มาทีหลังดังกว่า
โอเดการ์ด ย้ายมาจาก เรอัล มาดริด ด้วยสัญญายืมตัวในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ก่อนกลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมในเวลารวดเร็ว
ดาวเตะวัย 22 ปี ใช้เวลาปรับตัวเพียงเล็กน้อยช่วงแรกที่เริ่มต้นด้วยการเป็นสำรอง ก่อนประเดิมตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกที่ช่วยทีมเปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-2
จากนั้นเป็นต้นมา มาร์ติน โอเดการ์ด ก็กลายเป็นชื่อแรกๆ ที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องใส่เอาไว้ลิสต์ 11 ตัวจริงโดยตลอด ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้โดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นแกนหลักที่ทีมขาดไม่ได้ในเวลานี้
โอเดการ์ด ตอบโจทย์ในสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องการและเป็นเหตุผลสำคัญในการดึงมาร่วมทีมกลางฤดูกาลนั่นคือ การสร้างสรรค์เกมที่ช่วยให้เกมรุกของ อาร์เซน่อล มีมิติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แข้งทีมชาตินอร์เวย์ทำประตูแรกให้ทีมในเกมยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ชนะ โอลิมเปียกอส 3-1 จากการซัดไกลสุดสวยหน้าเขตโทษ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่อีก 3 วันถัดมาจะเริ่มนับหนึ่งประตูแรกในพรีเมียร์ลีกในเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ สุดสำคัญที่ล้างแค้นเอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ 2-1
เกมล่าสุดก่อนเบรกทีมชาติที่ อาร์เซน่อล ต้องไล่ตามตีเสมอ เวสต์แฮม 3-3 หลังออกสตาร์ทย่ำแย่โดนขุนค้อนนำก่อนถึง 3-0 คืออีกเกมที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ได้รับคำชมอย่างมากกับฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม
อาร์เซน่อล จะไม่มีทางคัมแบ็กกลับมาตีเสมอได้เลยหากไม่ได้ โอเดการ์ด คอยบัญชาการเกมรุกและมีส่วนทั้งสามประตูที่ทีมทำได้
ผลงานในเกมกับขุนค้อนทำให้ อาร์เตต้า ถึงกับออกมากล่าวชมลูกทีมคนเก่งว่า "ผมคิดว่าเขามีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมมากๆ เขาอ่านเกมได้อย่างฉลาด การเล่นมีผลต่อเกม และก็เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่ากระหายชัยชนะมากแค่ไหน"
"ในทันทีที่ก้าวลงสู่สนาม เขาเป็นคนที่ต้องการบอลตลอดเวลา มีความเยือกเย็นในการครองบอล และสร้างโอกาสได้เรื่อยๆ เขาต้องการบอลอยู่ตลอด เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อเกมสูงจริงๆ"
"ผมคิดว่า เราทุกคนเซอร์ไพรส์อยู่เล็กน้อยเพราะนอกสนามเขาดูเป็นคนที่ขี้อายและถ่อมตัว แต่เมื่อไหร่ที่ก้าวลงสู่สนาม แคแรคเตอร์ที่แสดงออกมาก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง และมีความรักที่จะเล่นฟุตบอล"
ถึงตรงนี้ มาร์ติน โอเดการ์ด ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ไปแล้ว 12 นัดจากทุกรายการ เป็นตัวจริง 9 นัดซึ่งในเกมที่จอมทัพฟอร์มแรงรายนี้ออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรก อาร์เซน่อล พลาดท่าแพ้เพียงนัดเดียวนั่นคือเกมพ่ายต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเกมที่ยากสุดๆ อยู่แล้วกับการรับมือว่าที่แชมป์
หากนับเป็นเวลาแบบละเอียด โอเดการ์ด อยู่ในสนามทั้งหมด 767 นาที แต่มีค่าเฉลี่ยสถิติสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดในทีมจากการสร้างโอกาสให้เพื่อน 17 ครั้ง หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยสร้างโอกาสทุกๆ 45 นาที
ก่อนหน้านี้ สถิติสร้างสรรค์เกมดีสุดคือ เอมิล สมิธ โรว์ ดาวรุ่งชาวอังกฤษที่แม้สร้างโอกาสไป 26 ครั้งจากการอยู่ในสนาม 1,387 นาที หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยสร้างโอกาสทุกๆ 53 นาที
ขณะที่อันดันสามของทีมคือ คาลั่ม แชมเบอร์ส กองหลังสารพัดประโยชน์ที่ทำไว้ 5 ครั้ง จากการลงสนาม 299 นาที หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยสร้างโอกาสทุกๆ 59.8 นาที
สถิติของ แชมเบอร์ส พุ่งพรวดขึ้นอันดับ 3 ทั้งที่ลงเล่นน้อยนิดในฤดูกาลนี้ก็เพราะส่วนหนึ่งมาจากฟอร์มนัดล่าสุดกับ เวสต์แฮม ที่เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดบอลเข้าเขตโทษราวกับเป็น "คาฟู" แบ็กตำนานทีมชาติบราซิลเลยทีเดียว
ส่วนผุ้เล่นที่สร้างโอกาสมากสุดในฤดูกาลนี้กลับไม่ใช่กองหน้าหรือกองกลาง หากแต่เป็น คีแรน เทียร์นีย์ แบ็กจอมบุกทีมชาติสกอตแลนด์ที่สร้างโอกาสได้ถึง 38 ครั้ง จากการลงเล่น 2,517 นาที และมีค่าเฉลี่ยสร้างโอกาสทุกๆ 66 นาที
ย้อนไปในวันที่ อาร์เตต้า เปิดตัว โอเดการ์ด ในท้ายตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา กุนซือวัย 38 ปี กล่าวชมลูกทีมคนใหม่ในตอนนั้นว่า "เขาเชี่ยวชาญในการเล่นในพื้นที่จำกัด เล่นในตำแหน่งหมายเลข 8 และหมายเลข 10 รวมถึงออกไปเล่นริมเส้น เขาคือผู้เล่นสร้างสรรค์เกมขนาดแท้ที่สามารถครองบอลในพื้นที่แคบได้ดีมากๆ เขามีความสามารถทั้งการสร้างโอกาสให้คนอื่นและยิงประตูได้เอง"
สิ่งที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ทำให้เห็นตลอด 12 นัดแรกกับการเล่นให้ อาร์เซน่อล ไม่ผิดไปจากที่ มิเกล อาร์เตต้า ยกย่องเอาไว้แม้แต่นิด
ขณะที่ เอียน ไรท์ ดาวยิงระดับตำนานก็ออกมากล่าวถึงจอมทัพทีมชาตินอร์เวย์ว่าเป็นผู้เล่นที่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่งกับการดู อาร์เซน่อล พร้อมทั้งสะกิดทีมหาทางเซ็นสัญญามาร่วมทีมแบบถาวรให้ได้
"การได้ดู โอเดการ์ด เล่นให้ อาร์เซน่อล ทำให้ผมมีความสุขมากๆ เขาเป็นนักเตะที่คิดเร็วทำเร็วในการผ่านบอล เขารู้ทันทีเลยว่าตัวเองต้องทำอย่างไรเมื่อบอลมาถึง"
"การมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเหมือนต้องเจอกับเรื่องรูปร่างที่เล็กเกินไป แต่เขาทำให้เห็นแล้วว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาเลย เขาเป็นนักเตะในแบบที่ อาร์เซน่อล"
"มิเกล อาร์เตต้า คงคิดอยู่ข้างสนามว่า 'โอ้ พระเจ้า เขาคือนักเตะที่เราต้องการ' เขาเป็นนักเตะที่เราต้องดึงมาร่วมทีมให้ได้ เราต้องหาทางในการเซ็นสัญญาถาวรกับเขา ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่" ไรท์ กล่าว
เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่ เอียน ไรท์ ต้องการก็คงไม่ต่างจากสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า และแฟนบอล อาร์เซน่อล ทั่วโลกอยากให้เกิดขึ้น
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากนัดเสมอ เวสต์แฮม 3-3
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT