5 แข้งเปรี้ยงในยุคปืนแตก
แม้ไม่ใช่ผลงานที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นผลงานที่ควรได้รับการจดจำและยกย่องบ้าง เพราะหากไม่มีพวกเขาเหล่านี้ บางที อาร์เซน่อล อาจหลุดโค้งไปไกลยิ่งกว่านี้
นี่คือ 5 นักเตะที่ผลงานดีสุดในฤดูกาลที่ผ่านมา
อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์
หัวหอกชาวฝรั่งเศสเล่นให้ อาร์เซน่อล เป็นฤดูกาลที่ 4 ก่อนจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีม 17 ประตูจากทุกรายการ
ลากาแซ็ตต์ ทำประตูเทียบเท่าฤดูกาล 2017/18 ที่เล่นให้ทีมเป็นฤดูกาลแรก และเป็นรองฤดูกาลที่ 2 (2018/19) ที่ยิงมากสุด 19 ประตู เพียง 2 ประตู
ถ้าเทียบว่าเล่นในตำแหน่ง "หน้าเป้า" ถือว่าไม่ได้เยอะมากนัก แต่ต้องยอมรับว่าแนวทางการโรเตชั่นของ มิเกล อาร์เตต้า ทำให้ ลากาแซ็ตต์ ไม่ได้ลงตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งหลุดสำรองบ่อยยิ่งส่งผลต่อฟอร์มการเล่น
ลากาแซ็ตต์ เริ่มต้นยิงได้ตลอด 3 นัดแรกในลีกที่พบ ฟูแล่ม, เวสต์แฮม และ ลิเวอร์พูล ก่อนเงียบไปพักใหญ่แล้วกลับมายิงได้อีกครั้งในเกมชนะ เชลซี 3-1 ในวันบ็อกซิ่งเดย์
โดยตลอด 31 นัดที่ลงเล่นในลีก ลากาแซ็ตต์ เป็นตัวจริง 22 นัด และลงในฐานะสำรอง 9 นัด ยิงในลีกได้ 13 ประตู และทำสถิติเป็นนักเตะฝรั่งเศสคนที่ 4 ที่ยิงให้ อาร์เซน่อล ในพรีเมียร์ลีกครบ 50 ประตูต่อจาก เธียร์รี่ อองรี, โรแบร์ ปิแรส และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
นิโกล่าส์ เปเป้
นิโกล่าส์ เปเป้ ถูกคาดหวังอย่างมากในฤดูกาลล่าสุดที่เป็นฤดูกาลที่ 2 กับทีมด้วยเพราะค่าตัวมหาศาล 72 ล้านปอนด์อันเป็นสถิติสโมสร
ปีกทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ยังคงเข้าๆ ออกๆ ระหว่างตัวจริงกับสำรอง สถิติในลีกที่ลงตัวจริง 16 นัด สำรองอีก 13 นัด และนั่งข้างสนามไม่ถูกส่งลงเล่นเลยอีก 6 นัด บ่งบอกถึงสถานการณ์ในทีมได้เป็นอย่างดี
โอกาสลงเล่นจริงจังของ เปเป้ คือในยูโรปา ลีก ที่ผลงานโดดเด่นทีเดียวยิงได้ 6 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ และเป็นคนเดียวในทีมที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของรายการนี้
เปเป้ ทำประตูได้ทั้งรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2 นัดและรอบรองฯ นัดแรก น่าเสียดายตรงนัดสองที่ทีมต้องการประตูอย่างมาก แต่ก็ทำไม่ได้ในเกมเสมอ บียาร์เรอัล 0-0 จึงตกรอบอย่างน่าเสียดาย
ในภาพรวมแล้ว นิโกล่าส์ เปเป้ ยิงได้ถึง 16 ประตู และ 6 แอสซิสต์จากทุกรายการ ตัวเลขยิงประตูมากกว่าฤดูกาลแรกที่ยิงได้เพียง 8 ประตูเท่านั้น
ช่วงท้ายฤดูกาล เปเป้ เล่นได้อย่างท็อปฟอร์มซัดไป 5 ประตูจาก 3 นัดจนมีชื่อเข้าชิงแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤษภาคมของพรีเมียร์ลีก ก่อนรางวัลนี้ตกเป็นของ โจ วิลล็อค กองกลางของ อาร์เซน่อล ที่โชว์ฟอร์มถล่มประตูให้ นิวคาสเซิ่ล ระหว่างถูกปล่อยยืมตัว
บูคาโย่ ซาก้า
ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงจากรั้วอคาเดมี่ของสโมสร ได้โอกาสลงเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในยุคของ อูไน เอเมรี่ ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้ทีมเต็มตัวในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า
ซาก้า เป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ที่ลงเล่นให้ทีมมากสุดในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยตัวเลข 46 นัดจากทุกรายการ และมีเพียง แบรนด์ เลโน่ นายทวารของทีมคนเดียวที่ลงสนามมากกว่า (49 นัด)
ความสำคัญของ ซาก้า ไม่เพียงได้ลงเล่นจำนวนมากเท่านั้น แต่เขายังถูกส่งลงเล่นในหลากหลายตำแหน่งอีกด้วย
ซาก้า ได้ลงทั้งตัวรุกฝั่งซ้าย ฝั่งขวา หรือว่าตรงกลางในบทบาทจอมทัพหมายเลข 10 นอกจากนี้ยังขยับลงไปเล่นกองกลางฝั่งซ้ายในระบบ 4-3-3 รวมถึงวิงแบ็ก และแบ็กซ้ายจำเป็นอีกหลายนัด เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์อย่างแท้จริง
ซาก้า ทำประตูสำคัญทั้งในเกมพบ เชลซี, นิวคาสเซิ่ล, เบนฟิก้า และ สลาเวีย ปราก โดยยิงได้รวม 7 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ ก่อนก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่และกำลังมีลุ้นติดทีมไปลุยศึกยูโร 2020 ในกลางปีนี้
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น
เอมิล สมิธ โรว์
อีกหนึ่งดาวรุ่งความหวังที่ปักหมุดทีมชุดใหญ่เต็มตัวในวันบ็อกซิ่งเดย์ที่เอาชนะ เชลซี 3-1 และไม่เคยหันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย
ก่อนหน้านี้ แฟนบอลเห็นผลงานของ สมิธ โรว์ บ้างประปรายในบอลถ้วยลีก คัพ และยูโรปา ลีก ทว่าโอกาสในลีกยังไม่มากนัก
แต่จุดเปลี่ยนที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องปรับทีมใหม่หลังผลงานช่วงออกสตาร์ทไม่ดีเก็บได้เพียง 14 คะแนนจาก 14 นัดแรก ทำให้ สมิธ โรว์ ได้โอกาสลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกพบ เชลซี ก่อนเค้นฟอร์มออกมาช่วยทีมเก็บชัยชนะสวยงาม
จุดเด่นของ สมิธ โรว์ อยู่ที่ความขยัน มุ่งมั่น และเล่นอย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าจังหวะไหนควรจ่าย จังหวะไหนควรเก็บบอลเอาไว้ จังหวะไหนควรวิ่ง และวิ่งอย่างไรสร้างโอกาสให้เพื่อนได้จ่ายบอลได้ง่าย
กับวัยเพียง 20 ปีที่ลงตัวจริงและเพิ่งสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกแบบจริงจังในช่วง 4-5 เดือนสุดท้าย แต่ สมิธ โรว์ เล่นราวกับว่าเป็นผู้เล่นประสบการณ์สูงที่ผ่านเวทีมาแล้วหลายปี
ผลงาน 4 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ เป็นเหมือนเครื่องเคียงบนโต๊ะ เพราะทุกคนรู้ดีกว่าอาหารจานหลัก หรือว่าสิ่งที่ สมิธ โรว์ ทำให้เห็นในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคือสิ่งแสงสว่างไม่กี่อย่างในฤดูกาลอันหม่นหมองของทีมที่เพิ่งจบลงไป
คีแรน เทียร์นีย์
คีแรน เทียร์นีย์ คือชื่อแรกๆ ที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องส่งตัวจริงแน่นอนหากไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเพราะนี่คือผู้เล่นคุณภาพชั้นยอดเพียงไม่กี่คนในทีม
ในวันที่ฟิตสมบูรณ์ เทียร์นีย์ คือหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ผลงานในสนามโดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ แถมยังลงเล่นด้วยพาสชั่นและความมุ่งมั่นเกินร้อย มีเลือดนักสู้เต็มเปี่ยม
อดีตกัปตันทีม เชลซี เติมเกมรุกได้ตลอด 90 นาทีไม่มีหมด มีลูกครอสส์ที่อันตรายแถมฤดูกาลนี้ทำประตูสุดสะเด่าให้เห็นทั้งในเกมพบ เวสต์บรอมวิช ที่ล็อกจากซ้ายเข้าขวาก่อนยิงเข้าไปอย่างสุดยอด รวมถึงลูกยิงปลุกความหวังในยูโรปา ลีก นัดพบ เบนฟิก้า
ขณะที่เกมรับก็ช่วยทีมได้อย่างไร้ข้อบกพร่องไม่ว่าจะเป็นบทบาทแบ็กซ้ายที่ถนัด หรือตำแหน่งวิงแบ็ก รวมไปถึงขยับเข้าไปยืนเป็นหนึ่งในสามเซนเตอร์ก็ทำได้ไม่มีติดขัด
คีแรน เทียร์นีย์ มีคุณสมบัติครบถ้วนในการก้าวขึ้นไปเป็นยอดนักเตะและเป็นกัปตันทีม อาร์เซน่อล ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นฝีเท้า ความมุ่งมั่น การเล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง และความเป็นผู้นำที่เคยทำหน้าที่สำคัญทั้งสมัยแจ้งเกิดกับ เซลติก รวมถึงทีมชาติสกอตแลนด์ด้วย
เรื่องน่าห่วงอย่างเดียวคืออาการบาดเจ็บที่หากรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีกว่านี้ก็รับรองได้เลยว่าเราจะได้เห็นฟอร์มอันระห่ำของ คีแรน เทียร์นีย์ มากกว่านี้แน่นอน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT