ปาร์เตย์ยกระดับปืนได้อย่างไร

อาร์เซน่อล ให้ความสนใจ ปาร์เตย์ มานานหลายปี และเริ่มเอาจริงเอาจังเมื่อ 6-7 เดือนก่อนที่ เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือหนุ่มไฟแรงเขียนชื่อลงในลิสต์เสริมทัพช่วงซัมเมอร์ว่าเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ต้องดึงตัวมาร่วมทีมให้ได้

ความพยายามดึงตัว ปาร์เตย์ มาร่วมทีมเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้เป็นนักเตะที่ต้องการดึงมาร่วมทีมคนแรก แต่กลับได้ตัวมาร่วมทีมเป็นคนสุดท้ายในตลาดนักเตะ 

ทำไม อาร์เซน่อล อยากได้ โธมัส ปาร์เตย์ ชนิดไม่เคยละความพยายามในการไล่ล่าตัวจนกระทั่งประสบความสำเร็จเอาในชั่วโมงสุดท้ายก่อนตลาดปิดตัว 

วันนี้เราจะมาเจาะลึกศักยภาพของ โธมัส ปาร์เตย์ ว่าจะเข้ามาเติมเต็มแดนกลาง อาร์เซน่อล ได้อย่างไร 

∎ เกมรับ 

โธมัส ปาร์เตย์ เป็นผู้เล่นที่มีคุณสมบัติพร้อมในการเข้าแย่งบอลให้ทีมกลับมาครอบครองอีกครั้ง เขามีส่วนผสมที่ลงตัวทั้งเรื่องของความฉลาดในการเล่น ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย และการอ่านเกม ไม่มีทางที่คู่แข่งจะพาบอลผ่านเขาไปได้ง่ายๆ 

การยืนตำแหน่งในเกมรับคือจุดแข็งชัดเจนสุดของ ปาร์เตย์ เขาสามารถอ่านจังหวะการเล่นและดักตัดบอลได้บ่อยครั้ง ทำให้การผ่านบอลระหว่างไลน์ของคู่แข่งทำได้ลำบาก อาร์เซน่อล ต้องการนักเตะแบบนี้่ในการปิดช่องการต่อบอลที่เคยเล่นงานพวกเขามาตลอด

อ่านเกมเฉียบขาดในจังหวะที่คู่แข่งกำลังโต้กลับ

ในฤดูกาล 2019-20 ปาร์เตย์ ตัดบอลได้ 28 ครั้ง และมีกองกลางเพียง 7 คนเท่านั้นในลา ลีกา ที่ทำได้มากกว่า 

การเข้าแทกเกิ่ลของ ปาร์เตย์ ทำได้แกร่งมากๆ เขารั้งอันดับ 7 ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้วด้วยตัวเลขเฉลี่ย 3.6 ครั้งต่อเกม 

∎ ความสามารถในเวลาครองบอล 

นอกจากเกมรับที่ทำได้ดีอยู่แล้ว การเล่นในเวลามีบอลอยู่กับตัวของ ปาร์เตย์ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เขาสามารถพาบอลตะลุยไปข้างหน้า ทะลุเข้าไปในแดนคู่แข่งได้ได้อย่างกล้าแกร่งซึ่งน่าจะช่วย อาร์เซน่อล ได้ไม่น้อยในจังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุก 

ปาร์เตย์ มีค่าเฉลี่ยเลี้ยงบอลสำเร็จ 1.6 ครั้งเกม รั้งอันดับ 28 ในลา ลีกา ฤดูกาลที่แล้วซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดาเลยเพราะต้องไม่ลืมว่าตำแหน่งการเล่นส่วนใหญ่ของเขาคือ กองกลางตัวโฮลด์บอล (holding midfielder) 

นอกจากนี้ ปาร์เตย์ ยังสามารถสร้างเกมรุกให้กับทีมได้ เขารับบอลในสถานการณ์กดดันได้ดี และผ่านบอลขึ้นหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รับบอลแล้วพลิกหนีการเข้าแย่งได้อย่างฉลาด

กองกลางวัย 27 ปี เป็นผู้เล่นที่เรียกบอลอยู่ตลอดเวลา เขาทำให้เห็นว่ามีความพร้อมที่จะรับบอลและคอยกำหนดทิศทางการเล่นให้ทีม ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว ค่าเฉลี่ยในการผ่านบอลของเขาอยู่ที่ 62 ครั้งเกม เขาคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของแดนกลางตราหมีในยุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ได้รับคำชมอย่างมาก 

การจ่ายบอลของ ปาร์เตย์ ไม่ใช่เพียงส่งบอลให้ถึงเพื่อนร่วมทีม แต่ของมองถึงการสร้างจังหวะการเล่นให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง และเพื่อนร่วมทีมอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ สามารถสร้างความอันตรายต่อคู่แข่งได้ เขาจ่ายบอลขึ้นหน้า 71 ครั้ง และจ่ายบอลลเข้าพื้นที่สุดท้าย 65 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว มากกว่าเป็นอันดับ 7 และอันดับ 6 ของรายการ ตามลำดับ

เปิดบอลสร้างโอกาสให้เพื่อนได้ยอดเยี่ยม

∎ จิ๊กซอว์แดนกลางที่รอคอย 

โธมัส ปาร์เตย์ คือกองกลางในฝันของผู้จัดการทีมเพราะเล่นได้ทั้งกองกลางตัวโฮลด์บอล/ตัดเกม หรือ กองกลางบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า มีทางเลือกในแท็กติกการเล่นมากขึ้นและมีความยืดหยุ่น 

ปาร์เตย์ สามารถเล่นเคียงข้าง กรานิต ชาคา หรือ ดานี่ เซบายอส ในบทบาทกองกลางตัวรับได้เพราะเล่นในระบบกองกลาง 2 คนบ่อยครั้งสมัยค้าแข้งกับตราหมี หรือจะรับหน้าที่บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่สามารถดันขึ้นสูงในระบบกองกลาง 3 คนก็ทำได้ไร้ปัญหา 

หาก อาร์เตต้า ปรับมาเล่นระบบแบ็กโฟร์อีกครั้ง ปาร์เตย์ จะเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์ในการเล่นกองกลางฝั่งขวาในระบบ 3 คน ประสบการณ์ที่เคยเล่นแบ็กขวาในบางครั้งคราวยิ่งทำให้การเล่นร่วมกับผู้เล่นทางกราบขวาเป็นไปได้เข้าขารู้ใจ 

ในการเล่นกับ อาร์เซน่อล ปาร์เตย์ สามารถซ้อนข้างหลังให้กับ เอคตอร์ เบเยริน ในจังหวะที่เติมเกมรุกได้ คล้ายคลึงกับ กรานิต ชาคา ที่มักถ่างออกไปเป็นแบ็กซ้ายจำเป็นในเวลาที่แบ็กซ้ายตัวจริงดันสูง 

มั่นใจในการพาบอลฝ่าออกจากหน้าเขตโทษตัวเอง

ปาร์เตย์ สามารถขับเคลื่อนเกมจากแดนกลางในสไตล์ผู้เล่นหมายเลข 6 ที่รับบอลหน้าเขตโทษตัวเองและเปลี่ยนเป็นเกมรุกทันทีด้วยการจ่ายบอลขึ้นหน้าหรือเลี้ยงตะลุยไปเอง 

มีผู้เล่นเพียง 15 คนในลา ลีกา ฤดูกาลที่แล้วที่จ่ายบอลในสถานการณ์ถูกคู่แข่งไล่กดดันได้มากกว่า ปาร์เตย์ (298 ครั้ง) ความนิ่งและมีสมาธิ ไม่ออกอาการล่กในการรับ-ส่งบอลตอบโจทย์การเล่นที่เซตบอลจากข้างหลังของ อาร์เซน่อล ในยุค อาร์เตต้า ได้เป็นอย่างดี 

ปาร์เตย์ เป็นเหมือนปราการด่านแรกก่อนถึงแผงหลังของทีม และทำให้ผู้เล่นอย่าง เซบายอส ดันขึ้นสูงขยับไปเล่นในแดนคู่แข่งได้ไม่กังวลข้างหลังมากนัก ด้วยรูปร่างและความแข็งแกร่งของร่างกาย รวมถึงความสามารถในการครองบอลจะเป็นประโยชน์มากทีเดียวในการดวลกับทีมใหญ่ด้วยกัน และทำให้ อาร์เซน่อล รับมือกับจังหวะโต้กลับได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการคุมเกมในแดนกลางที่บ่อยครั้งเป็นจุดสำคัญชี้ขาดผลการแข่งขันได้เลย

ที่ผ่านมา รองกัปตันทีมชาติกานาแสดงให้เห็นบ่อยครั้งว่าต่อกรกับทีมระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกได้ ย้อนไปในฤดูกาลที่แล้ว เขาเล่นได้อย่างโดดเด่นในการเจอ ลิเวอร์พูล ทั้งสองนัด โดยได้รับตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ กับเกมในบ้านนัดแรกที่ตราหมีชนะ 1-0 พร้อมสถิติชนะดวลตัวต่อตัว 11 ครั้ง แทกเกิ่ล 5 ครั้ง และเก็บบอลกลับมาครองได้อีก 12 ครั้ง ก่อนพาทีมบุกย้ำแค้นถึงแอนฟิลด์พร้อมเขี่ยแชมป์เก่าตกรอบคาบ้าน 

จิ๊กซอว์แดนกลางที่ อาร์เซน่อล ตามหามานาน

คีแรน ทริปเปียร์ เด็กเก่า สเปอร์ส ที่ย้ายไปเล่นให้ แอต.มาดริด ถึงขนาดออกมาชมว่า "เขาน่าเหลือเชื่อสุดๆ ร่างกายของเขา วิธีการเล่น เทคนิคที่เขามีครบทุกอย่าง เขาคือหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดผมเคยเล่นด้วย เขาพูดภาษาอังกฤษได้สมบูรณ์แบบ ผมไม่คิดว่าเขามีปัญหาใดๆ กับการเล่นในพรีเมียร์ลีก"

"เมื่อก่อนผมเคยดู ปาร์เตย์ เล่นให้ แอตฯ มาดริด บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาเก่งแค่ไหน จนกระทั่งได้มาเล่นร่วมกัน นอกจากเขาจะแข็งแกร่งสุดๆ แล้ว เขายังมีเทคนิคเป็นเลิศอีกต่างหาก" 

อาร์เตต้า และ เอดู ประกบซ้ายขวาในวันเปิดตัว

ขณะที่ ฟรานซิส คาซิเกา อดีตแมวมอง อาร์เซน่อล ที่ติดตามดูฟอร์มของกองกลางชาวกานารายนี้มานานหลายปี กล่าวเสริมว่า "เขาคือนักเตะที่เราพยายามผลักดันมานานมากและแนะนำให้ทีมอย่างจริงจังตลอดหลายปีหลังที่ผ่านมา"

"เขาดูเขาเล่นครั้งแรกราว 6 ปีก่อนตอนที่เล่นให้ อัลเมเรีย ด้วยสัญญายืมตัวจาก แอตเลติโก มาดริด ตอนนั้นเขาออกแนวบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ มากกว่า และเล่นเกมรุกมากกว่าปัจจุบัน" 

"ผมคิดว่าเราจะได้เห็นเขาเล่นอย่างมีอิสระและแสดงศักยภาพได้มากยิ่งขึ้นเพราะการเล่นกับ แอต.มาดริด ค่อนข้างเข้มงวดพอสมควรกับการเล่นในแดนกลาง" 

"เขาอาจเป็นจิ้กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ อาร์เซน่อล กลับมาลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง"