เซนเตอร์แบ็กวัย 23 ปี ย้ายจาก ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์อันเป็นสถิติกองหลังแพงสุดตลอดกาลคนใหม่ของสโมสรทันที
ไวท์ เริ่มต้นอาชีพกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนย้ายร่วมทีม ไบรท์ตัน ตอนอายุ 16 ปีและได้ประเดิมสนามชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี
ช่วงเวลากับทีมดังทางใต้ของอังกฤษ ไวท์ ถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับ นิวพอร์ท, ปีเตอร์โบโร่ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 3 ฤดูกาลติดต่อกันก่อนกลับมาเล่นปักหลักกับนกนางนวลในฤดูกาลล่าสุด
เจ้าของเสื้อหมายเลข 4 คนใหม่กลายเป็นหมายของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือปืนใหญ่ที่กำลังมองหาตัวแทนของ ดาวิด ลุยซ์ และเป็นนักเตะที่มีคุณสมบัติเหมาะกับสไตล์การเล่นที่ อาร์เตต้า กำลังสร้างทีมขึ้นมาอีกรอบหลังล้มเหลวในฤดูกาลที่ผ่านมา
ความรู้สึกแรกหลังย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล เบน ไวท์ กล่าวว่า "มันใช้เวลาสักพัก แน่นอนว่าผมพอรู้มาสักระยะแล้วและก็ใช้เวลานานกว่าที่คิด แต่ผมก็ตื่นเต้นที่ได้มาอยู่ที่นี่"
อาร์เซน่อล เริ่มทาบทามแนวรับไบรท์ตันระหว่างที่เจ้าตัวอยู่ในทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมาหลังถูกเรียกเสริมแทน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็กขวา ลิเวอร์พูล ที่บาดเจ็บต้องถอนตัว
"ผมคิดว่าเป็นช่วงที่อยู่กับทีมชาติอังกฤษนะที่เริ่มดูจริงจังมากขึ้น ผมรู้สึกดีนะและการได้มาอยู่ที่นี่ก็เหลือเชื่ออย่างยิ่ง ก่อนทุกอย่าเรียบร้อย มันก็ยากนะที่จะไม่บอกใคร ผมบอกครอบครัวว่าให้เงียบๆ ไว้ก่อน"
อาร์เตต้า และ เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคต้องเจรจากับ ไบรท์ตัน ถึง 6 รอบกว่าจะประสบตกลงกันได้ และต้องจ่ายแพงถึงครึ่งร้อยล้านปอนด์
ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เตต้า ยึดการเล่นแบ็กโฟร์เป็นหลัก แต่เวลาเซตเกมจากแดนหลังจะให้ความสำคัญกับเซนเตอร์สองคน รวมถึง กรานิต ชาคา ที่ขยับลงไช่วยเปิดเกมจากแดนหลังอีกคนจนเหมือนเล่นระบบสามเซนเตอร์
การขยับลงมาของ ชาคา สามารถช่วยในการบิลด์เกมจากแนวรับและคอยอุดพื้นที่ว่างงในเวลาที่ คีแรน เทียร์นีย์ เติมสูง ขณะที่ กาเบรียล มากัลเญส ก็ตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่งกับการเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งซ้าย
ดังนั้นสิ่งที่่ อาร์เตต้า ต้องการคือการปรับปรุงฝั่งขวาให้ดีกว่าเดิมเพราะยังมีหลายจุดที่ไม่ลงตัว และท้ายที่สุด เบน ไวท์ กลายเป็นตัวเลือกสำหรับการปรับปรุงเกมรับในซัมเมอร์นี้
อาร์เตต้า ประเมินว่า วิลเลี่ยม ซาลีบา กองหลังดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสยังไม่พร้อมสำหรับการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก จึงตัดสินใจปล่อยยืมอีกรอบไปร่วมทีม โอลิมปิก มาร์กเซย ในลีก เอิง ฝรั่งเศส ขณะที่ ดีนอส มาฟโรปานอส ก็ย้ายไปเล่นให้ สตุ๊ตการ์ท ในบุนเดสลีกาเยอรมัน อีกฤดูกาล
นั่นเท่ากับว่า การมาของ เบน ไวท์ จะทำให้เซนเตอร์แบ็กของ อาร์เซน่อล มีเพียงพอและลงตัวมากขึ้น โดยเซนเตอร์ฝั่งซ้ายมี กาเบรียล มากัลเญส กับ ปาโบล มารี แย่งตำแหน่งกัน ขณะที่ฝั่งขวาก็มี ไวท์ เข้ามาเป็นตัวเลือกนอกเหนือกจาก ร็อบ โฮลดิ้ง โดยที่อะไหล่คือ คาลั่ม แชมเบอร์ส
ไวท์ เล่าถึงการตัดสินใจร่วมทีม อาร์เซน่อล ว่า "เอาตามตรงนะผมไม่คิดว่าต้องถูกโน้มน้าวใจอะไรให้มากนักหรอกเพราะคำว่า อาร์เซน่อล พูดในตัวมันเองอยู่แล้ว
"ผมบอกกับเจ้านาย (มิเกล อาร์เตต้า) ไปหลายครั้งระหว่างซัมเมอร์ ผมได้ความรู้สึกที่ดีและด้วยแนวทางที่เขาต้องการเล่น ผมก็คิดว่าผมสามารถมอบคุณภาพให้ทีมได้และหวังว่าจะนำ อาร์เซน่อล กลับมาอีกครั้ง"
"ผมเคยเล่นในฟุตบอลลีก เคยเล่นกับหลายทีมด้วยสัญญายืมตัว และยังคงกระหายเช่นเดิม ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้มาอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่นี้และหวังว่าจะช่วยทีมยกระดับขึ้นไปได้"
"ผมเคยเล่นในฟุตบอลลีก เคยเล่นกับหลายทีมด้วยสัญญายืมตัว และยังคงกระหายเช่นเดิม ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้มาอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่นี้และหวังว่าจะช่วยทีมยกระดับขึ้นไปได้"
เบน ไวท์ ตอบโจทย์ อาร์เซน่อล ในตำแหน่งเซนเตอร์ฝั่งขวาที่สามารถโยกไปเล่นแบ็กขวาได้ นอกจากนี้ก็ขยับขึ้นไปแก้ขัดในตำแหน่งกองกลางได้อีกด้วย
"เอาตรงๆ เลยผมเล่นในหลายตำแหน่งมาก ผมเคยเล่นกองหน้าด้วยตอนอยู่กับ นิวพอร์ท ในลีก ทู"
"เมื่อเจอความยุ่งยากในสนาม ผมสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ผมเล่นบอลได้เชื่องเท้ามากๆ และก็ยังแสดงให้เห็นถึงคุณภาพแม้ในสถานการณ์แย่ๆ ระหว่างเกม"
"ผมคิดว่าตำแหน่งหลักของผมก็แน่นอนว่าเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ผมพยายามพัฒนามาตลอดหลายปีหลัง ผมเคยเล่นตำแหน่งอื่นๆ เพื่อช่วยทีมและผมก็รู้สึกว่าผมสามารถทำได้ หากว่าผมต้องทำแบบนั้นอีกในฟดูกาลนี้ ผมก็พร้อมอย่างแน่นอน"
ขณะที่ อาร์เตต้า กล่าวถึงลูกทีมคนใหม่ว่า "เบน เป็นเป้าหมายหลักสำหรับเราและเป็นเรื่องเยี่ยมมากที่เราเซ็นสัญญากับเขาได้"
"เขาผ่านการฟูมฟักมาจากสองสโมสรที่ดีมากๆ ทั้ง ไบรท์ตัน และ ลีดส์ และเขาก็ได้เรียนรู้อย่างดีจากสองระบบโค้ชที่ดีมากๆ และแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งทั้งกับ ไบรท์ตัน และช่วงยืมตัวกับ ลีดส์"
"ไวท์ เป็นกองหลังที่ฉลาดและเล่นบอลกับเท้าได้ดีมากๆ สไตล์ของเขาเหมาะกับเราอย่างยิ่ง เขายังหนุ่มแน่น ดังนั้นด้วยอายุและโปรไฟล์นี้จึงเหมาะกับสิ่งที่เรากำลังสร้างขึ้นที่นี่ เรากำลังตั้งตาคอย เบน ได้เป็นศูนย์กลางสำหรับแผนงานระยะยาวในอนาคตของเรา"
การย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวมากถึง 50 ล้านปอนด์ทั้งที่เล่นพรีเมียร์ลีกเพียงฤดูกาลเดียวย่อมเป็นสิ่งที่จะถูกเปรียบเทียบกับผลงานในสนามไปจนกว่าเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเงินก้อนโตที่ อาร์เซน่อล ลงทุนไปให้ผลคุ้มค่า
อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า "ของจริง" หรือ "จ่ายแพงเกินจริง"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT
