:::     :::

5 สิ่งน่าจับตาปืนหักสิงห์ชิงเอฟเอ คัพ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล เตรียมเปิดศึกลอนดอนเดือดกับ เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยที่ "ปืนใหญ่" มีตั๋วยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้าเป็นโบนัสพิเศษ

เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศหนนี้นับเป็นหนที่ 139 ในประวัติศาสตร์การแข่งขันและเป็นรอบชิงฯ ที่แข่งกันล่าช้ามากที่สุดด้วยผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

มีความน่าสนใจมากมายสำหรับการเจอกันระหว่าง "ปืนใหญ่" กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" และนี่คือ 5 สิ่งที่ต้องจับตามองในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ณ สังเวียนเวมบลีย์

1. อาร์เซน่อล แชมป์มากสุดแต่ เชลซี มาแรงช่วงหลัง

อาร์เซน่อล เป็นทีมที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มากกว่าทุกทีมด้วยตำแหน่งแชมป์ 13 สมัย และกำลังลงเล่นรอบชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่ 21 มากกว่าทุกสโมสร

ขณะที่ เชลซี เตรียมลงเล่นเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่ 14 และหากนับเฉพาะที่ เวมบลีย์ เปิดใช้งานอีกครั้งในปี 2007 เชลซี ผ่านเข้าสู่รอบชิงฯ ได้ถึง 7 ครั้ง เรียกได้ว่าผ่านเข้าชิงบ่อยมากในช่วงหลัง 

เชลซี คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ 7 จาก 9 ครั้งหลังสุดที่เข้าชิงชนะเลิศ แต่ 2 ครั้งหลังที่พลาดแชมป์คือการแพ้ต่อ อาร์เซน่อล ทั้งหมด 


าร์เซน่อล ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ไปแล้ว 13 สมัย 

2. ปืนสถิติข่มในเอฟเอ คัพ 

นี่คือครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ อาร์เซน่อล กับ เชลซี เจอกันในรอบชิงชนะเลิศ โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ได้ทั้งหมดในปี 2002 ที่ชนะ 2-0 และล่าสุดปี 2017 หรือ 3 ปีที่แล้วที่เบียดชนะ 2-1 

ทีมปืนใหญ่คว้าแชมป์ได้ 8 จาก 9 ครั้งหลังสุดที่เข้าชิงชนะเลิศ โดยสามารถคว้าแชมป์ได้ตลอด 6 ครั้งหลังสุดที่เข้าชิงอีกด้วย 

ส่วน เชลซี ชนะเพียงนัดเดียวจาก 13 นัดหลังสุดที่เจอ อาร์เซน่อล ในเอฟเอ คัพ โดยเป็นการแพ้ 8  เสมอ 4  และครั้งเดียวที่ชนะคือรอบตัดเชือกในปี 2009 

อย่างไรก็ตาม นัดล่าสุดที่ทั้้งคู่เจอกันในฟุตบอลถ้วย ปรากฎว่า เชลซี เอาชนะ อาร์เซน่อล ขาดลอย 4-1 ในนัดชิงยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้วและทำให้ "ปืนใหญ่" พลาดตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างชอกช้ำ 

 
ปืนใหญ่อัดสิงห์บลูส์ตลอด 2 นัดที่เจอกันรอบชิงฯ

3. สองกุนซือหนุ่มลุ้นคว้าแชมป์แรกในอาชีพ 

การเจอกันระหว่าง อาร์เซน่อล กับ เชลซี คือการดวลกันของ 2 กุนซือหนุ่มไฟแรงที่ต่างลุ้นคว้าแชมป์แรกในอาชีพให้ได้

มิเกล อาร์เตต้า วัย 38 ปี เริ่มคุมทีมเต็มตัวครั้งแรกกับ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ขณะที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด วัย 42 ปี เริ่มงานเร็วกว่าปีครึ่งด้วยการคุม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในลีกแชมเปี้ยนชิพเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก่อนได้รับโอกาสกลับมาคุม เชลซี ในฤดูกาลนี้

ทั้งสองคนยังไม่เคยคุมทีมได้แชมป์ใดๆ มาก่อนและต่างหวังประเดิมแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งนี้ แต่ในฐานะนักเตะถือว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 

อาร์เตต้า เคยเป็นกัปตันทีม อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการนี้ในปี 2014 ส่วนปี 2015 ที่ปืนใหญ่ป้องกันแชมป์ได้ อาร์เตต้า ไม่ได้ลงสนามเนื่องจากบาดเจ็บ

ส่วน แลมพาร์ด ได้แชมป์เอฟเอ คัพ กับ เชลซี มากถึง 4 สมัยจากการเข้าชิงฯ 5 ครั้ง และครั้งเดียวที่พลาดคือการแพ้ต่อ อาร์เซน่อล ในปี 2002 

 
อาร์เตต้า กับ แลมพาร์ด ถึงคิวดวลกึ๋นกัน

4. ดาวิด ลุยซ์ กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เจอทีมเก่า

ย้อนไปในรอบชิงชนะเลิศ 2017 ที่ อาร์เซน่อล ชนะ เชลซี 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่ตอนนั้นเล่นให้ปืนใหญ่มีส่วนกับชัยชนะเพราะเป็นแอสซิสต์ให้ อาร่อน แรมซี่ย์ ยิงประตูชัยช่วงท้ายเกม ซึ่ง เชลซี ในวันนั้นมี ดาวิด ลุยซ์ เป็นกองหลังตัวหลัก 

แต่ในนัดชิงฯ ปีนี้ ชิรูด์ กับ ลุยซ์ ต่างสลับฝั่งข้ามฟากและกำลังเผชิญหน้ากับทีมเก่าอีกครั้ง 

ชิรูด์ ย้ายจาก อาร์เซน่อล ไปร่วมทีม เชลซี ในต้นปี 2018 และพาทีมได้่แชมป์เอฟเอ คัพ ในปีแรก ส่วนปีต่อมาก็นำ เชลซี ปราบทีมเก่า อาร์เซน่อล ในรอบชิงฯ ยูโรปา ลีก โดยที่ทำประตูได้ด้วย 

ส่วน ลุยซ์ เพิ่งย้ายจาก เชลซี มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้ และในรอบตัดเชือกที่ชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-0 กองหลังชาวบราซิเลียนก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และจะเป็นหัวใจสำคัญของทีมอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศที่ต้องพบกับทีมเก่า 

แน่นอนว่าด้วยด้วยตำแหน่งการเล่น ลุยซ์ และ ชิรูด์ อาจต้องปะทะกันตลอดทั้งเกม และอาจเป็นจุดชี้ขาดในชัยชนะนัดนี้ได้เลย 

 ต่างฝ่ายต่างเจอทีมเก่า

5. ชิรูด์ ถูกโฉลกกับ เวมบลีย์

โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มีสถิติการเล่นที่ เวมบลีย์ สุดยอดมากจากการชนะรวดตลอด 12 นัดที่ลงเล่นทั้งสมัยค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล และปัจจุบันกับ เชลซี

ชิรูด์ ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ที่ เวมบลีย์ 9 นัด ชนะรวดไม่ว่าจะเป็นรอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ 3 ครั้ง, รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 3 ครั้ง และคอมมิวนิตี้ ชิลด์ อีก 3 ครั้ง

พอย้ายมา เชลซี ก็รักษาสถิติยอดเยี่ยมเอาไว้ได้พาทีมใหม่ชนะในรอบตัดเชือกและรอบชิงฯ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2018 และล่าสุดรอบตัดเชือกที่ยิง 1 ประตูเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ทำให้ได้ตั๋วมาลุยเวมบลีย์เป็นครั้งที่ 13 ในชีวิต 

ชิรูด์ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองแล้ว 4 สมัย และมีส่วนร่วม 24 ประตูจากการลงเล่น 30 นัดในฟุตบอลถ้วยรายการนี้ 

เรียกได้ว่ามีสถิติยอดเยี่ยมสุดๆ และเป็นนักเตะที่ อาร์เซน่อล ต้องระวังให้ดีในรอบชิงชนะเลิศ



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด