ความหวังหลุดลอย
ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬายกเลิกโทษแบนห้ามเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป 2 ปีที่สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า สั่งลงโทษ แมนฯ ซิตี้ จากความผิดซิกแซกทางด้านการเงิน ทำให้โควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าของสโมสรอังกฤษจะคงอยู่ที่ "ท็อปโฟร์" หรือ 4 อันดับแรกเท่ากัน ไม่หล่นมาถึงอันดับ 5
อาร์เซน่อล มีเพียง 50 คะแนนจาก 35 นัด ในทางทฤษฎีอาจมีช่องเล็กๆ 1 เปอร์เซ็นต์ให้จบท็อปโฟร์ได้คือลุ้นให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มี 59 คะแนนแพ้รวดใน 3 นัดสุดท้าย เช่นเดียวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เก็บไม่เกิน 1 คะแนนจากโปรแกรมที่เหลือ และ อาร์เซน่อล ต้องชนะรวดและยิงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เลสเตอร์ จะมีโปรแกรมเจอกันเองในนัดสุดท้าย นั่นเท่ากับว่าจะมีอย่างน้อย 1 ทีมที่เก็บได้ถึง 60 คะแนนเท่ากับ เชลซี และทำให้ อาร์เซน่อล ไม่มีทางทำคะแนนแซงได้เพราะตามหลัง 10 คะแนน
"ปืนใหญ่" จึงพลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันในทันที
นับเป็นความปราชัยต่ออริร่วมกรุงลอนดอนตอนเหนือที่ส่งผลเสียหายสำหรับ อาร์เซน่อล อย่างมาก
ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ทำท่าว่าจะกลับมาได้ลุ้นตั๋วยุโรปถ้วยใหญ่หลังคว้าชัยชนะ 3 นัดติดในลีกเหนือ เซาธ์แฮมป์ตัน, นอริช และ วูล์ฟส์ แถมเสียไปเพียงประตูเดียว รูปแบบการเล่นเริ่มลงตัว เกมรุกยิงได้ เกมรับเหนียวแน่นขึ้น มีทีมชุดตัวจริงที่แทบไม่เปลี่ยนในช่วงหลัง
หาก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ไม่โดนใบแดงในเกมกับ เลสเตอร์ ก่อนถูกทัพจิ้งจอกโหมใส่จนตามตีเสมอได้ เช่นเดียวกับการเซฟพัลวันของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อาร์เซน่อล ก็น่าจะชนะเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันและเดินทางมาเยือนรังไก่เดือยทองด้วยความมั่นใจเต็มสูบ
อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมเพียงตำแหน่งเดียวจากเกมกับ เลสเตอร์ คือการส่ง นิโกล่าส์ เปเป้ ลงเล่นแทน บูคาโย่ ซาก้า โครงสร้างของทีมยังเหมือนเดิม ยืนพื้นด้วยระบบหลัง 3
ซน ฮึง-มิน ได้ส้มหล่นหลุดไปยิงตีเสมอ
อาร์เซน่อล ชิงจังหวะออกนำก่อนจากลูกยิงเต็มข้อสุดสวยของ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่ส่งลูกบอลเสียบตาข่ายแทบขาด เป็นการยิงที่บ่งบอกถึงความมั่นใจอย่างมากและสร้างความหวังให้กับแฟนบอลว่าจะสามารถบุกทุบอริร่วมเมืองได้แน่นอน
ทว่าความหวังที่เริ่มก่อตัวล่องลอยก็ถูกฉุดร่วงใน 3 นาทีให้หลังเมื่อ เซอัด โคลาซินัช ทำพลาดจ่ายบอลคืนหลังไม่ดีไปเข้าทาง ซน ฮึง-มิน ได้ลากหนี ดาวิด ลุยซ์ ก่อนงัดข้ามตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ตุงตาข่าย สเปอร์ส กลับมาได้ในทันทีกับประตูตีเสมอที่ อาร์เซน่อล ถวายพานให้อย่างไม่น่าเชื่อ
ช่วง 4-5 นัดก่อนนัด อาร์เซน่อล เล่นเกมรับได้โอเคอย่างมาก ขณะที่การเปลี่ยนผู้รักษาประตูจากมือหนึ่งอย่าง แบรนด์ เลโน่ ที่บาดเจ็บมาเป็น เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็แทบไม่พบความแตกต่างเพราะมือสองขาวอาร์เจนไตน์ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ความผิดพลาดส่วนบุคคลของ โคลาซินัช ก็กระตุกความมั่นของ อาร์เซน่อล ลงไปพอสมควร เกมรับเริ่มผิดพลาดในหลายจังหวะเมื่อเจอความคล่องตัวและความขยันของ ซน ฮึง-มิน พร้อมกับมี แฮร์รี่ เคน คอยเก็บตกและวิ่งส่ายในแดนหน้า
ระฆังพักครึ่งช่วยให้ อาร์เซน่อล มีสมาธิมากขึ้นและกลับมาลุยครึ่งหลังด้วยการคอนโทรลเกมได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางช่วงบางจังหวะครองบอลมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แต่จังหวะจบสกอร์กลับเป็น สเปอร์ส ที่ได้ลุ้นกว่า
ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ บุกน้อยกว่าในครึ่งหลัง แต่บุกขึ้นมาแต่ละทีได้เสียวตลอด เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ช่วยทีมได้ในหลายจังหวะ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ 10 นาทีสุดท้ายกลับเสียประตูจากความผิดพลาดง่ายๆ ในเกมรับ
สเปอร์ส ขึ้นนำจากลูกตั้งเตะมุมที่ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ โขกส่งบอลผ่านมือ มาร์ติเนซ ขณะที่ตัวตามประกบคือ คีแรน เทียร์นี่ย์ ที่รูปร่างต่างกันมากเหลือเกิน
อาร์เซน่อล ป้องกันลูกตั้งเตะได้ย่ำแย่
มาร์ติน คีโอว์น อดีตกองหลัง อาร์เซน่อล ออกมาตำหนิแข้งรุ่นน้องแบบไม่ไว้หน้าว่า "2 ประตูที่ อาร์เซน่อล ควรหลีกเลี่ยงให้ได้ ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ความสะเพร่าคือหายนะของพวกเขา"
"เริ่มที่ประตูแรกนะกับการถูกตีเสมอให้หลังเพียง 3 นาทีที่ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ยิงออกนำได้อย่างสุดยอด"
"เซอัด โคลาซินัช ครองบอลและมี คีแรน เทียร์นี่ย์ ยืนรอด้านข้าง แต่เขาไม่ส่งให้ เขามองกลับหลังและเลือก ดาวิด ลุยซ์ แล้วแทนที่จะจ่ายเข้าเท้าซ้ายของ ลุยซ์ อย่างที่ควรจะเป็น เขาดันเลือกจ่ายไปเท้าขวา เลยกลายเป็นว่าบอลเข้าทาง ซน ฮึง-มิน ได้ลากไปยิงและทำให้ สเปอร์ส กลับสู่เกม"
"อาร์เซน่อล ครองบอลได้ 76 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งหลัง พวกเขาคอนโทรลเกมได้ แต่ก็มาเสียท่าในลูกตั้งเตะ เทียร์นี่ย์ ที่สูงเพียง 5 ฟุต 10 นิ้ว ต้องประกบคนที่สูง 6 ฟุต 2 นิ้วอย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และแนวรับ สเปอร์ส ก็เอาชนะได้อย่างที่เห็นในจังหวะนี้"
การแพ้ต่อคู่แข่งที่มีคุณภาพมากกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ อาร์เซน่อล ในนัดล่าสุดคือการแพ้ภัยตัวเอง เล่นพลาดเอง และแสดงความอ่อนหัดออกมาจนถูกลงโทษ ทีมใหญ่กลายเป็นปืนแตกเพราะตัวเองล้วนๆ ไม่ต้องโทษใคร
มิเกล อาร์เตต้า กล่าวในสภาพคอตกหลังเกมว่า "เราผิดหวังอย่างมาก เราต้องการทำให้แฟนบอลได้พบกับช่วงเวลาแห่งชัยชนะ และมีความสุข เราพยายามทำผลงานของเราให้ดีที่สุด"
"เราปล่อยให้พวกเขาได้ประตูอีกครั้ง การเสียประตูจากลูกตั้งเตะ และในกรณีนี้เราไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้ เกมเป็นของเรา เราควบคุมทุกอย่างได้หมด พวกเขาสร้างโอกาสอะไรไม่ได้เลย แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สร้างความเสียหายให้กับเรา และนั่นเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ที่เราต้องแก้ไขร่วมกันเป็นทีม"
"มันน่าผิดหวังที่สุด นักเตะเสียใจมากๆ คุณคงเห็นความพยายามของพวกเขาที่ทุ่มเทในเกมนี้ เราเดินทางมาที่นี่เพื่อหวังชัยชนะ นั่นเป็นแผนที่เราวางเอาไว้ การแพ้มันคงต้องใช้เวลาสัก 2-3 วันเพื่อให้ลืม เพราะเรารู้ว่ามันมีความหมายมากแค่ไหนกับแฟนบอลของเรา"
การครองบอลที่เหนือกว่าของ อาร์เซน่อล ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูเพิ่มได้ ขณะเดียวกันก็ก่อความผิดพลาดจนเสียประตูและมือเปล่ากลับบ้าน ทำให้ 2 นัดหลังสุดเก็บเพิ่มได้เพียงคะแนนเดียว
สเปอร์ส รวมถึง วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เชฟฯ ยูไนเต็ด ที่คะแนนใกล้เคียงกันจึงเป็นฝ่ายขยับหนี อาร์เซน่อล และทันทีที่ แมนฯ ซิตี้ อุทธรณ์ผ่านและโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก จะหยุดอยู่ที่ 4 อันดับแรกเท่านั้น
ความหวังไปชปล. อาร์เซน่อล จึงดับมอดทันทีและก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเหลือแรงกระตุ้นมากเพียงใดสำหรับการลุ้นโควตายูโรปา ลีก ปลอบใจทั้งการติดอันดับ 5-6 ในลีกและอีกทางในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ
เสียหายจริงๆ สำหรับความพ่ายแพ้ในศึกนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ หนล่าสุด
โอบาเมย็อง สุดเซ็ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT