ชัยชนะเล็กๆ แต่สำคัญ
มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมเพิ่งเผชิญกับความกดดันถาโถมอีกครั้งหลังจบเกมยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรกที่ทำได้เพียงเสมอ สลาเวีย ปราก 1-1 ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อการตกรอบ ขณะที่ในลีกก็แทบหมดลุ้นโควตายุโรปหลังปราชัยคาบ้านต่อ ลิเวอร์พูล 0-3
ที่น่าหนักใจไม่แพ้กันคือปัญหาบาดเจ็บที่เริ่มประเดประดังมาพร้อมกันจนตัวหลักหลายคนไม่สามารถช่วยทีมได้
คีแรน เทียร์นีย์, ดาวิด ลุยซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ เอมิล สมิธ โรว์ โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานทั้งหมดโดยที่รายแรกหนักสุดต้องปิดเทอมฤดูกาลนี้เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง มีอาการป่วยเล่นงานจนพลาดช่วยทีมไปอีกคน
การจัดทัพของ อาร์เตต้า จึงเซอร์ไพรส์พอสมควรทั้งแท็กติกและตัวผู้เล่นที่ส่งลงสนามเจอกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยที่กำลังนับถอยหลังรอวันตกชั้นอย่างเป็นทางการ
กรานิต ชาคา ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายเพื่อให้ เซดริก โซอาเรส ได้พัก ไม่ต้องเสี่ยงต่อการเจ็บเพิ่มไปอีกรายเพราะตอนนี้เหลือฟูลแบ็กโปรตุกีสคนเดียวเท่านั้นที่เป็นแบ็กอาชีพสามารถทดแทน คีแรน เทียร์นีย์ ได้ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
เมื่อ ชาคา ไม่อยู่ตำแหน่งประจำตรงกลาง อาร์เตต้า จึงให้โอกาส ดานี่ เซบายอส ได้ลุยร่วมกับ โธมัส ปาร์เตย์
อีกจุดสำคัญคือการขยับให้ตัวริมเส้นธรรมชาติอย่าง บูคาโย่ ซาก้า รับบทบาทเพลย์เมกเกอร์ตรงกลางงแทนการขาดหายไปของ โอเดการ์ด และ สมิธ โรว์ ขณะที่ปีกสองข้างเป็น นิโกล่าส์ เปเป้ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โดยที่มี อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ รับหน้าที่หัวหอกตัวเป้า
การปรับแท็กติกด้วยความจำเป็นของ มิเกล อาร์เตต้า มีความเสี่ยงไม่น้อยเพราะทีมไม่ได้อยู่ในช่วงผลงานที่ดีและอาจทำให้ "ออกทะเล" ไปกันใหญ่
แต่หากจะมีเกมไหนที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนทีมก็คงเป็นการมาเยือนรัง เชฟฯ ยูไนเต็ด ที่ตารางคะแนนสะท้อนเป็นอย่างดีว่า "อันตรายน้อยสุด" ในลีก เป็นทีมเดียวที่ยิงไม่ถึงยี่สิบประตู (17 ประตู) และมีปัญหาบาดเจ็บมากมาย
ในครึ่งแรก อาร์เซน่อล ได้ครองบอลทำเกมรุกมากกว่าและสร้างโอกาสยิงประตูถึง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง และได้ 1 ประตูที่มาจากการประสานงานอันยอดเยี่ยม
การเข้าประตูแรกเป็นประตูในฝันของทุกทีมที่ต้องการทำให้ได้เพราะบ่งบอกถึงความมี "ทีมเวิร์ก" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกว่า "ความสามารถเฉพาะตัว"
อาร์เซน่อล ทำกันสวยมากจังหวะนี้ ปาร์เตย์ จ่ายยัดให้ ลากาแซ็ตต์ ชิ่งจังหวะเดียวไปให้ ซาก้า กระแทกต่อทันทีไปถึง เซบายอส ที่โชว์ความเหนือชั้นไขว้บอลให้ ลากาแซ็ตต์ ได้เกี่ยวหลุดไปยิงอย่างเฉียบขาด
ประตูนี้ทำให้แฟนบอลปืนใหญ่หลายคนนึกถึงจังหวะชิ่งสุดเหนือชั้นก่อนจบด้วยการยิงประตูของ แจ็ค วิลเชียร์ ที่เล่นร่วมกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ โทมัส โรซิชกี้ ในเกมพบ นอริช ซิตี้ ฤดูกาล 2013-14 ขึ้นมาทันที
ด้วยคุณภาพทีมที่ห่างกันอยู่แล้วระหว่างทั้งสองทีม การได้ประตูในลักษณะนี้ยิ่งทำให้ อาร์เซน่อล มีความมั่นใจมากขึ้น และสามารถคอนโทรลเกมเอาไว้ได้
ในครึ่งหลัง ทัพดาบคู่พยายามขยับเกมสู้จนได้ครองบอลเพิ่มขึ้นจาก 41 เปอร์เซ็นต์ เป็น 49 เปอร์เซ็นต์ และหาโอกาสลุ้นประตูได้ 5 ครั้ง แต่ก็ไม่ใกล้เคียงที่จะยิงคืนได้ แถมยังมาโดนเพิ่มอีก 2 ประตู
อาร์เซน่อล เล่นตามจังหวะไปเรื่อย ไม่ต้องเร่งเกมอะไรมากเพราะคุมเกมเอาไว้ได้ มีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพียงแค่จังหวะที่ ซาก้า บาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนออกให้ วิลเลี่ยน ลงแทนในนาที 69
ลากาแซ็ตต์ บวกประตูเพิ่มจากจังหวะแทงบอลให้อย่างยอดเยี่ยมของ ปาร์เตย์ ขณะที่ มาร์ติเนลลี่ ที่หลายคนเอาใจช่วยให้ได้โอกาสลงสนามมากกว่านี้ ก็ปลดล็อกยิงประตูแรกได้สำเร็จจากการเข้าซ้ำลูกยิงของ นิโกล่าส์ เปเป้ หลังจากครึ่งแรกพยายามไป 2-3 ครั้งแต่ยังทำไม่ได้
มาร์ติเนลลี่ รอประตูแรกของตัวเองในฤดูกาลนี้อยู่นานมาก ครั้งล่าสุดที่ยิงได้ต้องย้อนกลับไปในวันที่โซโล่เดี่ยวไปยิงประตู เชลซี เมื่อเดือนมกราคม ปีทีแล้ว หรือ 15 เดือนเลยทีเดียว
ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าตัวโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนัก และใช้เวลาอยู่นานในการเรียกความฟิตและจังหวะการเล่น ยิ่ง อาร์เซน่อล มีผลงานไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ การสอดแทรกกลับมายึดตัวจริงยิ่งทำได้ลำบาก หลายช่วงก็ทำได้เพียงนั่งสำรองหลายนัดติดต่อกัน
การได้ลงตัวจริงและยิงประตูได้ด้วยเหมือนได้ปลดล็อกบางสิ่งบางอย่างก็ว่าได้ เจ้าตัวกล่าวหลังเกมว่า "ผมเหนื่อยเล็กน้อย แต่ว่ามีความสุขกับประตูที่ยิงได้และยิ่งมีความสุขมากขึ้นกับชัยชนะและสามคะแนนของทีม"
"ผมฝึกซ้อมในทุกวัน พยายามเตรียมตัวเองให้พร้อมเพราะเมื่อ มิเกล ต้องการคุณ คุณก็พร้อมออกไปลุยและแสดงบางสิ่งออกมา"
อาร์เตต้า กล่าวชมลูกทีมหลังจบเกมว่า "เราเล่นด้วยประสิทธิภาพ และเต็มไปด้วยความฉลาดในการครองบอล เรายังแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่เหมาะสม"
"ผมแฮปปี้มากๆ กับแนวทางที่เราเล่น เรายิงประตูสวยๆ ได้และคอนโทรลเกมได้อย่างที่เราต้องการ เราเล่นด้วยคุณภาพระดับสูง ผมรู้สึกว่านักเตะทำได้แบบนั้นตั้งแต่ต้น เรามีประสิทธิภาพทีเดียว"
ส่วนการปรับให้ ชาคา ไปเล่นแบ็กซ้ายจนมีส่วนช่วยทีมเก็บคลีนชีตแรกในรอบ 15 นัดหลังสุดจากทุกรายการ อาร์เตต้า กล่าวว่า "ผมคิดว่ามันได้ผลมากๆ แน่นอนว่าเราต้องจัดการตรงจุดนั้นและผมก็รู้สึกว่า กรานิต สามารถพัฒนาไปเป็นฟูลแบ็กที่ดีมากๆ ในการแข่งขันทุกวันนี้ได้"
นอกเหนือจากการกลับมาชนะนัดแรกในรอบ 5 นัดหลังสุดแล้ว สิ่งสำคัญสุดสำหรับชัยชนะนัดนี้คือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีมากสำหรับนัดชี้ชะตายูโรปา ลีก กับ สลาเวีย ปราก
"นี่เป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีมากสำหรับเกมในวันพฤหัสบดีนี้ มันเป็นเวลานานมากที่ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้" อาร์เตต้า กล่าว
อาร์เตต้า พาทีมเอาตัวรอดจากปัญหาที่กำลังพุ่งชนด้วยชัยชนะสวยงามที่ได้ทั้งความมั่นใจและจังหวะการเล่นที่ดี แต่ก็ยังมีเรื่องให้ต้องแก้ไขต่อเพราะ ซาก้า บาดเจ็บเพิ่มเติมไปอีกราย
กุนซือชาวสแปนิชยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าอาการของ ซาก้า รุนแรงเพียงใดและจะสามารถช่วยทีมในเกมนัดสองกับสลาเวีย ปราก ได้หรือไม่ เช่นเดียวกับ โอเดการ์ด และ สมิธ โรว์ ที่ยังคงต้องลุ้น 50-50
แต่อย่างน้อยชัยชนะจากบรามอลล์ เลน ก็น่าจะทำให้ทีมอยู่ในบรรยากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากก่อนลุ้นตั๋วเข้ารอบตัดเชือกยูโรปา ลีก และรักษาความหวังกลับไปเล่นในถ้วยยุโรปฤดูกาลหน้าต่อไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT