วิบากกรรม 'เอบูเอ้'
เอบูเอ้ สร้างชื่อกับทีมปืนใหญ่อยู่หลายปี เริ่มต้นจากบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกก่อนยึดครองตำแหน่งแบ็กขวาในช่วง โลร็องต์ เอตาเม่ บาดเจ็บ
ฤดูกาลแรก (2005-06) ที่เล่นให้ทีมชุดใหญ่เต็มตัว เอบูเอ้ ได้ลงสนามมากกว่าสามสิบนัดจากทุกรายการซึ่งรวมถึงเกมสำคัญที่สุดของสโมสรนั่นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 22 ปี
แข้งทีมชาติไอวอรี่โคสต์คือส่วนสำคัญของทีมในยุคที่มีแกนหลักอย่าง เธียร์รี่ อองรี, เชส ฟาเบรกาส, โรแบร์ ปิแรส, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ, โซล แคมป์เบลล์ และ เยนส์ เลห์มันน์ นำทัพ และช่วยกันบุกตะลุยไปจนถึงนัดชี้ชะตาที่กรุงปารีส ก่อนพ่ายบาร์เซโลน่าหวุดหวิด 1-2
แม้เขาจะไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ กับอาร์เซน่อลได้เลย แต่ช่วงเวลา 7 ปีในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก็นับว่าน่าจดจำและสร้างสีสันให้กับทีมได้เสมอ มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทุกคนรอบข้าง
หลังย้ายออกไปร่วมทีมกาลาตาซารายในปี 2011 ชีวิตค้าแข้งในตุรกีของ เอบูเอ้ ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้งคือต้นปีก่อนที่ถูกฟีฟ่าลงโทษแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับเกมลูกหนังเป็นเวลาหนึ่งปีฐานเบี้ยวเงินเอเยนต์คนเก่า ทั้งที่เพิ่งเซ็นสัญญากับซันเดอร์แลนด์ได้ไม่กี่วัน
จากนั้นผ่านไปปีกว่าและพ้นโทษแบนเป็นที่เรียบร้อย มีข่าวลืออีกว่าเขาถูกตรวจพบเชื้อเอชไอวีระหว่างตรวจร่างกายกับทีมในไซปรัส แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรยืนยันเพิ่มเติมออกมา
แต่ที่ต้องช็อกที่สุดคือการออกมาเปิดเผยถึงชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัว และไม่เหลือร่องรอยของอดีตนักเตะชื่อดังแม้แต่น้อย
เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ เมื่อครั้งค้าแข้งกับอาร์เซน่อล
ในช่วงที่ชีวิตราบรื่น เอบูเอ้ มีพร้อมทุกอย่างทั้งชื่อเสียง เงินทอง แมนชั่นหรู รถคันงาม และครอบครัวที่อบอุ่น แต่ตอนนี้แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันยังลำบาก และคิดแต่จะ "ปลิดชีวิต" เพื่อหนีปัญหารุมเร้า
เขาแพ้คดีความฟ้องร้องจนต้องแยกทางกับภรรยา และต้องยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับฝ่ายหญิง
บ้านหลังเดียวที่เอนฟิลด์ ทางตอนเหนือของลอนดอนที่เขาใช้ซุกหัวนอนก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป เดดไลน์ในการโอนกรรมสิทธิ์ให้อดีตภรรยาผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ อีกไม่ช้า ผู้พิพากษาก็คงเซ็นโอนเองหากเอบูเอ้ไม่ยอม
"ผมไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายหรือนักกฎหมายต่อแล้ว ผมอยู่ในบ้านแต่อยู่อย่างหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะบุกเข้ามา"
อดีตแบ็กจอมบุกวัย 34 ปี ต้องคอยหลบซ่อนตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานยึดทรัพย์
"บางครั้งก็ต้องปิดไฟเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าผมอยู่ข้างใน ต้องเอาของทุกอย่างมาขวางประตูไว้"
"บ้านของผมเอง ผมอดทนเก็บเงินซื้อ แต่ตอนนี้ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง"
"ผมจะไม่ขายเสื้อผ้าและสิ่งที่ยังเหลืออยู่ตอนนี้ ผมจะสู้จนถึงที่สุดเพราะมันไม่แฟร์"
เอบูเอ้ เคยหาเงินได้หลายล้านปอนด์ตอนค้าแข้งกับอาร์เซน่อล และอีกมากกว่า 1.5 ล้านปอนด์กับ กาลาตาซาราย ในตุรกี
ความฝันที่จะได้กลับมาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งกับซันเดอร์แลนด์ก็ต้องสลายเมื่อโดนฟีฟ่าลงโทษแบน 12 เดือนหลังมีปัญหากับเอเยนต์
สภาพปัจจุบันของ เอบูเอ้
เอบูเอ้ ยอมรับว่าตัวเองซื่อเกินไปในเรื่องเงินๆ ทองๆ เขาไม่เคยได้รับคำแนะนำที่ดีในการบริหาร ภรรยาเป็นคนจัดการแทบทุกอย่าง นอกจากนี้เขายังเสียเงินจำนวนมากเพราะคำแนะนำผิดๆ จากหลายคน
ด้วยความที่เรียนมาน้อย เขาต้องชดใช้ค่าโง่ของตัวเองที่ไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ทางการเงิน การไปธนาคารในไม่กี่ครั้งก็ต้องมีภรรยาไปด้วย
มีครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ธนาคารเอาเอกสารไปให้เขาเซ็นถึงสนามซ้อมของอาร์เซน่อล
สิ่งที่เขานึกได้ตอนนี้คือ อยากให้นักฟุตบอลแอฟริกันที่ยังอายุน้อยๆ ได้เรียนรู้ในความผิดพลาดของตัวเอง
"ผมมองย้อนกลับไปและพูดว่า 'เอ็มมานูเอล นายมันอ่อนหัดว่ะ ทำไมนายไม่คิดก่อนล่ะ มันยากเลยล่ะ"
"เป็นเรื่องยาก ยากมากๆ เงินที่ผมหามาได้ ผมก็ส่งให้ภรรยาเพื่อใช้จ่ายสำหรับลูกๆ"
"ผมได้ถึง 8 ล้านยูโรที่ตุรกี ผมส่งกลับมาที่บ้าน 7 ล้านยูโร เธอบอกให้ผมเซ็นอะไรผมก็เซ็น"
"เธอคือภรรยาของผม ส่วนปัญหากับฟีฟ่าเป็นเพราะมีคนแนะนำ คนที่ผมแคร์น่ะ แต่ที่ฟีฟ่าแบนผมก็เพราะพวกเขา"
ด้วยการที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์รถและทรัพย์สินอื่นให้ภรรยา เอบูเอ้ มีเพียงบัตรออยสเตอร์ (บัตรอีเลคทรอนิคส์ใช้แทนเงินสดสำหรับโดยสาร) ต้องอาศัยขนส่งสาธารณะในการเดินทาง และพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่น
เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านที่เอนฟิลด์และบ้านของ "ยาสมิน ราซัค" คนที่เอบูเอ้ไว้เนื้อเชื่อใจและเรียกได้เต็มปากว่า "พี่สาว"
ยาสมิน และ โลมาน่า ลัว ลัว อดีตแข้งพอร์ทสมัธ และนิวคาสเซิ่ล ต่างมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือ เอบูเอ้
ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตอย่างหนัก
"ผมเรียกบ้านของเธอว่า "บังเกอร์" ผมสามารถหลบซ่อนตัวที่นั่น แต่เธอก็มีลูกแล้ว ผมไม่ต้องการรบกวนพวกเขา ดังนั้นผมจึงนอนบนพื้น"
ในช่วงเวลาที่พายุชีวิตโหมกระหน่ำ เอบูเอ้ ยังต้องมาเสียคุณปู่ที่เคยเลี้ยงดูเขาไปด้วยมะเร็ง จากนั้นพี่ชายก็จากไปอีกคนจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์
เขาท้อแท้กับโชคชะตาอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นที่เคยสถานะใกล้เคียงกัน "เมื่อผมเห็น เธียร์รี่ (อองรี) ผมแฮปปี้กับเขา แต่ก็ละอายใจกับสถานะของตัวเอง"
"ผมเห็นหลายคนทางทีวีทั้งที่เคยเล่นด้วยและเคยเผชิญหน้า ผมบอกกับตัวเองว่า ผมควรไปอยู่ตรงนั้น เป็นเรื่องยากสำหรับผมที่ต้องทนดูพวกเขา"
คริสต์มาสปีนี้ เอบูเอ้ ต้องปวดร้าวที่ไม่ได้ฉลองกับลูกๆ ทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็น คลาร่า วัย 14 ปี, มาเอว่า วัย 12 ปี และมาธีส วัย 9 ปี
"ผมเจ็บปวดอย่างมาก พวกเขาเคยโทรหาผม แต่ตอนนี้ไม่มีการติดต่อใดๆ ผมเจ็บปวดกับการอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีพวกเขา"
เอบูเอ้ แทบไม่เหลืออะไรติดตัวแม้กระทั่งเครื่องซักผ้า "ผมต้องซักกางเกงยีนส์และเสื้อผ้าเองทุกวัน ซักทุกอย่างเลย มือของผมหยาบกร้านราวกับลุยงานในฟาร์มมายังไงยังงั้น"
"แต่ผมต้องขอบคุณคุณย่าของผมเพราะว่าเธอเคยสอนผมทั้งซักเสื้อผ้า ทำอาหาร ทำความสะอาด สอนทุกอย่างตอนผมยังเด็ก"
"ผมยังขอบคุณพระเจ้าต่อไป ผมมีชีวิต ผมไม่ต้องการให้สิ่งต่างๆ ที่ไม่ดีเกิดขึ้น และไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับใคร"
เอบูเอ้ ต้องการกลับคืนวงการลูกหนังในสักวัน เขาจะคว้าโอกาสในการทำงานกับอดีตต้นสังกัดอย่างอาร์เซน่อล หรือจากสมาคมนักเตะอาชีพในทันที
"ผมจะยอมรับการช่วยเหลือจากทุกที่ และหากสโมสรเก่าของผมยื่นมือช่วยเหลือผม ผมจะดีใจมากๆ บางทีผมอาจช่วยเหลือนักเตะดาวรุ่งได้"
"สมาคมนักเตะอาชีพ (พีเอฟเอ) เคยเข้ามาช่วยตอนผมมีปัญหากับเอเยนต์ หากพวกเขาให้งานผมทำ แม้ไม่ใช่งานใหญ่โต (ผมก็จะรับไว้)"
"ผมอาจเจอกับคนที่ผมเคยเล่นด้วยหรือเคยเผชิญหน้ากันและผมคงรู้สึกอับอาย แต่ผมคงรับมือได้"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT