อย่าหมิ่นถ้วยน้อย อย่าคอยวาสนา
ทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันมาในเกมพรีเมียร์ลีก นัดมันเดย์ไนท์ ในเกมที่ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากกว่าเอาชนะไป 3-1 ก่อนเป็น อาร์เซน่อล แก้มือได้ในบอลถ้วยที่มีการเปลี่ยนผู้เล่นแทบยกชุดมาสู้กัน
มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนตัวจริง 8 ตำแหน่งในการลงเล่นที่แอนฟิลด์นัดที่ 2 รอบ 4 วัน เหลือเพียง ร็อบ โฮลดิ้ง, กรานิต ชาคา และ แบรนด์ เลโน่ ที่ลุยต่อ
ขณะที่หงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนไป 9 ตำแหน่งจากเกมลีก โดยมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้ลงประคองรุ่นน้องในเกมรับ ส่วนเกมรุกเข็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ช่วยทีมต่อ
ในเกมที่เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งและใช้สำรอง-ดาวรุ่งมาสู้กัน รูปเกมที่ออกมาจึงไม่เหนือกว่ากันมาก ต่างจากเกมลีกที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่าชัดเจนและสมควรเป็นผู้ชนะ
อาร์เตต้า ยึดระบบ 3-4-3 เหมือนเดิม โดยที่ 3 เซนเตอร์เรียก กาเบรียล มากัลเญส ที่หลุดโผเกมลีกกลับมาเป็นตัวจริงร่วมกับ ร็อบ โฮลดิ้ง และ เซอัด โคลาซินัช ที่แม้จะมีข่าวย้ายไป เลเวอร์คูเซ่น แต่ก็ได้ลงเล่นและอาจเป็นสุดท้ายก่อนอำลา
วิงแบ็กซ้ายเลือกใช้ บูคาโย่ ซาก้า ที่ก่อนเกมมีข่าวดีถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก (เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ก็ติดอีกครั้งหลังประเดิมลงเล่นไปแล้เมื่อเดือนที่ผ่านมา) ส่วนวิงแบ็กขวาใช้ เซดริก โซอาเรส ที่หายเจ็บกลับมาดี
มิดฟิลด์คู่กลางเป็น กรานิต ชาคา และ ดานี่ เซบายอส ขณะที่ 3 ตัวรุกให้ โจ วิลล็อค ขยับขึ้นไปทางขวา ส่วนทางซ้ายเป็น นิโกล่าส์ เปเป้ โดยมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ รับบทหอกเป้า
เลโน่ ตอกย้ำอีกครั้งว่าเขาคือมือหนึ่งตัวจริง
ลิเวอร์พูล ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยที่ 57 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนคือการหาโอกาสทำประตูมากถึง 16 ครั้ง และเข้ารอบ 7 ครั้ง ส่วน อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิงเพียง 6 ครั้ง เข้ากรอบแค่ 2 ครั้ง
มีหลายจังหวะมากที่่ลูกน้องของ คล็อปป์ น่าจะได้ประตูเผด็จศึกเป็นผู้ชนะในเวลาปกติหากไม่เพราะถูกปฏิเสธโดย แบรนด์ เลโน่ ที่เหนียวแน่นหนึบสุดๆ ในนัดนี้
เลโน่ เซฟไปถึง 7 ครั้ง และเป็น "ซูเปอร์เซฟ" เกือบทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นปัดลูกโหม่งและยิงของ ดิโอโก้ โชต้า 2 ครั้ง, ลูกเตะมุมที่ ฟาน ไดค์ ได้ตวัดจ่อๆ, ลูกยิงไกลของ มาร์โก กรูยิช และลูกโหม่งย้อยๆ ของ กรูยิช อีกครั้ง
นี่คือผลงานที่สุดยอดของ เลโน่ อย่างแท้จริง แถมในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน อดีตนายทวารก็เซฟช่วยทีมได้อีก 2 ครั้ง เรียกได้ว่าคู่ควรกับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ชนิดไร้ข้อโต้แย้งใดๆ
มิเกล อาร์เตต้า กล่าวชมนายทวารชาวเยอรมันหลังจบเกมว่า "เลโน่ ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ เขาก้าวขึ้นมาช่วยเราในตอนที่เราต้องการ การจะเก็บชัยชนะที่แอนฟิลด์ได้ คุณจำเป็นต้องโชว์ฟอร์มส่วนตัวที่สุดยอดออกมาให้ได้ คืนนี้เราก็ทำอย่างนั้นได้"
"ผมมีความเชื่อมั่นในตัว แบรนด์ ผมรู้จักเขาดี และรู้ดีว่าเขาสามารถทำอะไรให้เราได้บ้าง ที่จริงเราไม่อยากปล่อย เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ออกไป แต่มันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีต่อทั้ง 2 ฝ่ายแล้วก็ได้"
ก่อนหน้าที่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ย้ายออกไป มีประเด็นให้หลายคนได้ถกเถียงกันว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ มาร์ติเนซ จะยึดมือหนึ่งของทีมเพราะโชว์ฟอร์มได้ดีมากในช่วงที่ เลโน่ บาดเจ็บ
แต่สุดท้าย อาร์เซน่อล ก็เลือกปล่อย มาร์ติเนซ ไปให้ แอสตัน วิลล่า ที่ยื่นข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์เข้ามาซึ่ง อาร์เตต้า มองว่าเป็นการตัดสินใจถูกต้องแล้วเพราะการมีนายทวารมือดี 2 คนในทีมเดียวกัน ไม่ควรมีคนใดคนหนึ่งเป็นสำรองอีกต่อไป และ มาร์ติเนซ ก็พร้อมแล้วที่ได้โอกาสอย่างต่อเนื่องหลังทนสำรองมานานนับทศวรรษ
ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
ขณะที่ เลโน่ ก็ไม่ทำให้ความเชื่อมั่นของ อาร์เตต้า ต้องผิดหวังเมื่อเซฟประตูช่วยทีมหลายครั้งในนัดล่าสุดซึ่งเขาเองก็เปิดใจถึงสถานการณ์ที่เหมือนจะเสียตำแหน่งมือหนึ่งออกไปว่าไม่ได้รู้สึกหวั่นกลัวใดๆ เลย
"ผมไม่เคยกลัวเลย สโมสรทำให้ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าที่ผ่านมาผมเป็นมือหนึ่ง ปัจจุบันก็มือหนึ่ง และอนาคตก็มือหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ จากสโมสร หน้าที่ของผมคือพิสูจน์ให้เห็นในทุกสัปดาห์ ผมคิดว่าวันนี้ผมได้ทำให้เห็นอีกครั้งแล้ว"
หากไม่ได้ เลโน่ ในนัดนี้ อาร์เซน่อล มีโอกาสแพ้สูงมากเพราะเกมรุกไม่ได้กดดันแนวรับ ลิเวอร์พูล อย่างที่ควรจะเป็น
การเล่นร่วมกันระหว่าง วิลล็อค, เอ็นเคเทียห์ และ เปเป้ มีน้อยมาก ในจังหวะที่จะลุยเดี่ยวก็ไม่ดีพอที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ โอกาสลุ้นจะแจ้งครั้งเดียวในเกมจึงเป็นการเติมขึ้นมาโหม่งของ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่ อาเดรียน ซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้
ตรงนี้คือการบ้านที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องไปปรับแก้ต่อไปโดยเฉพาะ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ฤดูกาลนี้ถูกคาดหวังอย่างมากเพราะผ่านฤดูกาลแรกที่เป็นเวลาในการปรับตัวมาแล้ว ดังนั้นจึงต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีข้ออ้างใดๆ
เปเป้ ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะมีคู่แข่งพร้อมแย่งตำแหน่งหลายคนไม่ว่าจะเป็น บูคาโย่ ซาก้า, รีสส์ เนลสัน และผู้มาใหม่อย่าง วิลเลี่ยน ที่ได้ความเชื่อมั่นจาก อาร์เตต้า ชัดเจนด้วยการเป็นตัวจริงในเกมลีกตลอด 3 นัดแรกของฤดูกาล
ส่วนแดนกลางเป็นจุดที่ อาร์เตต้า มองเห็นอยู่แล้วว่ายังไม่ได้ตามที่ต้องการ ชาคา, เซบายอส และ เอลเนนี่ จึงได้สลับสับเปลี่ยนกันเล่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละนัด
แฟนบอลอาร์เซน่อล ต้องลุ้นอย่างหนักว่าจะคว้าตัว 2 เป้าหมายหลัก โธมัส ปาร์เตย์ ของ แอตเลติโก มาดริด และ ฮุสเซม อาอูอาร์ ของ โอลิมปิก ลียง มาร่วมทีมได้ก่อนตลอดปิดในวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคมหรือไม่
อาร์เตต้า พอใจระดับหนึ่งกับฟอร์มการเล่นในนัดล่าสุด และที่สำคัญสุดคือการเก็บชัยชนะกลับออกมาจากแอนฟิลด์แม้ต้องลุ้นถึงการดวลจุดโทษก็ตาม
ชัยชนะในทุกนัดสำคัญต่อ อาร์เซน่อล และ อาร์เตต้า
การผ่านเข้ารอบได้ในรายการที่หลายคนมองว่าสำคัญน้อยกว่ารายการอื่นยังถือว่าจำเป็นต่อ อาร์เซน่อล เพราะจะได้เป็นเวทีและโอกาสสำหรับกลุ่มดาวรุ่งและสำรองได้ลงสนามต่อเนื่อง แถมนัดหน้าที่จับสลากได้เจองานหินปะทะแชมป์เก่า แมนฯ ซิตี้ ก็จะเป็นอีกบททดสอบที่ชี้วัดอะไรได้หลายอย่าง
ในช่วงเริ่มต้นการเริ่มต้นสร้างทีมใหม่แบบ อาร์เซน่อล ตอนนี้ การคว้าชัยชนะและคว้าแชมป์ให้ได้ช่วยสร้างขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่นได้ดีมาก อีกทั้งสร้างแรงกระหายในการเดินหน้าลุ้นความสำเร็จรายการที่ใหญ่และสำคัญมากขึ้น
อาร์เตต้า เริ่มต้นได้ดีมากๆ แล้วกับการพาทีมได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ต่อด้วย คอมมิวนิตี้ ชิลด์ บรรยากาศในการฉลองความสำเร็จแบบนี้คือสิ่งที่ควรรักษาเอาไว้เพราะยิ่งเว้นช่วงไปนาน การจะกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้งยิ่งยากขึ้น
มาถึงตรงนี้ อาร์เซน่อล ต้องพยายามเข้ารอบลึกๆ และลุ้นคว้าแชมป์ให้ได้ มันจะเป็นเกียรติประวัติที่ดีสำหรับทั้ง อาร์เตต้า เอง นักเตะในทีม และสโมสรที่ไม่ได้แชมป์รายการนี้มาเกือบ 3 ทศวรรษแล้วนับตั้งแต่ปี 1993 ในยุคของ จอร์จ เกรแฮม
คาราบาว คัพ หรือ ลีก คัพ เป็นถ้วยเล็กที่ความสำคัญน้อยสุด แต่ก็ไม่ได้ไร้คุณค่าเสียทีเดียวโดยเฉพาะกับ อาร์เซน่อล ที่อยู่ในช่วงเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT