นัดสองเอาไว้ก่อน เรือใบรออยู่
อาร์เซน่อล ลงสนามยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก เจองานไม่ง่ายเพราะจับสลากได้ เบนฟิก้า ทีมแกร่งของโปรตุเกสเป็นคู่ต่อกร ชื่อชั้นและประสบการณ์ในเวทียุโรปของ "เหยี่ยวลิสบอน" ถือว่าไม่ธรรมดา
มิเกล อาร์เตต้า เลือกยึด 11 ตัวจริงจากเกมพรีเมียร์ลีกนัดชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-2 ลุยต่อในการลงเล่นรอบน็อกเอาต์นัดแรก ต่างจากรอบแบ่งกลุ่มที่ตลอด 6 นัดปรับทีมเกือบยกชุด 8-9 คนจากเกมลีกก่อนหน้า
อาร์เตต้า จำเป็นต้องเอาจริงกว่าเดิมเพราะคู่แข่งไม่ใช่ไก่ก่าเหมือนในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา และที่สำคัญคือ อาร์เซน่อล มีบทเรียนมาแล้วที่ตกรอบนี้เมื่อปีก่อนด้วยน้ำมือ โอลิมเปียกอส
ไม่ใช่เพียงแค่ อาร์เซน่อล เท่านั้น เบนฟิก้า ก็เน้นมากขึ้นเมื่อเข้าสู่รอบนี้ เช่นเดียวกับอีกหลายทีมที่ใช้งานตัวหลักเกือบฟูลทีมกันหมด
อาร์เซน่อล ใช้งานชุดเดิมจากเกมลีก แต่การเล่นต่างกันพอสมควรเพราะ เบนฟิก้า เล่นค่อนข้างรัดกุม เน้นเกมรับ ขณะที่วันเจอกับ ลีดส์ เกมเปิดมากกว่าด้วยการที่ทัพยูงทองเป็นบอลสไตล์บุกตามแท็กติกอันแน่วแน่ของ มาร์เซโล่ บีเอลซ่า
เหยี่ยวลิสบอนมีผู้เล่นหลายคนที่แฟนบอลรู้จักกันดีโดยเฉพาะ 2 แนวรับจอมเก๋า ยาน แฟร์ต้องเก้น และ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ที่เคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกหลายปีกับ สเปอร์ส และ แมนฯ ซิตี้ นอกจากนี้ยังมี อเดล ทารับต์ อดีตแข้ง ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และ ยูเลี่ยน ไวเกิ้ล อดีตกองกลาง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ตามโปรแกรมแล้ว เบนฟิก้า ได้เล่นในบ้านแต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19 ระหว่างอังกฤษกับโปรตุเกส ทำให้เกมคู่นี้ถูกโยกมาแข่งสนามกลาง สตาดิโอโอลิมปิโก้ รังเหย้าของ โรม่า และ ลาซิโอ ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี
โอบาเมย็อง พลาดโอกาสไม่น่าเชื่อ
อาร์เซน่อล มีโอกาสได้ประตูนำก่อนตั้งแต่ช่วงยี่สิบนาทีแรกที่ เอคตอร์ เบเยริน หลุดขึ้นทางขวาก่อนถวายพานให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แประยะ 7 หลา แต่ว่าหลุดกรอบเหลือเชื่อ
โอบาเมย็อง เพิ่งกดแฮตทริกในวันชนะลีดส์ ความมั่นใจกำลังเข้าที่เข้าทาง แต่การพลาดจังหวะนี้ทำเอาเจ้าตัวแทบไม่อยากเชื่อเช่นกัน
อาร์เซน่อล ครองบอลได้มากกว่า แต่การต่อบอลเจาะเกมรับ เบนฟิก้า เข้าไปยิงเน้นๆ มีไม่มากนัก สปีดบอลที่ช้าทำให้ทีมดังของโปรตุเกสสามารถรับมือเอาไว้ได้และยันเสมอ 0-0 จนจบ 45 นาทีแรก
ในครึ่งหลัง เบนฟิก้า ที่บุกน้อยกว่าสามารถเรียกจุดโทษได้จากจังหวะที่ เอมิล สมิธ โรว์ ที่ลงไปช่วยเกมรับโดนจับแฮนด์บอล ก่อนเป็น ปิซซี่ ดาวซัลโวตัวเก่งของทีมรับหน้าที่ยิงผ่านมือ แบรนด์ เลโน่ เข้าไป
แต่ทีมปืนใหญ่ก็ตามตีเสมอได้เร็วจากการบุกครั้งแรกหลังเสียประตู มาร์ติน โอเดการ์ด เคาะทะลุช่องสุดสวยให้ เซดริก โซอาเรส ตบกลับเข้าทางไปถึง บูคาโย่ ซาก้า กระแทกจ่อๆ เข้าไป ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์เพื่อความชัวร์เล็กน้อย ก่อนยืนยันว่าขาวสะอาด
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล ไม่สามารถใช้โมเมนตัมหลังตีเสมอได้เร็วเพื่อโจมตี เบนฟิก้า ให้พังได้ การครองบอลมากกว่าไม่ได้หมายถึงการขึงใส่คู่แข่งจนโงหัวไม่ขึ้น แต่ เบนฟิก้า ตั้งใจเล่นแบบนี้อยู่แล้ว พวกเขารับอย่างอดทนและรอจังหวะโต้กลับ
เข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย อาร์เตต้า ถอดทั้ง โอบาเมย็อง และ สมิธ โรว์ ออกไปพัก รูปเกมที่เหลือเหมือนพอใจกับผลเสมอ การจ่ายบอลขวางสนามไปมา ไม่ได้มีบอลทะลุช่องสร้างโอกาสแบบจริงจัง
ซาก้า เป็นฮีโร่ให้ทีมอีกนัด
สุดท้ายจึงจบที่สกอร์ 1-1 ทำให้สถานการณ์นัดสองยัง 50-50 อาร์เวน่อล ได้อะเวย์โกลที่เหมือนเป็นแต้มต่อเล็กน้อย แต่นัดสองก็ไม่ได้เล่นในบ้านตัวเองเพราะถูกจัดให้เล่นสนามกลางอีกนัดและต้องไปไกลถึงประเทศกรีซ ทั้งสองทีมจึงมีโอกาสไม่ต่างกัน
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องปรับหลังจบนัดแรกโดยเฉพาะความเฉียบขาดในการทำประตู พวกเขาครองบอลได้ ต่อบอลได้ แต่จังหวะทีเด็ดทีขาดต้องดีกว่านี้ รวมไปถึงแรงกระตุ้นในการเล่นที่เห็นได้ชัดว่า "เนือย" อย่างมากในช่วงท้ายเกม
แต่ทันทีที่จบเกม สิ่งที่ อาร์เตต้า และลูกทีมต้องรีบโฟกัสคือเกมลีกสุดสัปดาห์ที่เจองานช้างรับมือจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งน่าจะเป็นเกมที่ยากสุดแล้วในฤดูกาลนี้
"เรือใบสีฟ้า" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังติดเครื่องด้วยผลงานชนะ 17 นัดรวดจากทุกรายการ และเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ตลอด 7 นัดหลังสุดที่เจอกันในลีก
ฤดูกาลนี้ อาร์เตต้า นำทีมเจอ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว 2 นัด ผลปรากฏว่าแพ้รวดทั้งในลีกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม และลีก คัพ ที่โดนคา เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ถึง 4-1
อาร์เตต้า ยอมรับว่า แมนฯ ซิตี้ ชั่วโมงนี้คือ "ทีมที่ดีสุดของยุโรป" แข็งแกร่งทั้งฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขัน
"ผมว่า แมน ซิตี้ เป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรปเวลานี้ ฟอร์มของพวกเขา วิธีการเล่นและความสม่ำเสมอของผลการแข่งขัน ทุกอย่างรวมเข้าด้วยกันทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ดีที่สุด"
มิเกล อาร์เตต้า ได้เห็นข้อบกพร่องของทีมไปแล้วในเกมกับ เบนฟิก้า หากยังเล่นแบบเดิมและไม่เด็ดขาดเมื่อมีโอกาส คงเป็นงานยากในการลุ้นเก็บแต้มจาก แมนฯ ซิตี้ ต่อให้ได้เล่นในบ้านตัวเอง
ที่สำคัญ ผลการแข่งขันในวันอาทิตย์นี้จะส่งผลต่อความมั่นใจในการลงเล่นนัดสองกับ เบนฟิก้า อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จะได้ไปต่อในยูโรปา ลีก หรือไม่ บางทีเกมกับ แมนฯ ซิตี้ อาจบ่งบอกทิศทางได้ไม่น้อย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT