Dream Start
เป็นการนับหนึ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง แทบทุกอย่างออกมาดีงามไปหมดไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นโดยรวม การยิงได้ 3 ประตูและเก็บคลีนชีต แถมเป็นชัยชนะนอกบ้านที่ปกติแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย
มีประเด็นมากมายในเกมนี้ที่น่าสนใจและสามารถไล่เรียงหลักๆ ได้ 5 ข้อดังนี้
1. แท็กติกเดิมแต่จัดตัวมีเซอร์ไพรส์
มิเกล อาร์เตต้า เลือกระบบ 3-4-3 ที่เล่นได้ดีในช่วงท้ายฤดูกาลก่อนที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ต่อเนื่องถึงคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ได้แชมป์เช่นกันหลังดวลจุดโทษชนะ ลิเวอร์พูล
แต่การจัดตัวผิดไปจากที่คาดโดยเฉพาะการส่ง กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์บราซิเลียนที่ย้ายมาจาก ลีลล์ ในซัมเมอร์นี้ ลงตัวจริงทันทีแม้เพิ่งซ้อมกับทีมได้ไม่กี่วันและยังไม่เคยผ่านเกมอุ่นเครื่องเลย
ช่วงก่อนเกมคาดกันว่า อาร์เตต้า น่าจะส่ง วิลเลี่ยม ซาลีบา แนวรับดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสลงตัวจริงเพราะซ้อมช่วงปรีซีซั่นก่อน กาเบรียล และลงเล่นเกมอุ่นเครื่องไปแล้ว แต่อดีตแข้ง แซงต์-เอเตียน ไม่มีชื่อในนัดนี้เลย
กาเบรียล ลงตัวจริงทำประตูได้ทันที
ตัวเลือกอื่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางต่างเจ็บหรืออยู่ระหว่างเรียกความฟิตทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ปาโบล มารี, ชโคดราน มุสตาฟี่, คาลั่ม แชมเบอร์ส และล่าสุด ดาวิด ลุยซ์ ส่วน โซคราตีส ไม่อยู่ในแผนอยู่แล้ว รอวันย้ายทีมอย่างเป็นทางการ
อีกตำแหน่งคือ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กองกลางชาวอียิปต์ที่ได้ออกสตาร์ตก่อน ดานี่ เซบายอส ในการเล่นร่วมกับ กรานิต ชาคา
ตำแหน่งนี้ อาร์เตต้า มองว่า "บังเอล" สมควรได้เล่นก่อนเพราะซ้อมด้วยความมุ่งมั่นและทำผลงานได้ดีในเกมอุ่นเครื่อง ขณะที่ เซบายอส เพิ่งกลับมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวอีกฤดูกาล
ตำแหน่งอื่นไม่ได้พลิกโผมากนัก แบร์นด์ เลโน่ ได้ลงเฝ้าเสาตัวจริงตามที่มีข่าวหลุดออกมาว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ถูกตัดออกจากทีมเพราะกำลังเตรียมตัวย้ายไปร่วมทีม แอสตัน วิลล่า ขณะที่ ไบรท์ตัน พยายามปาดหน้าแย่งชิงตัว (ข่าวล่าสุดคือ มาร์ติเนซ เข้าตรวจร่างกายที่ วิลล่า แล้ว)
วิลเลี่ยน ได้ลงตัวจริงใน 3 แนวรุกร่วมกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ เป็นการจัดทัพที่ อาร์เตต้า เลือกประสบการณ์มาก่อนกลุ่มดาวรุ่งอย่าง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ บูคาโย่ ซาก้า หรือกระทั่ง นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ความเจนจัดในเวทีพรีเมียร์ลีกยังเป็นรอง วิลเลี่ยน
2. วิลเลี่ยนประเดิมสุดยอด
มิเกล อาร์เตต้า มีความมั่นใจมากขึ้นว่าการเลือกเซ็นสัญญากับ วิลเลี่ยน ในช่วงปลายอาชีพและให้สัญญาถึง 3 ปี เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะแค่นัดแรกที่ลงสนาม ปีกจอมเก๋าบราซิเลียนก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอด
วิลเลี่ยน มีส่วนใน 3 ประตูของ อาร์เซน่อล ไม่ว่าจะเป็นประตูแรกที่ยิงติดเซฟก่อนบอลกระฉอกเข้าทาง ลากาแซ็ตต์ ได้ซ้ำเข้าไป
วิลเลี่ยน เปิดตัวลือลั่น
จากนั้นมีชื่อเป็นคนทำแอสซิสต์ในประตูที่ 2 และ 3 เริ่มจากเปิดเตะมุมให้ กาเบรียล มากัลเญส โขกตุงตาข่าย และเปิดสุดสวยไปให้ โอบาเมย็อง ซัดลูกปิดท้ายสุดสวย
นอกจากนี้ยังเกือบมีชื่อเป็นคนทำประตูด้วยเพราะได้ซัดฟรีคิกในครึ่งแรก แต่ติดปลายมือ มาเร็ค โรดัค เล็กน้อยก่อนบอลชนเสาอย่างจัง
ในส่วนการช่วยเกมรับ ปีกวัย 32 ปี สามารถแย่งบอลกลับมาครองได้ 5 ครั้ง เรียกได้ว่าสำคัญทั้งเกมรุกและเกมรับของทีมอย่างแท้จริง
มิเกล อาร์เตต้า กล่าวชม วิลเลี่ยน หลังจบเกมว่า "คุณจำเป็นต้องมีประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก ในเรื่องของการปรับตัวนั้น วิลเลี่ยน ทำได้เร็วมากๆ"
3. กาเบรียลโดดเด่นไม่แพ้กัน
การได้ลงตัวจริงอย่างเซอร์ไพรส์ทำให้ กาเบรียล มากัลเญส ถูกจับจ้องมากยิ่งขึ้นเพราะเป็นการลงเล่นนัดแรกให้ อาร์เซน่อล และเป็นนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ลีกที่ได้ชื่อว่าหินโหดที่สุดอีกลีกของโลก
ช่วงเริ่มเกม กาเบรียล มีจังหวะสื่อสารผิดพลาดกับเพื่อนร่วมทีมในแนวรับจนเกือบเสียประตู แต่ยังดีที่ เลโน่ ออกมาคว้าบอลจากเท้าของ อาบูบาการ์ กามาร่า เอาไว้ได้หวุดหวิด
จากนั้นจังหวะการเล่นของแนวรับบราซิเลียนเริ่มลงตัว ออกบอลเร็วขึ้นทำให้ไม่ถูกเพรสซิ่ง ประสานงานกับ คีแรน เทียร์นี่ย์ และ ร็อบ โฮลดิ้ง ได้ดี การตัดสินใจเด็ดขาด และไม่ปล่อยให้เกิดสถานการณ์ที่เกมรับของทีมถูกดดัน
กาเบรียล โขก 2-0
ตลอด 90 นาทีในสนาม กาเบรียล ได้สัมผัสบอลทั้งหมด 121 ครั้ง และผ่านบอล 113 ครั้ง มากกว่าทุกคนในสนามทั้งสองสถิติ และผ่านบอลได้แม่นยำมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์
ปราการหลังค่าตัว 27 ล้านปอนด์เก็บบอลกลับมาครองได้ 5 ครั้ง, เคลียร์บอล 3 ครั้ง, เข้าแท็กเกิ้ล 2 ครั้ง และเรียกฟาวล์ 2 ครั้ง ช่วยทีมเก็บคลีนชีตเอาไว้ได้เอาไว้ได้ และไม่ปล่อยให้คู่แข่งคนใดเลี้ยงผ่านได้เลย
ที่พิเศษสุดในนัดนี้คือการเติมขึ้นมาโหม่งทำประตูให้กับทีม และเป็นนักเตะ อาร์เซน่อล คนที่ 10 ที่ยิงได้ตั้งแต่นัดประเดิมสนามและเป็นคนแรกที่ยิงได้นอกบ้านนับจาก โธมัส แฟร์มาเล่น เคยโหม่ง เอฟเวอร์ตัน ในปี 2009 หลังย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
4. โอบาเมย็องไว้ใจได้เสมอ
ไม่เพียงแค่ 2 แข้งใหม่ที่เปิดตัวได้สวย แต่ฮีโร่คนเก่าอย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ก็ยังไว้ใจได้เสมอและรักษาความเฉียบขาดในการจบสกอร์ได้อย่างไร้ที่ติ
โอบาเมย็อง ถูกประกบติดตั้งแต่ต้นเกมทำให้โอกาสพลิกหนีเข้าไปยิงในเขตโทษมีน้อย จังหวะแรกที่ได้ลุ้นยิงคือท้ายครึ่งแรกที่สอดไปรับลูกเปิดสุดสวยของ กรานิต ชาคา ก่อนซัดมุมแคบติดเซฟ
โอบาเมย็อง ยิงลูกถนัด
แต่ครึ่งหลัง "โอบา" ก็สามารถปลดล็อกยิงประตูจนได้ในจังหวะที่ทีมโต้กลับเร็วก่อนเป็น วิลเลี่ยน เก็บตกได้แล้วเปิดน้ำหนักพอดีไปให้หัวหอกกาบองดูดบอลลง และเมื่อคู่แข่งปล่อยให้มีพื้นที่ก็เข้าทางได้แต่งเข้าขวาปั่นเน้นๆ เสียบตาข่าย
ประตูของ โอบาเมย็อง คล้ายวันที่ยิง ลิเวอร์พูล ในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ทั้งการเซตเกมโต้กลับเร็ว และเปิดบอลข้ามฝากจากขวาไปซ้ายก่อนที่ โอบา จะอาศัยความสามารถเฉพาะตัวในการเอาบอล แตะหนีคู่แข่ง และยิงประตูอย่างเด็ดขาด
นั่นทำให้นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ โอบาเมย็อง ยิงไปแล้ว 55 ประตูจากทุกรายการ ไม่มีใครยิงได้มากกว่าเขาอีกแล้วในช่วงเวลาเดียวกัน
เรื่องยิงประตูไม่มีอะไรน่าห่วงสำหรับ โอบาเมย็อง สิ่งที่แฟนบอล อาร์เซน่อล ต้องลุ้นคือการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป
5. แผนงาน อาร์เตต้า รุดหน้าต่อเนื่อง
คนสุดท้ายที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เพราะถือว่าสำคัญสุดคือ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีมที่เข้ามาปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างให้มีพัฒนการที่ดีขึ้นชัดเจน
อาร์เตต้า ใช้เวลาปรับหารูปแบบการเล่นของทีมอยู่พักใหญ่ก่อนลงตัวในระบบหลัง 3 เมื่อท้ายฤดูกาลก่อน จากนั้นใส่แท็กติกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วางแผนการเล่นให้เหมาะสมกับคู่แข่งทำให้โค่นทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ในเส้นทางสู่แชมป์เอฟเอ คัพ ได้
ระบบที่ อาร์เตต้า วางเอาไว้มีความต่อเนื่องให้เห็นในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ดวลจุดโทษชนะ ลิเวอร์พูล ทั้งที่ก่อนเกม อาร์เซน่อล เป็นรองพอสมควร ขาดตัวหลักไปหลายคน รวมถึงเริ่มซ้อมช่วงปรีซีซั่นช้ากว่าเนื่องจากจบฤดูกาลทีหลัง
วิลเลี่ยน ไม่ทำให้ อาร์เตต้า ผิดหวัง
ในเกมบุกชนะ ฟูแล่ม 3-0 แท็กติกของ อาร์เตต้า แตกต่างจากวันที่พลิกชนะ 3 ทีมใหญ่เพราะศักยภาพของ อาร์เซน่อล เหนือกว่า จังหวะการเล่นโดยรวมต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่มากกว่า แต่ก็ยังเล่นได้ในแบบที่ตัวเองต้องการ รู้จักฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่ง และมีทีเด็ดจากลูกเซตพีซ
ขณะที่ประตูปิดท้ายของ โอบาเมย็อง ก็คล้ายกับประตูที่ยิง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ที่มาจากการเซตบอลจากแดนหลัง จากนั้นวางยาวข้ามฟากไปให้หัวหอกกัปตันทีมคนเก่งปิดบัญชี
อาร์เซน่อล ในยุค มิเกล อาร์เตต้า จึงเล่นได้อย่างมีแบบแผน นักเตะมีความเข้าใจในแท็กติก และเข้าใจสไตล์การเล่นของกันและกัน เรียกได้ว่าเป็นการเล่นที่มี "อนาคต" เดินหน้าได้ชัดเจน ไม่สะเปะสะปะ 3 วันดี 4 วันไข้เหมือนในยุคของ อูไน เอเมรี่
หาก อาร์เซน่อล สามารถรักษามาตรฐานที่ทำได้ตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อนจนถึงนัดเปิดฤดูกาลล่าสุด การลุ้นท็อปโฟร์ที่เป็นเป้าหมายเบื้องต้นของทีม มีลุ้นยาวๆ แน่นอน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT