ปิดฉากโอซิล
ในนัดล่าสุดที่ โอซิล ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนมีนาคม เขาทำสิ่งที่ถนัดสุดคือการแอสซิสต์ประตูชัยให้ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ยิงชนะ เวสต์แฮม 2-1
ไม่มีคาดคิดว่านั่นคือแอสซิสต์สุดท้ายจากทั้งหมด 54 ครั้งที่ โอซิล ทำได้ในพรีเมียร์ลีก และไม่มีใครคาดคิดอีกเช่นกันว่าจะเป็นนัดสุดท้ายในสีเสื้อปืนใหญ่
ในช่วงนั้น โอซิล เหมือนกลับมามีความสุขในการเล่นให้ อาร์เซน่อล อีกครั้ง เขาลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกตลอด 10 นัดแรกที่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีมต่อจาก อูไน เอเมรี่
ทุกอย่างน่าจะเหมือนเดิมเมื่อฟุตบอลรีสตาร์ตกลับมาหลังยุคโควิดในเดือนมิถุนายน
อาร์เซน่อล กลับมาลงเล่นอีกครั้ง ทว่าไม่มี โอซิล ในสนามและไม่มีอีกเลยจนถึงตอนนี้
บทสรุปลงเอยด้วยการที่ อาร์เซน่อล กับ โอซิล ยกเลิกสัญญาที่มีต่อกันเพื่อให้แข้งวัย 32 ปี ได้ย้ายไปเริ่มต้นใหม่กับ เฟเนร์บาห์เช่ ยอดทีมของตุรกีในตลาดหน้าหนาวเดือนนี้
ไม่มีงานเลี้ยง หรือเสียงปรบมือกึกก้องในวันอำลา เมซุต โอซิล เหมือนเดินออกทางประตูหลังอย่างเงียบๆ ต่างจากวันแรกที่ย้ายมาจาก เรอัล มาดริด โดยสิ้นเชิง
อดีตแข้งทีมชาติเยอรมัน พกพาสถานะซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 42.5 ล้านปอนด์ แต่โบกมือลาด้วยการยกเลิกสัญญาค่าเหนื่อย 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ที่เหลืออยู่ 6 เดือน
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องจบแบบนี้ แต่ก็จำเป็นต้องจบเพราะเป็นเรื่องที่คาราคาซังมานาน
ย้อนไปในวันที่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2013 อาร์เซน่อล กับ โอซิล เหมือนพรหมลิขิตขีดเขียนให้ได้ร่วมงานกัน เขาคือแข้งระดับท็อปของโลกคนแรกนับตั้งแต่ทีมปืนใหญ่ย้ายจากไฮบิวรี่มาเล่นที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
โอซิล พา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกและเป็นแชมป์แรกในรอบ 9 ปีของสโมสร ก่อนได้แชมป์อีก 3 สมัยในช่วงเวลาที่อยู่กับทีม ฟอร์มการเล่นในนัดชิงชนะเลิศของปี 2015 และ 2017 คือสิ่งที่แฟนบอลจดจำได้ดี ขณะที่แชมป์หนล่าสุดเมื่อปีก่อน ถูกมองข้ามไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีม
ชีวิตที่เริ่มต้นได้สวยงามของ โอซิล กลับกลายเป็นเหมือนคู่รักที่แต่งงานหวานชื่น แต่เริ่มมีปัญหาเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันสักพักก่อนจบด้วยการหย่าร้างในที่สุด
นับตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาตำแหน่งในซัมเมอร์ 2018 สิ่งที่อาร์เซน่อลให้ความสำคัญไม่ใช่ โอซิล อีกต่อไป สโมสรเริ่มมองว่าค่าเหนื่อยก้อนโตในสัญญาใหม่ที่ทำกันเอาไว้เมื่อต้นปีดังกล่าว กลายเป็น "ภาระ" หนักอึ้งที่สโมสรต้องแบกรับ
อาร์เซน่อล พยายามโละ โอซิล ออกจากทีมตั้งแต่ช่วงที่ อูไน เอเมรี่ เข้ามารับตำแหน่ง แต่เพิ่งสำเร็จเอาในตอนนี้ที่เป็นการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย
เดิมที โอซิล ตั้งใจอยู่กับทีมจนครบสัญญาเพื่อรอย้ายอย่างอิสระในซัมเมอร์ 2021 แต่การที่ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจไม่ส่งชื่อลงเล่นในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล และมีท่าทีเหมือนเดิมกับการส่งรายชื่อรอบใหม่หลังตลาดหน้าหนาว โอซิล จึงเปลี่ยนใจเลือกย้ายทีมในตอนนี้และทิ้งค่าเหนื่อยมหาศาลจากสัญญาที่เหลือ รวมถึงโบนัสก้อนโตราว 7 ล้านปอนด์ที่จะได้หากอยู่จนถึงซัมเมอร์
การย้ายสู่ เฟเนร์บาห์เช่ ทำให้เรื่องราวต่างๆ มากมายของ เมซุต โอซิล จบลง
โอซิล มีประเด็นให้พูดถึงตลอดแม้ไม่ได้ลงสนามไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นทางการเมือง การปฏิเสธลดค่าเหนื่อยในช่วงวิกฤตโควิด-19 หรือกระทั่งการเสนอตัวจ่ายค่าจ้างให้มัสคอต "กันเนอร์ซอรัส" ที่ถูกสโมสรปลดจากการทำหน้าที่
เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ อาร์เซน่อล กับ โอซิล ตกลงกันได้ในเดือนนี้เพราะไม่มีประโยชน์อื่นใดที่ต้อง "ยื้อ" กันไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ในเมื่อบทสรุปตอนท้ายคงไม่ต่างจากที่เป็นมาหลายเดือนเมื่อสถานะของ โอซิล ถูกตีตราว่าเป็นส่วนเกินนานแล้ว
อาร์เซน่อล ได้เดินหน้าต่อไปโดยที่ไม่ต้องมาชี้แจงแถลงไขเกี่ยวกับอนาคตของผู้เล่นที่รับค่าเหนื่อยมากสุดในสโมสร ขณะที่ตัวโอซิลเองก็จะได้โอกาสทำในสิ่งที่ทำได้ดีสุดอีกครั้งนั่นคือการเล่นฟุตบอล
โอซิล ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ทั้งหมด 254 นัด ทำได้ 44 ประตู และ 77 แอสซิสต์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือนักเตะที่เล่นเกมรุกได้ดีที่สุดอีกคนเท่าที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมา สถิติของ ออปต้า ระบุว่าค่าเฉลี่ยแอสซิสต์อยู่ที่ 1 ครั้งในทุกๆ 283 นาที
ฤดูกาล 2015/16 ที่ โอซิล ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดในการเล่นให้ อาร์เซน่อล เขาทำไป 19 แอสซิสต์กับอีก 5 ประตูจาก 35 นัดในพรีเมียร์ลีก สร้างโอกาส 146 ครั้ง จนกลายเป็นสถิติมากสุดต่อฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกจนถึงทุกวันนี้
โอซิล ในวันที่เล่นได้ท็อปฟอร์มสามารถสร้างสิ่งพิเศษให้เกิดขึ้นได้เสมอ เขามีวิสัยทัศน์และไอเดียอันเหนือชั้นในการสร้างสรรค์เกม บวกเข้ากับพรสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดของยุคนี้
ความทรงจำของแฟนบอล อาร์เซน่อล ที่มีต่อ โอซิล เริ่มตั้งแต่สัมผัสแรกในนัดแรกที่กลายเป็นแอสซิสต์ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ทำประตู ซันเดอร์แลนด์
ประตูสุดมหัศจรรย์ในเกมพบ ลูโดโกเร็ตส์ ที่หลุดเดี่ยวก่อนกระดกบอลข้ามหัวผู้รักษาประตูและล็อกหนีผู้เล่นจนหลังหักอีก 2 คนแล้วจบสกอร์อย่างเยือกเย็น
ฟอร์มการเล่นในเกมพบ แมนฯ ยูไนเต็ด (3-0, 2015) และ เชลซี (3-0, 2016) ที่สร้างความเกรียวกราวได้ทั่วทั้งสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
การแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งในหลายครั้งก็สร้างความตื่นตะลึงให้แฟนบอลเช่นลูกดีดข้างเท้าจ่ายให้ ชิรูด์ หลุดเดี่ยวไปยิงประตู แอสตัน วิลล่า ในปี 2015
รวมไปถึงการสร้างจังหวะการเล่นอันเหนือชั้นและไหลลื่นเช่นจังหวะต่อบอลกับเพื่อนร่วมทีมก่อนจบที่เป็นคนจ่ายให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิงประตู เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018
แต่แน่นอนว่าหากพูดถึง เมซุต โอซิล กับ อาร์เซน่อล คงไม่สามารถมองแบบ "โลกสวย" เห็นทุกอย่างดีงามไปทั้งหมดได้เพราะในอีกมุมก็มีเสียงวิจารณ์ถึงอดีตแข้งแชมป์โลกรายนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แม้จะมีช่วงทำได้ดีหลายครั้ง แต่ก็มีอีกนับไม่ถ้วนที่ โอซิล ทำผลงานน่าผิดหวัง เขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานในเกมใหญ่โดยเฉพาะนัดเยือนที่แทบหายไปกับสายลม ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมรุกใดๆ ได้เลย
ไม่มีใครปฏิเสธในเรื่องพรสวรรค์ของ โอซิล แต่ในเรื่องความมุ่งมั่น-ทุ่มเทคือสิ่งที่หลายคนตั้งคำถามมาโดยตลอด
โอซิล น่าจะทำได้ดีกว่านี้กับชีวิตค้าแข้งในลอนดอนเหนือ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่มีทักษะดีเลิศที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมา แต่ก็เป็นถกเถียงกันเรื่อยมาว่าเขาทำได้ไม่ดีพอทั้งในการฝึกซ้อมและการแข่งขันจริง
ผลสืบเนื่องหลายอย่างเกี่ยวกับ โอซิล ทำให้สถานะของเขาเหมือนเป็น "จุดเริ่มต้น" ของความแตกแยกที่แฟนบอลหลายคนยังคงหนุนหลังไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม ขณะที่อีกกลุ่มก็ต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ
เมซุต โอซิล คือนักเตะที่เก่ง เล่นฟุตบอลน่าดูชม เพลินตา แต่เขาคือ "ตำนาน" ของสโมสรหรือไม่อาจไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องตรงกัน
โอซิล จากไปในฐานะนักเตะที่มีทั้งความยอดเยี่ยมและน่าผิดหวังให้เลือกจดจำ มีทั้งคนรักและคนเบือนหน้าหนี
มันน่าเศร้าที่เรื่องราวระหว่าง โอซิล กับ อาร์เซน่อล จบแบบแบบนี้ แต่ก็จำเป็นต้องจบ
เพื่อให้ทุกคนได้เดินหน้าต่อไปอีกครั้ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT