:::     :::

จุดเริ่มต้นหายนะ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความพ่ายแพ้ของอาร์เซน่อล ต่อ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้กุน ซือชาวฝรั่งเศสเสียสถิติที่เคยช่ำชองมากที่สุดในถ้วยเอฟเอ คัพ นั่นคือ ตกรอบ 3 เป็นครั้งแรก

ตลอดระยะเวลามากกว่า 21 ปีในตำแหน่ง เวนเกอร์ พาทีมผ่านเข้ารอบ 4 ได้ทั้งหมด และไปต่อจนถึงตำแหน่งแชมป์ 7 ครั้ง 

ไม่เคยมีกุนซือคนใดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการเก่าแก่ที่สุดในโลกได้มากเท่ากับเขาอีกแล้ว 

อาร์เซน่อลยังเป็นเจ้าของแชมป์มากที่สุดที่ 13 สมัย ซึ่ง "เกินครึ่ง" เกิดขึ้นในยุคของ เวนเกอร์ นั่นเอง

ความสำเร็จในรายการนี้ที่ฟาดแชมป์ 3 สมัยจาก 4 ปีหลัง คือฟางเส้นๆ ที่ช่วยให้ เวนเกอร์ ยังได้อยู่ในตำแหน่ง เพราะหากจะหาความชอบธรรมอื่นก็แทบจะไม่มีเหลืออีกแล้ว

อย่างไรก็ตามตอนนี้ เขาจะไม่มีสิ่งที่เคยเป็นความหวังและเซฟเก้าอี้ให้กับตัวเองเป็นเกราะป้องกันอีกแล้วเมื่อตกรอบอย่างน่าอับดาย

จริงอยู่ว่า การป้องกันแชมป์เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการคว้าแชมป์ และทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่มีทีมใดจะผูกขาดซิวแชมป์ได้ทุกปี

แต่การตกรอบแบบที่เกิดขึ้นล่าสุดก็ยากเกินกว่าที่แฟนบอลจะรับได้

ความผิดพลาดแรกของ เวนเกอร์ คือ การส่งผู้เล่นชุดสองซึ่งเต็มไปด้วยแข้งสำรองและดาวรุ่ง เป็นการประมาทคู่แข่งเกินไป 

"เจ้าป่า" อยู่ในช่วงย่ำแย่ และยังไม่ได้หากุนซือใหม่มาแทน มาร์ค วอร์เบอร์ตัน ที่โดนปลดในวันสิ้นปีก็จริง แต่สิ่งที่พวกเขายังมีอยู่คือ นักเตะชุดเดิมและหัวใจนักสู้

อาร์เซน่อล เป็นถึงแชมป์เก่าและเจ้าของแชมป์มากที่สุด แต่เวนเกอร์ทำเหมือนกำลังลงเล่นในถ้วยลีก คัพ 

นอกจากไม่ให้เกียรติฟุตบอลถ้วยที่มีมนต์ขลังมายาวนานเกินร้อยกว่าปีแล้ว ยังไม่แคร์ความรู้สึกของแฟนบอลที่เดินทางไกล เสียทั้งเงินและเวลาในการตามเชียร์อีกต่างหาก


แม้ไม่ได้คุมทีมข้างสนามเพราะติดโทษแบน แต่ เวนเกอร์ ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

ขณะเดียวกัน ผู้เล่นที่ส่งลงสนามก็คุณภาพต่ำเตี่ยเรี่ยดินทั้งแข้งซีเนียร์และดาวรุ่ง ไม่มีใครเป็นความหวังได้เลย

ลำพังชุดใหญ่เต็มสูบที่เอาไว้ลุยในลีกยังอยู่เพียงแค่อันดับ 6 ของตาราง ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 24 คะแนน 

แล้วประสาอะไรกับชุดสองที่ห่างไกลกับชุดตัวจริงลิบลับ

แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ กับ มาติเยอ เดบูชี่ หมดสภาพไปตั้งนานแล้ว ขณะที่ ธีโอ วัลค็อตต์ ก็ทำตัวเป็น "ดาวรุ่งตลอดกาล" ไม่มีวันเปลี่ยนทั้งที่อยู่กับทีมมาครบ 12 ปีเข้าให้แล้ว (ย้ายมาในเดือนมกราคม 2006)

ที่น่าหงุดหงิดใจแฟนบอลมากกว่าคือ วัลค็อตต์ ยังตื่นเช้ามาโดยที่มีเงินสัปดาห์ละ 100,000 ปอนด์เข้าบัญชีเช่นเดิม 

แดนนี่ เวลเบ็ค กับ อเล็กซ์ อีโวบี้ ยิ่งเล่นยิ่งเลอะเทอะ ไม่เคยพิสูจน์ตัวเองได้จริงๆ จังๆ เช่นเดียวกับ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่เหมือนเป็นคนละคนกับซีซั่นแรกซึ่งเปิดตัวกับทีมได้ยอดเยี่ยม 

ขณะที่ดาวรุ่งหลายคนที่ได้รับโอกาสก็ตามสภาพ พวกเขายังอยู่ในวัยเรียนรู้ และยังขาดประสบการณ์อยู่มาก ด้วยศักยภาพ ณ ตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรกับแข้งระดับแชมเปี้ยนชิพ หรืออาจต่ำกว่านั้น

และที่แย่กว่านั้นคือ ในซุ้มม้านั่งสำรองกลับไม่มีตัวหลักที่เอาไว้พลิกเกมในสถานการณ์ฉุกเฉินเลย

ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล ใช้งานผู้เล่นจากทุกรายการไปแล้ว 32 คน แต่ตัวหลักที่ใช้จริงจังในเกมลีกมีเพียวสิบกว่าคน ที่เหลือคืนในบอลถ้วย

มองในแง่ปริมาณถือว่าเยอะมาก แต่ปัญหาคือ "คุณภาพ" ที่ตัวสำรองทดแทนตัวจริงไม่ได้เลย นั่นทำให้พอเปลี่ยนทีม ระดับการเล่นจึงต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ เวนเกอร์ พักตัวหลักไว้เพื่ออะไรในเมื่อนัดต่อไปคือคาราบาว คัพ ที่ปกติใช้ชุดสำรองลงเล่นอยู่แล้ว

เวนเกอร์ ยังสามารถให้ตัวหลักบางคนลงเล่นในเอฟเอ คัพ ไม่ใช่เกมไว้ลุยในลีกอย่างเดียว


แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ หมดสภาพไปนานแล้วกับเกมระดับสูง

ในหนึ่งฤดูกาล มีเกมลีก 38 นัด คือถ้าลงสนามครบทุกนัดก็ยังถือว่าน้อยเกินไปสำหรับนักเตะอาชีพในยุคนี้เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 50 นัด หรืออย่างน้อยก็ต้องมี 35 นัด 

ในเมื่อฟุตบอลถ้วยยูโรปา ลีก และคาราบาว คัพ ก็เป็นรายการที่ตัวหลักได้พักอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เอฟเอ คัพ จึงควรเป็นโปรแกรมเพิ่มเติมที่ควรต้องลงเล่นนอกเหนือจากเกมลีก

แล้วดูผลงานตัวหลักที่ เวนเกอร์ อุตส่าห์ประคบประหงมเพื่อให้ลงเล่นในเกมลีกตอนนี้ 

ถ้านำจ่าฝูงของตาราง มีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ก็คงไม่มีแฟนบอลคนใดก่นด่าแน่นอน แต่นี่ตามหลังคู่แข่งมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในเดือนมกราคม

จริงอยู่ว่า คีย์แมนหลายคนคือตัวหลักทีมชาติ ต้องเหนื่อยทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ แต่พวกเขาก็รับค่าเหนื่อยก้อนโตที่คู่ควรแล้วเช่นกัน

แต่การลงสนามเพียง 38 นัด (ในกรณีไม่เจ็บไม่แบน) ถือว่าน้อยเกินไป และเอาเปรียบแฟนบอลซึ่งอาร์เซน่อลก็ขึ้นชื่อลือชาว่าขูดรีดค่าตั๋วสุดๆ มาหลายปีนับตั้งแต่สร้างสนามใหม่

อย่างในรายของ อเล็กซิส ซานเชซ กับ เมซุต โอซิล ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องประคบประหงมขนาดนั้น

ทั้งคู่กำลังจะหมดสัญญาในจบฤดูกาลนี้ และไม่มีทางที่จะต่อสัญญาออกไป นั่นหมายความว่าไม่ช้าก็เร็วคงต้องย้าย

ในเมื่อจะย้ายอยู่แล้วก็ส่งลงเล่นให้เต็มที่ไปเลย ใช้งานให้คุ้ม ไม่ต้องโอ่เอาใจอะไรกันอีกต่อไป 

การปกครองคนบางครั้งก็ต้องมีลูกโหด ลงแส้ลงหวายกันบ้าง ไม่ใช่ตามใจเสียทุกอย่าง และเป็นลูกที่ดื้อๆ รอที่ปีนรั้่วออกจากบ้านแบบนี้ ยิ่งต้องเน้นหนัก


การตั้งรับแบบอนุบอลก่อนเสียประตูแรกง่ายๆ 

นอกจากการจัดตัวที่สมควรตกรอบแล้ว แนวทางการเล่นยังน่าผิดหวังอีกด้วย

เทียบความมุ่งมั่น ตั้งใจ และกระหายแล้ว ฟอเรสต์ มีมากกว่าเยอะทั้งที่อยู่ในช่วงจับต้นชนปลายไม่ถูก และควรต้องเน้นในลีกมากกว่าด้วยซ้ำ

เมื่อ "ใจ" นำหน้ามาก่อน ทุกอย่างก็ตามมาเอง พวกเขากล้าเล่น กล้าลุยโดยไม่เกรงกลัวว่านี่คือทีมที่เป็นแชมป์ถึง 13 สมัย

ขณะเดียวกัน เกมรับอาร์เซน่อลก็อ่อนด้อยและมีปัญหาคาราคาซังไม่ว่าจะเป็นจุดตัวจริงหรือสำรอง แต่ละคนขยันก่อความผิดพลาดแบบอนุบาลจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักเตะของทีมที่เคยเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายเมื่อไม่กี่ปีก่อน

จากทีมที่เคยมีเกมรับเหนียวแน่น มีตำนานแบ็กโฟร์อันเลื่องชื่อ แปรสภาพมาเป็นทีมที่กองหลังรั่วยิ่งท่อแตก 

คู่แข่งบุกขึ้นมาแต่ละทีเป็นต้องเสียวสันหลังตลอด หรือต่อให้ยังไม่ทำอะไรก็เป็นอาร์เซน่อลที่สร้างความผิดพลาด ยื่นหอกให้ย้อนกลับมาแทงตัวเองซะงั้น

แค่การยืนตั้งรับก่อนเสียประตูแรกก็ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยให้คู่แข่งได้วิ่งไปโขกบอลตัดหน้า ดาวิด ออสปินา ง่ายๆ แบบนั้น ไม่ต้องใช้ความพยายามหรือพละกำลังแต่อย่างใด 

การตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ คือสัญญาณร้ายล่าสุดที่เกิดขึ้นกับอาร์เซน่อล และอาร์แซน เวนเกอร์ ในรอบไม่ถึงหนึ่งปีที่ผ่านมา

ฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาจบด้วยการมีอันดับต่ำกว่าสเปอร์สเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ เวนเกอร์ เข้ามาคุมทีม

นอกจากนี้ยังไม่สามารถคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรก

การตามจ่าฝูงถึง 24 คะแนนในเดือนมกราคมนี้ ก็เป็นระยะห่างที่มากที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นกับ เวนเกอร์

สิ่งที่ เวนเกอร์ เคยเชี่ยวชาญมากที่สุดก็พลาดจนได้ในฤดูกาลนี้ และน่าอ่อนอกอ่อนใจเหลือเกินกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ 



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด