ในช่วงที่เริ่มการระบาด รัฐบาลเยอรมัน สั่งยกเลิกกิจกรรมที่มีการรวมตัวของผู้คนเกิน 1,000 คนในวันที่ 8 มีนาคม ทำให้เกมบุนเดสลีกาคู่ระหว่าง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค และ โคโลญจน์ ในอีก 3 วันถัดมาต้องลงเล่นแบบปิดสนามและเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกาที่มีเพียงนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และผู้ที่เกี่ยวข้องในจำนวนจำกัดอยู่ในสนามเท่านั้น 

หลังเกมสิงห์หนุ่มกับแพะบ้าจบลง บุนเดสลีกา วางแผนเตะนัดที่เหลือแบบปิดสนาม ทว่าก็ต้องยกเลิกทั้งหมดในวันที่ 13 มีนาคม ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และในวันเดียวกันนี้ ลูก้า คีเลียน กองหลัง พาเดอร์บอร์น ก็กลายเป็นนักเตะบุนเดสลีกาคนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19


กลับมาแข่งกันต่อแบบไร้คนดู

จากนั้น หลายสโมสรทั้ง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต, โคโลญจน์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ต่างมีผู้เล่นและสตาฟฟ์โค้ชหลายคนติดเชื้อจนต้องกักตัวและอยู่ภายใต้มาตรการคุ้มเข้ม ขณะที่บางรายอย่าง ซาโลมง กาลู หัวหอกจอมเก๋าของ แฮร์ธ่า ถูกสโมสรแบนยาวหลังไม่ให้ความร่วมมือในมาตรการป้องกัน 

หลังจากประชุมกันหลายรอบร่วมกับตัวแทนของรัฐบาล ในที่สุดสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันและบุนเดสลีกาก็สามารถล็อกวันกลับมาแข่งได้อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม ภายใต้มาตรการต่างๆ มากมายที่กลายเป็น "New Normal" เพื่อให้การแข่งขันเดินหน้าไปได้ 

บทสรุปแชมป์อีกสมัยของ "เสือใต้" 

บาเยิร์น มิวนิค ป้องกันแชมป์ด้วยการทำคะแนนทิ้งห่างคู่แข่ง 13 คะแนน แต่ย้อนไปก่อนรีสตาร์ทกลับมาแข่ง สถานการณ์ยังถือว่าสูสีใกล้เคียงและได้ลุ้นแชมป์อย่างน้อย 5 ทีม

บาเยิร์น มิวนิค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แอร์เบ ไลป์ซิก, โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค และ เลเวอร์คูเซ่น คือ 5 ทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์เพราะห่างกันเพียง 8 คะแนน


เสือใต้คู่ควรตำแหน่งแชมป์

ทว่า "เสือใต้" ของเทรนเนอร์ ฮันซี่ ฟลิค ยังคงรักษาฟอร์มอันร้อนแรงแบบไม่มีทีท่าสะดุดด้วยการเก็บชัยชนะต่อเนื่องจนกระทั่งคว้าแชมป์ในนัดที่ 32 ก่อนจบฤดูกาลด้วยการชนะ 19 จาก 20 นัดสุดท้าย หลุดเสมอเพียงนัดเดียวเท่านั้น...เรียกได้ว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่โหดสุดๆ และคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์อย่างแท้จริง

ตรงกันข้ามกับ 4 คู่แข่งที่ต่างผลัดกันสะดุดโดยเฉพาะในช่วงสำคัญหลังกลับมาแข่งยุคโควิด ความห่างของ "แชมป์" และ "ผู้ท้าชิง" จึงขยายเพิ่มมากขึ้นและกลายเป็นทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในหลายฤดูกาล

บาเยิร์น ได้โควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าพร้อมกับ ดอร์ทมุนด์, ไลป์ซิก และ กลัดบัค ที่ได้อันดับ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ ขณะที่ เลเวอร์คูเซ่น อกหักจบเพียงอันดับ 5 ได้ไปยูโรปา ลีก เช่นเดียวกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ และ โวล์ฟสบวร์ก

เทียบกับฤดูกาล 2018-19 โฉมหน้าตัวแทนของลีกเมืองเบียร์ในการลุยถ้วยยุโรปใบใหญ่เปลี่ยนไปเพียงตำแหน่งเดียวคือ กลัดบัค ที่กลับมาคว้าตั๋วสำคัญที่ เลเวอร์คูเซ่น ทำหลุดมือในฤดูกาลนี้ 


กลัดบัค ได้ตั๋วใบสุดท้ายลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก

เบรเมนพลิกนรกหนีตาย

ในโซนท้ายตารางต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายที่ "รองบ๊วย" แวร์เดอร์ เบรเมน ต้องลุ้นหนีตายแข่งกับอันดับ 16 ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ที่มีคะแนนมากกว่า 2 คะแนน ขณะที่ พาเดอร์บอร์น ตีตั๋วกลับลีกา สอง ล่วงหน้าไปแล้ว 

สถานการณ์ก่อนแข่ง เบรเมน เสียเปรียบและลุ้นหลายสเต็ปพอสมควรเพราะต้องเอาชนะ โคโลญจน์ ให้ได้ และลุ้นให้ ดุสเซดอร์ฟ แพ้ในการไปเยือน ยูเนี่ยน เบอร์ลิน 

หรือหาก ดุสเซลดอร์ฟ เสมอ ทาง เบรเมน ก็ต้องยิงชนะให้ได้อย่างน้อย 4 ประตูเพราะผลต่างประตูได้-เสีย เป็นรอง แต่หาก ดุสเซลดอร์ฟ ชนะก็รอดเลย และเป็น เบรเมน ที่ต้องตกชั้นไม่ว่าผลนัดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร


เบรเมน ได้ลุ้นหนีตายอีกเฮือก

ปรากฎว่า "นกนางนวล" คืนฟอร์มเก่งได้ถูกที่ถูกเวลาเปิดบ้านถล่ม โคโลญจน์ 6-1 เก็บชัยชนะในบ้านนัดแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว โดย 15 นัดในบ้านกว่าจะได้ชัชนะสุดสำคัญนัดนี้ เบรเมน แพ้ไปถึง 12 นัดและเสมอ 3 นัด ยิงรวมกันได้เพียง 5 ประตู น้อยกว่านัดสุดท้ายนัดเดียวด้วยซ้ำ

ขณะที่ ดุสเซลดอร์ฟ กลับพลาดท่าในเกมสำคัญเมื่อออกไปโดน ยูเนี่ยน เบอร์ลิน น้องใหม่ที่รอดตกชั้นไปแล้วถล่มกลับมา 3-0 พวกเขาจึงหล่นไปจบในตำแหน่งรองบ๊วยแทน เบรเมน และตกชั้นในที่สุดหลังขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกาได้เพียง 2 ฤดูกาล 

แวร์เดอร์ เบรเมน จึงได้ลุ้นหนีตายอีกเฮือกไปรอเพลย์ออฟกับทีมอันดับ 3 จากลีกา สอง ซึ่งอาจจะเป็น ไฮเดนไฮม์ (อันดับ 3 - 55 คะแนน) หรือ ฮัมบูร์ก (อันดับ 4 - 54 คะแนน) ทีมใดทีมนึงที่กำลังลงเล่นนัดสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายนนี้ 

ส่วนตัวแทนจากลีกา สอง ที่การันตีเลื่อนชั้นกลับมาแล้วคือ อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์ ที่คะแนนนำโด่งและได้แชมป์เรียบร้อย ขณะที่ สตุ๊ตการ์ท อดีตแชมป์บุนเดสลีกาก็ไม่น่าพลาดตำแหน่งรองแชมป์เพราะคะแนนนำ ไฮเดนไฮม์ 3 คะแนนและประตูได้-เสียดีกว่า 11 ประตู


ตารางคะแนนหลังจบฤดูกาล

 เลวานดอฟสกี้ : เครื่องจักรสังหาร

ตำแหน่งดาวซัลโวฤดูกาลนี้ตกเป็นของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกตัวเก่งของ บาเยิร์น มิวนิค ที่กดไม่ยั้ง 34 ประตู จากการลงเล่น 31 นัด เป็นสถิติดีสุดตลอดกาลในอาชีพค้าแข้ง

"เลวาน" ที่ครองตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลไปด้วย คว้ารางวัลดาวซัลโวบุนเดสลีกาเป็นสมัยที่ 5 ต่อจาก 2013-14 : 20 ประตู (ฤดูกาลสุดท้ายกับ ดอร์ทมุนด์), 2015-16 : 30 ประตู, 2017-18 : 29 ประตู และ 2018-19 : 22 ประตู

ดาวยิงวัยย่าง 32 ปียังมีโอกาสเพิ่มสถิติยิงรวม 49 ประตูจากทุกรายการให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกเพราะยังเหลือโปรแกรมลงเล่นรอบชิงชนะเลิศเดเอฟเบ โพคาล และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีคิวลงเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง กับ เชลซี ในเดือนสิงหาคมนี้


"เลวาน" กดไม่ยั้งในฤดูกาลนี้

ขณะที่ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้า แอร์เบ ไลป์ซิก ก็มีสถิติดีสุดในฤดูกาลนี้เช่นกันด้วยการยิงไป 28 ประตู ส่งท้ายกับทีมได้ยอดเยี่ยมก่อนย้ายไปเล่นให้ เชลซี ในฤดูกาลหน้า 

นอกจาก เลวานดอฟสกี้ ที่ได้ดาวซัลโวแล้ว รางวัลอื่นก็เป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่กวาดไปครองไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์สูงสุดที่ โธมัส มุลเลอร์ คืนฟอร์มเก่งในยุค ฮันซี่ ฟลิค จนทำสถิติ 21 แอสซิสต์ ส่วน มานูเอล นอยเออร์ ก็ทำคลีนชีตมากสุดในลีกที่จำนวน 15 นัด 

เท่านั้นไม่พอ อัลฟอนโซ่ เดวิส แบ็กซ้ายดาวรุ่งชาวแคนาดาวัยเพียง 19 ปีก็ได้รับการเลือกให้ครองตำแหน่ง "รุกกี้แห่งปี" ไปแบบไร้คู่ต่อกรหลังแจ้งเกิดเต็มตัวในฤดูกาลนี้

ภารกิจต่อไป

บุนเดสลีกาฤดูกาลปกติจบลง แต่การแข่งขันฟุตบอลในเยอรมันยังไม่จบแบบสะเด็ดน้ำเพราะนอกจาก เดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ เลเวอร์คูเซ่น ในวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม แล้ว ก็ยังมีเกมเพลย์ออฟที่สำคัญรออยู่อีกด้วย 

แวร์เดอร์ เบรเมน ที่รอดตายสเต็ปแรก จะรอพบกับ ทีมอันดับ 3 ของลีกา สอง โดยจะแข่งกัน 2 นัดเหย้า-เยือน ในวันที่ 2 และ 6 กรกฎาคมนี้

ขณะที่ บาเยิร์น กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยังมีภารกิจในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเดือนสิงหาคม มีเพียง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ตกรอบไปแล้วและตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้ 

ในถ้วยเล็กยูโรปา ลีก เลเวอร์คูเซ่น, โวล์ฟสบวร์ก และ แฟร้งค์เฟิร์ต ต่างอยู่ในเส้นทางทั้งหมด โดยจะลงเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ในระหว่างวันที่ 5-6 สิงหาคมนี้ 

....

เป็นฤดูกาลที่ยาวนานอย่างแท้จริง 


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด