แพ้...แต่ยังมีหวัง
1. บียาร์เรอัล โจมตีเร็วได้ผล
ในเกมที่หลายคนคาดว่าทั้งสองทีมอาจจะเล่นกันอย่างระมัดระวังตัวโดยเฉพาะ บียาร์เรอัล ที่ไม่ต้องการเสียประตูในบ้าน ทว่าทีมของกุนซือ อูไน เอเมรี่ ก็เปิดฉากโจมตีทีมเก่าตั้งแต่เริ่มเกมจนกระทั่งได้ประตูนำเร็วใน 5 นาทีแรก
เกมรับฝั่งซ้ายที่ยังต้องให้ กรานิต ชาคา แก้ขัดในช่วงที่ คีแรน เทียร์นีย์ บาดเจ็บ โดนเกมรุกของ บียาร์เรอัล เล่นงานตั้งแต่จังหวะแรกที่ป้องกัน ซามูเอล ชุควูเอเซ่ ไม่อยู่จนบอลทะลักเข้าทาง มานู ตีเกรอส ได้หวดเต็มข้อส่งบอลเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด
อาร์เซน่อล พยายามเซตเกมของตัวเองสู้ แต่ก็ขาดความต่อเนื่องจนมาโดน บียาร์เรอัล นำห่าง 2-0 ในครึ่งชั่วโมงจากลูกเตะมุมที่ ราอูล อัลบิโอล กองหลังจอมเก๋าเก็บตกยิงโล่งๆ ที่เสาไกล
ผ่านครึ่งชั่วโมงด้วยสกอร์ 2-0 จึงเข้าทาง บียาร์เรอัล ในทันที
2. 'False 9' ของ อาร์เซน่อล ไม่เวิร์ก
เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า ทำเซอร์ไพรส์ไม่ส่งกองหน้าอาชีพลงเล่น แต่เลือกขยับให้ เอมิล สมิธ โรว์ กองกลางตัวรุกขึ้นไปเล่นหน้าเป้าแบบ "False 9" โดยมี มาร์ติน โอเดการ์ด สลับบ้างในบางจังหวะ ขณะที่ริมเส้นเป็น บูคาโย่ ซาก้า และ นิโกล่าส์ เปเป้
แท็กติกของ อาร์เตต้า ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะทั้ง สมิธ โรว์ และ โอเดการ์ด ไม่สามารถกดดันคู่เซนเตอร์ของ บียาร์เรอัล ได้เลย เปา ตอร์เรส และ ราอูล อัลบิโอล เจอเกมง่ายกว่าที่คาด จึงไม่กังวลกับเกมรับมากนักและสามารถช่วยทีมเซตบอลทำเกมรุกตั้งแต่แนวรับได้
การแก้เกมของ อาร์เตต้า ตัดสินใจช้าอีกครั้งเพราะกว่าจะเปลี่ยนกองหน้าอย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ลงเล่นก็ล่วงเลยไปถึงนาทีที่ 63 ส่วน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่เพิ่งหายจากไข้มาลาเรีย ได้ลงเล่นใน 5 นาทีสุดท้าย
ดานี่ เซบายอส โดนใบแดงไล่ออก
3. "ดีคนละครึ่ง"
หากสรุปให้เห็นภาพสำหรับนัดแรกของคู่นี้คงต้องบอกว่า "ดีคนละครึ่ง" โดยครึ่งแรกเป็น บียาร์เรอัล ทำได้ดีกว่ากับการนำก่อน 2-0 และคอนโทรลจังหวะการเล่นของตัวเองได้
ในครึ่งหลังเกือบจะเป็นอีกครั้งที่ บียาร์เรอัล คุมเกมเบ็ดเสร็จเพราะ อาร์เซน่อล เหลือผู้เล่น 10 คนหลังจาก ดานี่ เซบายอส ได้ใบเหลืองที่สองในนาที 58
ทว่า 10 คนของ อาร์เซน่อล กลับมีฮึด ไม่ได้ถอยไปอุดอยู่ในแดนตัวเองอย่างเดียว แต่พยายามต่อบอลทำเกมรุกในทุกครั้งที่ได้โอกาสจนกระทั่งมาเรียกจุดโทษจากจังหวะลุยเองของ บูคาโย่ ซาก้า ที่ถูกเกี่ยวล้มจนได้ฟาวล์ ก่อนเป็น นิโกล่าส์ เปเป้ ยิงตีไข่แตกปลุกความหวังเป็น 2-1
โมเมนตัมเหวี่ยงต่อเนื่องมาฝั่ง อาร์เซน่อล เมื่อ บียาร์เรอัล เหลือผู้เล่น 10 คนบ้างในช่วง 10 นาทีสุดท้ายหลังจาก เอเตียน กาปู อดีตกองกลาง สเปอร์ส ได้เหลืองสองเช่นกันกลายเป็นใบแดงหลังเสียบฟาวล์ใส่ บูคาโย่ ซาก้า
น่าเสียดายสำหรับแฟน "ปืนใหญ่" คือในช่วงที่เหลือ 10 คนเท่ากัน อาร์เซน่อล กลับไม่สามารถโจมตี บียาร์เรอัล ได้แบบต่อเนื่อง ทำให้ทวงคืนมาได้เพียงประตูเดียว
4. เกมแห่งความผิดพลาด
หากพิจารณาให้ดี ทุกจังหวะสำคัญในเกมนี้ล้วนเป็นความผิดพลาดของผู้เล่นทั้งสองทีมไม่ว่าจะเป็น 2 ประตูแรกของ บียาร์เรอัล ที่ อาร์เซน่อล ควรป้องกันให้ดีกว่านี้
กรานิต ชาคา น่าจะบล็อก ซามูเอล ชุควูเอเซ่ เอาไว้ได้ก่อนเสียประตูแรก ขณะที่ โธมัส ปาร์เตย์ ก็ปล่อยให้ ราอูล อัลบิโอล ได้ยิงโล่งๆ เพราะตามประกบพลาด
ลูกตีไข่แตกของ อาร์เซน่อล ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นความผิดพลาดเสียฟาวล์ในเขตโทษของ บียาร์เรอัล
นอกจากนี้จังหวะฟาวล์ต่างๆ ทั้งใบเหลืองและใบแดงก็เป็นความผิดพลาดง่ายๆ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสภาพสนามที่ค่อนข้างลื่นทำให้นักเตะเสียหลักในจังหวะเข้าแย่งบอลกัน
มิเกล อาร์เตต้า ต้องเรียนรู้จากนัดแรก
5. โอกาสยัง 50-50
บียาร์เรอัล เก็บชัยชนะได้ก่อนในนัดแรก แต่ก็ยังไม่สามารถอุ่นใจได้เพราะสกอร์ 2-1 ไม่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบมากนัก ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้อะเวย์โกลที่เหมือนปลุกความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ในวันที่หลายอย่างไม่เป็นใจและวางแผนผิดพลาด การได้สกอร์ 1-2 กลับมาถือว่าดีมากแล้วสำหรับ อาร์เซน่อล เพราะประตูทีมเยือนมีค่าเสมอ บางคนเปรียบว่าเป็น "ครึ่งประตู" ที่ได้มา
หากนัดสอง อาร์เซน่อล เอาชนะได้ 1-0 ก็จะเป็นฝ่ายพลิกเข้ารอบทันที เงื่อนไขนี้ทำให้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังมีความหวังสำหรับการลุ้นเข้าชิงชนะเลิศ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญสุดคือ อาร์เตต้า ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในนัดแรกและนำมาปรับแก้ให้ได้ในนัดสอง เพราะไม่อย่างนั้น ประตูทีมเยือนที่ได้มาก็อาจไม่มีค่าอะไรเลยหากยังเล่นผิดพลาดแบบเดิม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT