การต่อสัญญาแห่งทศวรรษ
ก่อนหน้านี้ อนาคตของ โอบาเมย็อง แขวนไปด้วยเครื่องหมายคำถามว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเนื่องด้วยสัญญาเหลือเพียงปีเดียว
ผลงานการถล่มประตูอันสุดยอดทำให้หัวหอกทีมชาติกาบองได้รับความสนใจจากหลายทีมทั่วยุโรปโดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ของสเปน และ อินเตอร์ มิลาน ทีมดังอิตาลี
อาร์เซน่อล พยายามอยู่นานในการต่อสัญญากับดาวซัลโวตัวเก่งออกไปให้ได้ ก่อนประสบความสำเร็จในที่สุดด้วยการจับเซ็นสัญญาใหม่ 3 ปี หรือจนถึงซัมเมอร์ 2023
ในการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป โอบาเมย็อง ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์ มากสุดในทีมอาร์เซน่อลเท่ากับ เมซุต โอซิล และมากสุดในบรรดานักเตะพรีเมียร์ลีกด้วยกัน
นับเป็นเงินก้อนโตที่ อาร์เซน่อล กล้าทุ่มเพื่อรั้งดาวยิงตัวเก่งเอาไว้กับทีมแต่ไป แต่ผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์เป็นอย่างดีว่า โอบาเมย็อง คู่ควรกับค่าเหนื่อยดังกล่าว
โอบาเมย็อง ทำผลงานได้สุดยอดนับตั้งแต่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ในต้นปี 2018 เขาลงสนามไปแล้วทั้งหมด 112 นัดจากทุกรายการ ทำได้ 72 ประตู และอีก 16 แอสซิสต์
เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันแล้ว ไม่มีนักเตะคนใดในอังกฤษทำประตูได้เท่ากับ โอบาเมย็อง เลย ไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เจมี่ วาร์ดี้, แฮร์รี่ เคน หรือ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
ฤดูกาล 2018/19 ที่เล่นเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรกกับ อาร์เซน่อล โอบาเมย็อง จบในตำแหน่งดาวซัลโวร่วมของพรีเมียร์ลีกที่ 22 ประตูเท่ากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
ขณะที่ฤดูกาลล่าสุด หัวหอกทีมชาติกาบองซัดได้ 22 ประตูเช่นกัน พลาดตำแหน่งดาวซัลโวฉิวเฉียดเป็นรอง เจมี่ วาร์ดี้ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ เพียงประตูเดียว
อาร์เซน่อล จบเพียงอันดับ 8 ในฤดูกาลล่าสุด มี 56 คะแนน และยิงได้ 56 ประตูซึ่งหากตัด 22 ประตูของ โอบาเมย็อง ออกไป ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า จะมีคะแนนน้อยกว่าเดิม 20 คะแนนเลยทีเดียว
เท่านั้นไม่พอ อันดับในตารางคะแนนจะหล่นจากที่ 8 ไปอยู่ที่ 16 เลยทีเดียว แถมอยู่เหนือจากโซนตกชั้นแค่ 2 คะแนนเท่านั้น จึงชัดเจนว่าแต่ละประตูจาก โอบาเมย็อง มีค่าและสำคัญต่อ อาร์เซน่อล มากเพียงใด
เจาะลึกลงไปในแต่ละประตูพบว่ามีถึง 13 นัดที่ประตูของ โอบาเมย็อง ช่วยให้ อาร์เซน่อล ได้รับผลการแข่งขันที่ดีกว่าเดิม
13 นัดดังกล่าว แบ่งเป็น 2 นัดที่ประตูของ โอบาเมย็อง ช่วยให้ อาร์เซน่อล พลิกจาก "แพ้" เป็น "ชนะ" (บวกเพิ่ม 6 คะแนน)
อีก 3 นัดจากประตูของอดีตหัวหอก ดอร์ทมุนด์ ช่วยทีมพลิกจาก "เสมอ" เป็น "ชนะ" (บวกเพิ่ม 6 คะแนน) และอีก 8 นัดที่ช่วยทีมคว้าผลเสมอ (บวกเพิ่ม 8 คะแนน) ซึ่งจากสถิติตรงนี้ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า "ปืนใหญ่" ตกที่นั่งลำบากแน่หากไม่มี โอบาเมย็อง คอยล่าตาข่าย
เชื่อมั่นกันและกันนำมาซึ่งการเซ็นสัญญาใหม่
ในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วที่ อาร์เซน่อล เค้นฟอร์มเก่งออกมาโดยเฉพาะในเอฟเอ คัพ ที่บุกตะลุยจนถึงตำแหน่งแชมป์สมัย 14 โอบาเมย็อง คือหัวใจสำคัญอย่างแท้จริงเพราะเหมาซัดทุกประตูตั้งแต่รอบตัดเชือกที่ชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-0 ต่อด้วยรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ เชลซี 2-1
จากนั้นพาทีมเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่ด้วยการคว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ หลังดวลจุดโทษชนะ ลิเวอร์พูล ซึ่งหัวหอกทีมชาติกาบองเป็นคนซัดจุดโทษให้ทีมขึ้นนำในเวลาปกติ และเป็นคนยิงปิดท้ายช่วงดวลเป้าหาผู้ชนะ
หัวหอกทีมชาติกาบองเปิดใจหลังต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมว่า "ผมรู้เกี่ยวกับ อาร์เซน่อล อยู่แล้วก่อนย้ายมาที่นี่ ทุกคนต่างรู้ว่าสโมสรแห่งนี้มีความพิเศษอย่างไร"
"ผมเคยเห็นสุดยอดนักเตะ นักเตะที่เต็มไปด้วยแพสชั่น นักเตะไร้พ่าย ผมฝันที่จะเป็นหนึ่งในนั้น ได้อยู่ท่ามกลางสุดยอดนักเตะและอยู่ในใจแฟนบอลตลอดไป"
"ผมต้องการเป็นตำนานของ อาร์เซน่อล เฉกเช่น อองรี, ไรท์ตี้, อดัมส์ และเบิร์กแคมป์ รวมถึงอีกหลายคนเกินกว่าจะกล่าวถึงได้หมด"
"ผมคิดว่าเราสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ อาร์เซน่อล กำลังมาถึงแน่นอน ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องให้ความเคารพสโมสรของเรา"
"พ่อของผมคือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่สุด เขาเคยเป็นกัปตันสโมสรและทีมชาติ สิ่งนี้มีความหมายสำหรับผมอย่างมากกับการได้เป็นกัปตันให้กับสโมสรที่พิเศษแห่งนี้ ผมต้องการสร้างสิ่งที่จดจำเอาไว้ นี่คือที่ที่ผมเป็นเจ้าของ นี่คือครอบครัวของผม"
"พ่อ" คือแรงบันดาลใจสำคัญ
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึง มิเกล อาร์เตต้า กุนซือหนุ่มไฟแรงที่เป็นอีกเหตุผลทำให้ยอมฝากอนาคตกับทีมหลังได้คุยกันอย่างเปิดใจ
"ผมได้คุยกับ มิเกล ซึ่งผมคิดว่าเขาชัดเจนมากๆ เกี่ยวกับไอเดียในอนาคตของสโมสรและตัวผม เขาตรงไปตรงมาและจริงใจ นั่นคือสิ่งที่ผมชอบเพราะเราจริงใจต่อกันเสมอ"
"เขาบอกว่า 'โอเค นายอาจย้ายได้นะ ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรในตอนนี้ แต่นายสามารถย้ายและไปคว้าแชมป์กับสโมสรอื่น หรืออยู่ที่นี่ต่อไปและสร้างสิ่งมีคุณค่าให้จดจำเอาไว้ สำหรับผมแล้ว นี่คือใจความสำคัญ"
"เราคุยกันตอนช่วงล็อกดาวน์ เขาโทรหาผม เขาพูดว่า 'ฉันต้องการจริงใจกับนาย แล้วนายล่ะรู้สึกอย่างไร? ผมก็แบบว่า 'ผมต้องบอกตามตรงนะ ผมรู้สึกดีมากๆ' มันเป็นเวลา 2 เดือนหรือ 3 เดือนที่เขาอยู่ที่นี่และฝึกซ้อม คุณรู้สึกได้ถึงพาสชั่น"
"คุณรู้สึกได้ถึงทุกอย่างจากชายคนนี้ เขาเจ๋งเลย เขาเป็นคนแบบที่คุณสามารถเชื่อใจได้" โอบาเมย็อง กล่าว
ขณะที่ อาร์เตต้า ก็เปิดเผยเหตุผลที่กองหน้าตัวเก่งต่อสัญญากับทีมออกไปพร้อมปัดข้อเสนอ บาร์เซโลน่า เพราะ "ปืนใหญ่" ก็เป็นทีมใหญ่ที่เจ๋งไม่แพ้กัน
"ผมคิดว่าเหตุผลสำคัญที่ โอบา อยู่ต่อเพราะเรามีทีมฟุตบอลที่สุดยอด เรามีกลุ่มคนที่มหัศจรรย์ทำงานที่นี่และเขารู้สึกถึงความรักจากแฟนบอล"
"ผมทำในส่วนของผมคืออธิบายให้เขารับรู้ว่าเราพยายามทำอะไร อธิบายว่าเขาสำคัญอย่างไร รวมถึงสิ่งที่เรากำลังสร้าง แค่นั้น สโมสรควรได้เครดิตนี้และทุกคนที่รวมมือกันในเรื่องนี้เพื่อให้เขาได้อยู่ต่อ" อาร์เตต้า กล่าว
ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยว่าสถิติการทำประตูและผลงานในสนามของ โอบาเมย็อง ยอดเยี่ยมเพียงใด เขาคือความหวังอันดับหนึ่งของทีมในเวลานี้อย่างแท้จริง และการที่รั้งตำแหน่งกัปตันทีมอยู่ด้วยยิ่งทำให้การต่อสัญญาออกไป มีความหมายและความสำคัญมากขึ้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แฟนบอล อาร์เซน่อล ต้องทนเห็นกัปตันทีม หรือแกนหลักคนแล้วคนเล่าทยอยย้ายออกไปด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
ด้วยวิถีแห่งฟุตบอลเป็นสิ่งที่เข้าใจได้เพราะเกือบทุกคนที่ออกไปต่างประสบความสำเร็จได้แชมป์กับทีมใหม่อย่างที่ต้องการ ขณะที่ค่าเหนื่อยก็มากกว่าที่เคยได้รับจาก อาร์เซน่อล
รับค่าเหนื่อยมากสุด
ว่าไปแล้ว ตำแหน่งกัปตันทีมอาร์เซน่อลในช่วงหลังเหมือนเป็นตำแหน่ง "อาถรรพ์" เพราะไม่ว่าใครได้ทำหน้าที่มักลงเอยด้วยการ "ย้าย" ออกไป หรือไม่ก็เผชิญหน้าอาการบาดเจ็บซ้ำซากแทบไม่ได้ลงสนาม
ปาทริค วิเอร่า, เธียร์รี่ อองรี, วิลเลี่ยม กัลลาส, เชส ฟาเบรกาส, โธมัส แฟร์มาเล่น, มิเกล อาร์เตต้า, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ฯลฯ
หรือกรณีของ กรานิต ชาคา ก็เคยมีเรื่องราวบาดหมางกับแฟนบอลจนถูกริบปลอกแขนกัปตันทีม อนาคตดับวูบจนเกือบได้ย้ายออกไปอีกเช่นกันหากไม่เจอจุดเปลี่ยนหลังการมาของ มิเกล อาร์เตต้า
โทนี่ อดัมส์ น่าจะเป็นกัปตันทีมคนสุดท้ายที่ยืนหยัดทำหน้าที่สุดสำคัญนี้จนกระทั่งแขวนสตั๊ดด้วยการลงเล่นให้ อาร์เซน่อล เพียงทีมเดียว แต่นั่นก็นานนับสองทศวรรษแล้ว
การต่อสัญญาของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง จึงเป็นยิ่งกว่าข่าวดีเพราะนี่ไม่ใช่เพียงการรั้งนักเตะคนนึงเอาไว้ในทีม แต่เป็น "กัปตันทีม" ที่อยู่ในช่วงฟอร์มดีสุดของอาชีพ
โอบาเมย็อง มีโอกาสได้แชมป์และค่าเหนื่อยมากกว่านี้หากย้ายไปทีมอื่น แต่เขาเลือกอยู่ต่อทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าต้องออกแรงแบกทีมอย่างหนักแน่นอนด้วยศักยภาพที่ยังเป็นรองหลายทีมใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะอยู่จนครบ 3 ปีตามสัญญาใหม่ที่เซ็นหรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาทำให้เห็นแล้วว่า "พร้อมอยู่" และพร้อมก้าวไปข้างหน้าร่วมกับทุกคนในทีม
โอบา ให้ความ "เชื่อมั่น" กับสโมสร และให้ "ใจ" แฟนบอลด้วยการต่อสัญญา
นักเตะที่ดีที่สุดในทีมเลือกที่จะอยู่ต่อไปสำคัญไม่ต่างจากการได้นักเตะใหม่มาร่วมทีม ขณะเดียวกันก็ทำให้เพื่อนร่วมทีมเชื่อมั่นต่อสถานะของตัวเองมากขึ้นว่าได้อยู่กับทีมที่พร้อมกอดคอลุยไปด้วยกัน
จึงไม่เกินไปนักที่จะกล่าวว่าการต่อสัญญาของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง คือการต่อสัญญาแห่งทศวรรษของ อาร์เซน่อล อย่างแท้จริง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT