:::     :::

วันเผาผีที่โรงละคร

วันอังคารที่ 03 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
2,046
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล ปลดล็อกบุกเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ลีกได้ เสียทีหลังพยายามมา 14 ปีเต็ม

นับตั้งแต่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ซัดประตูชัย 1-0 เมื่อปี 2006 อาร์เซน่อล ไม่เคยควัก 3 คะแนนกลับออกไปอีกได้เลยจนกระทั่งชัยชนะล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ "ปืนใหญ่" ยังลบอาถรรพ์ไม่เคยบุกชนะทีมในกลุ่ม "บิ๊กซิกซ์" อันประกอบด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และ สเปอร์ส ได้เลยนับตั้งแต่ชนะ "เรือใบสีฟ้า" 2-0 เมื่อปี 2015 รวมแล้ว 29 นัดติดต่อกัน 

นี่จึงเป็นชัยชนะที่สำคัญยิ่งกว่า 3 คะแนนเพราะเหมือนได้ทลายกำแพงขนาดสูงที่เคยเป็นฝันร้ายของ อาร์เซน่อล มาหลายปี 

มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมทำได้อย่างไร เราจะมาเจาะกลยุทธ์ปืนใหญ่กับภารกิจเผาผีที่โรงละครกันอีกครั้ง


1. ระบบลงล็อก

มิเกล อาร์เตต้า เลือกระบบ 3-4-3 ลงสู้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ได้ผลในหลายเกมใหญ่ตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อนจนมาถึงฤดูกาลนี้

ก่อนเกมยูโรปา ลีก นัดชนะ ดันดอล์ค 3-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาร์เตต้า ปรับไปเล่นระบบ 4-3-3 ติดต่อกัน 5 นัด แต่มาปรับเป็นหลัง 3 อีกครั้งในเกมยูโรปา ลีก และใช้ระบบนี้เจอกับผีแดง

ข่าวดีคือการได้ ร็อบ โฮลดิ้ง หายเจ็บก่อนกำหนดกลับมาประจำการแนวรับทำให้ได้เล่นร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส และ คีแรน เทียร์นี่ย์ ซึ่งเคยเล่นด้วยกันมาหลายนัดแล้ว 


ปืนใช้ 3-4-3 สู้กับ 4-4-2 ของผีแดง

หากไม่ใช่ โฮลดิ้ง ตัวเลือกในแนวรับจะมีเพียง ชโคดราน มุสตาฟี่ ที่เพิ่งกลับมาจากเจ็บไปนาน จังหวะการเล่นยังไม่เข้าที่ เกมที่พ่าย เลสเตอร์ คาบ้านก็มีส่วนในจังหวะเสียประตูหลังลงเป็นสำรองแทน ดาวิด ลุยซ์ ที่เจ็บ

แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นระบบ 4-4-2 แบบไดมอนด์ หน้าคู่อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เมสัน กรีนวู้ด เจอการประกบติดตลอดเพราะแนวรับ อาร์เซน่อล มีมากกว่า ขณะที่แดนกลางผีแดงไม่มีตัวทำเกมริมเส้น การโจมตีด้านข้างจึงมีน้อย พอจะปรับให้แบ็ก 2 ข้างเติมเกมรุกก็ติดทั้ง บูคาโย่ ซาก้า และ เอคตอร์ เบเยริน 

ส่วนแนวรุก อาร์เซน่อล 3 คนอาจน้อยกว่าแนวรับผีแดง 4 คน แต่จังหวะการเข้าบีบเพรสซิ่งทำได้ดีเพราะมี โธมัส ปาร์เตย์ กับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ สลับดันขึ้นไปช่วย อีกทั้ง ซาก้า กับ เบเยริน ก็ปิดการขึ้นเกมริมเส้นของเจ้าถิ่นได้ด้วย 


2. ปาร์เตย์ & เอลเนนี่ กินเรียบแดนกลาง

อาร์เตต้า ทำเซอร์ไพรส์ทีเดียวที่เลือกส่ง โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ลงเล่นเป็นคู่กองกลางร่วมกับ โธมัส ปาร์เตย์ ขณะที่ กรานิต ชาคา และ ดานี่ เซบายอส หลุดเป็นสำรอง

แม้ไม่ใช่คู่ที่หลายคนคาดคิด แต่ทั้งคู่กลับสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดทั้งรุกและเกมรับที่ทำให้แดนกลางของ อาร์เซน่อล เหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชัดเจนทั้งที่ตัวผู้เล่นน้อยกว่า

ปาร์เตย์ ได้แสดงผลงานให้แฟนบอลได้เห็นว่าทำไม อาร์เซน่อล ถึงยอมทุ่ม 45 ล้านปอนด์ฉีกสัญญาดึงตัวมาจาก แอต.มาดริด เกมนี้เขาจัดการผู้เล่นผีแดงทั้ง ปอล ป็อกบา, เฟร็ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้อยู่หมัด


ปาร์เตย์ ลุยแดนกลางได้ทรงพลังสุดๆ 

จังหวะการเล่นของ ปาร์เตย์ ที่แข็งแกร่ง ดุดัน และเต็มไปด้วยชั้นเชิงและความเก๋า สอดประสานกับความขยันและเล่นอย่างมีวินัยของ เอลเนนี่ ได้อย่างลงตัว ทั้งคู่ผลัดกันเข้าแย่งบอลได้อย่างถูกจังหวะ คนหนึ่งเข้า อีกคนรอ หรือเข้ารุมพร้อมกันก็ไม่เกี่ยง

ฟอร์มการเล่นของ ปาร์เตย์ และ บังเอล ในนัดนี้ทำให้แฟนบอลปืนใหญ่หลายคนนึกถึงช่วงที่ ปาทริค วิเอร่า จับคู่กับ จิลแบร์โต้ ซิลวา ขึ้นมาทันใด 

รอย คีน อดีตแข้งผีแดงที่เคยดวลกับ วิเอร่า จนกลายเป็นคู่ปรับในตำนานของพรีเมียร์ลีกถึงขนาดออกปากชม ปาร์เตย์ ว่าเล่นได้แบบนี้มีโอกาสเทียบเคียง วิเอร่า ได้เลย และอยากให้มาอยู่ แมนฯ ยูไนเต็ด มากเหลือเกิน 


3. กาเบรียล แกร่งดุจหินผา

นอกจาก 2 กองกลางที่กล่มกล่อมและทรงพลังแล้ว อีกคนที่ได้รับคำชมอย่างมากคือ กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์บราซิเลียนที่เพิ่งย้ายมาในฤดูกาลนี้และกลายเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับอย่างแท้จริง

กาเบรียล คุมเกมรับให้ อาร์เซน่อล ได้แกร่งสุดๆ เขาสามารถปิดเกมรุก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้หลายจังหวะและเล่นงาน แรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด จนอ่วมอรทัย 

แรชฟอร์ด ที่เพิ่งซัดแฮตทริกในเกมยุโรปนัดชนะ ไลป์ซิก 5-0 ไปแทบไม่เป็นเมื่อเจอประกบถึงตัวตั้งแต่หน้าเขตโทษจนถึงกลางสนาม เรียกได้ว่าจับบอลเล่นเมื่อไหร่เป็นต้องโดน กาเบรียล พรวดเข้าหายใจรดต้นคอเมื่อนั้น หากไม่โดนแซะบอลจากเท้าก็ต้องโดนฟาวล์เสียจังหวะเล่นต่อไม่ได้ 


กาเบรียล โดดเด่นสุดๆ ในเกมรับ

กาเบรียล โชคดีที่ไม่โดนเหลือง 2 จากหลายจังหวะที่เบรกเกมของผีแดงซึ่งการที่เขายังอยู่ในสนาม ไม่โดนไล่ออกเป็นเรื่องดีสำหรับ อาร์เซน่อล อย่างยิ่งโดยเฉพาะช่วงท้ายเกมที่ผีแดงพยายามโหมบุกหนัก แต่อดีตแข้ง ลีลล์ รายนี้ก็เคลียร์บอลและสกัดจังหวะอันตรายได้นับครั้งไม่ถ้วน อยู่ถูกที่ถูกจังหวะตลอด 

นัดนี้จึงเป็นอีกนัดที่ กาเบรียล ได้แสดงถึงคุณภาพที่ไม่ธรรมดาออกมาอีกครั้ง และแม้จะเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นกับ อาร์เซน่อล แต่หลายนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่าค่าตัว 27 ล้านปอนด์ที่จ่ายใปช่างเป็นตัวเลขที่ถูกเหลือเกิน


4. กล้าเล่น กล้าลุย กล้าแลก 

หลายครั้งที่ อาร์เซน่อล ไปเยือนทีมใหญ่ด้วยกันมักเล่นแบบเน้นรัดกุม ไม่กล้าเปิดแลกเพราะเคยโดนยับ 4-5-6 ประตูในแทบทุกครั้งที่พยายามเปิดหน้าชน

แต่ครั้งนี้ต่างออกไป แข้งปืนลุยใส่เจ้าถิ่นแบบไม่มีเกรงกลัว พาบอลบุกในทุกจังหวะที่มีพื้นที่และโอกาส รูปเกมในครึ่งแรกดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชัดเจนและมีโอกาสยิงมากกว่า ขาดก็เพียงการส่งบอลตุงตาข่าย 

ปืนใหญ่ไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน ขณะที่แดนกลางก็ได้ความขยันและวิ่งสู้ฟัดกัดไม่ปล่อยของ เอลเนนี่ และ ปาร์เตย์ ส่วนด้านข้างมีตัวที่พร้อมลุยสุดเส้นอย่าง ซาก้า และ เบเยริน การรุกใส่พื้นที่ของคู่ต่อสู้จึงทำได้ลื่นไหลและมีความต่อเนื่องมากกว่า


ปืนใหญ่เปิดหน้าลุยจนได้ชัยชนะที่คู่ควร

ครึ่งหลัง อาร์เซน่อล ยังเล่นในแบบเดิมและเต็มไปด้วยพละกำลัง นั่นทำให้พวกเขามาได้จุดโทษจากการเติมเกมรุกของ เบเยริน ที่พรวดถึงบอลก่อน ป็อกบา ซึ่งจิ้มบอลช้ากว่าและกลายเป็นทำฟาวล์แบบไร้ข้อโต้แย้ง 

อาร์เตต้า ชื่นชมลูกทีมอย่างมากว่าเล่นด้วยความ "กล้าหาญ" เล่นในแบบที่ต้องการให้คู่ต่อสู้ได้รู้ว่า อาร์เซน่อล คือทีมระดับท็อป กล้าเดินหน้าชนอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ทีมที่มาอุดประตูเอาผลเสมอกลับออกไป เป็นการแสดงตัวตนอย่างที่ อาร์เตต้า อยากให้ลูกทีมเป็น

5. แรงกระตุ้นเกินร้อย 

เหตุผลสำคัญสุดในชัยชนะของ อาร์เซน่อล คือการที่ทุกคนในสนามลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อยและมีแรงกระตุ้นเต็มเปี่ยมตลอด 90 นาทีในสนาม

ปืนใหญ่เพิ่งพ่ายต่อ เลสเตอร์ คาบ้านในเกมลีกเมื่อสัปดาห์ก่อนทั้งที่เล่นได้เหนือกว่าและหาโอกาสได้เพียบ แต่พอทำไม่ได้กลับโดนจังหวะสวนหมัดเดียวของทัพจิ้งจอกจนร่วงคาบ้านทันที 

นัดนี้พวกเขาจึงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือเมื่อลุยใส่ผีแดงอย่างไม่ยั้ง เล่นด้วยความตื่นตัวและลุยไม่หยุด จังหวะวิ่งไล่บอลในช่วงทดเจ็บของ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ จนบีบให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ทำบอลเสียออกข้างดื้อๆ คือตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องความมุ่งมั่นที่มีมากกว่าเจ้าถิ่น


โอบา ซัดประตูสำคัญและเป็นประตูแรกรอบ 6 นัดในลีก

อาร์เซน่อล จึงได้ชัยชนะที่คู่ควรทุกประการพร้อมปลดล็อกสถิติแย่ๆ ลงได้เสียที และน่าจะสร้างความมั่นใจให้ทีมได้อย่างมากต่อจากนี้ แถม ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ดาวซัลโวตัวเก่งก็กลับมายิงในลีกได้อีกครั้งหลังปืนฝืดมา 5 นัดติด 

ชัยชนะพร้อมคลีนชีตนัดนี้ทำให้ อาร์เซน่อล เสียไปเพียง 7 ประตูจาก 7 นัดแรก น้อยกว่าทุกทีมในลีกโดยที่ต้องขีดเส้นให้เห็นอีกจุดน่าสนใจคือ มิเกล อาร์เตต้า พาทีมผ่าน 3 เกมหนักไปเยือน ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อย

นี่คือชัยชนะที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติอย่างยิ่งสำหรับ อาร์เซน่อล และเป็นหนึ่งในนัดที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม 


จังหวะไล่บอลในช่วงทดเจ็บของ เอลเนนี่



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด