:::     :::

ปัญหาสำคัญก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล เสร็จสิ้นการอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายในช่วงปรีซีซั่นไปแล้วก่อนเปิดสนามพรีเมียร์ลีกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ในวันศุกร์นี้

เกมสุดท้ายในการเตรียมทีมคือไปเยือนคู่ปรับตลอกาล ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก่อนพ่ายกลับออกมา 0-1 ในรายการ เดอะ ไมนด์ ซีรีส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สรุปผลงานในช่วงปรีซีซั่นเป็นดังนี้

แพ้ ฮิเบอร์เนียน 1-2

เสมอ เรนเจอร์ส 2-2

ชนะ มิลล์วอลล์ 4-1

ชนะ วัตฟอร์ด 4-1

แพ้ เชลซี 1-2

แพ้ สเปอร์ส 0-1

ภาพรวมของผลการแข่งขันค่อนข้างน่าผิดหวังเพราะชนะได้เพียง 2 นัด และแพ้ไปถึง 3 นัด แถม 2 นัดที่ชนะเป็นอุ่นเครื่องเฉพาะกิจที่จัดโปรแกรมฉุกละหุก ณ สนามซ้อมลอนดอน โคลนี่ย์ หลังจากโปรแกรมเดิมต้องไปแข่ง ฟลอริดา คัพ 2 นัดที่สหรัฐฯ มีเหตุต้องยกเลิกหลังมีสตาฟฟ์ในทีมติดโควิด-19

นั่นทำให้ อาร์เซน่อล ไม่ชนะเลยในโปรแกรมอีก 4 นัดที่แข่งตามแผนการเตรียมทีมช่วงปรีซีซั่น 

เกมรับเสียประตูตลอด 6 นัดในช่วงอุ่นเครื่องรวม 9 ประตู แต่นั่นไม่น่าหนักใจเท่า "เกมรุก" ที่ดูจะเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า อย่างมากทีเดียว

ตัด 2 นัดที่ถล่ม มิลล์วอลล์ กับ วัตฟอร์ด ออกไป อาร์เซน่อล ยิงได้เพียง 4 ประตูในการพบ ฮิเบอร์เนียน, เรนเจอร์ส, เชลซี และ สเปอร์ส ซึ่งถ้าวัดคู่แข่งในเกรดใกล้เคียงกันอย่างสองทีมร่วมกรุงลอนดอนก็เท่ากับว่ายิงได้ประตูเดียวจากลูกโหม่งของ กรานิต ชาคา (บางคนอาจจะนับจังหวะยิงชนคานเด้งข้ามเส้นในเกมกับ เชลซี ของ โจ วิลล็อค ไปด้วยก็ได้)

ปัญหาในเกมรุกคือหนึ่งในเหตุผลสำคัญแห่งความล้มเหลวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ผลงานในภาพรวมทั้งทีม หรือแยกย่อยเป็นรายบุคคลทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และถ้าเทียบกับทีมในกลุ่มท็อปเทนด้วยกันก็มีเพียง เอฟเวอร์ตัน (47 ประตู) ที่ยิงประตูได้น้อยกว่า อาร์เซน่อล (55 ประตู)


สิ่งที่เห็นได้ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมาคือ ประสิทธิภาพในเกมรุกยังคงน่าห่วงไม่ต่างจากฤดูกาลที่แล้ว 

นิโกล่าส์ เปเป้ และ เอมิล สมิธ โรว์ เจ้าของเสื้อหมายเลข 10 คนใหม่ประสานงานกันได้ดีในหลายช่วงของการอุ่นเครื่อง ทั้งคู่สลับกันขึ้นเกมรุกทางพื้นที่ฝั่งขวา 

แต่การประสานงานอื่นๆ ในเกมรุกแทบหวังผลไม่ได้โดยเฉพาะสองหัวหอกประสบการณ์สูงทั้ง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ 

โอบาเมย็อง ไม่สามารถทำประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียวในการอุ่นเครื่องทั้งที่ได้โอกาสลุ้นยิงประตูมากมาย ขณะที่ ลากาแซ็ตต์ ทำไป 2 ประตู แต่ก็เป็น 2 ประตูที่พบ มิลล์วอลล์ และ วัตฟอร์ด

ในสองนัดหลังสุดกับ เชลซี และ สเปอร์ส ที่การอุ่นเครื่องจริงจังเหมือนเตรียมทีมขั้นสุดท้ายของเปิดฤดูกาล อาร์เตต้า เลือกให้ โอบาเมย็อง ขึ้นเกมรุกฝั่งซ้าย ขณะที่ ลากาแซ็ตต์ ยึดตำแหน่งหน้าเป้า

โอบาเมย็อง พยายามสร้างโอกาสจากด้านข้างและบีบให้หลายจังหวะต้องเปิดด้วยซ้ายเข้ากลาง ทว่า ลากาแซ็ตต์ ก็ไม่ได้ไปจุดนัดพบ การสร้างปัญหาให้เกมรับคู่แข่งจนไปถึงการลุ้นยิงประตูจึงมีน้อย 

การโยกกองหน้าตัวเป้าไปเล่นริมเส้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ อาร์เซน่อล เพราะในช่วงปรีซีซั่นนี้ อาร์เตต้า ก็ทดลองใช้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ โฟลาริน บาโลกุน สองหอกดาวรุ่งด้วยเช่นกัน แต่ โอบาเมย็อง ถือว่าคุ้นเคยมากกว่าเพราะถูกโยกมาเล่นบ่อยครั้งในช่วงหลัง

แต่เกมกับ สเปอร์ส ล่าสุด อาร์เซน่อล เจอปัญหากับการพาบอลรุกเข้าพื้นที่สุดท้ายและไม่สามารถกดดันคู่แข่งได้มากพอซึ่งแทบจะเป็นภาพเดิมๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในฤดูกาลที่แล้ว 

บูคาโย่ ซาก้า ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษเพิ่งคัมแบ็กกลับมาร่วมทีมด้วยการลงเล่น 27 นัด แต่ด้วยการที่ผู้เล่นนักเตะเอาต์ฟิลด์ที่ถูก อาร์เตต้า ใช้งานมากสุดในฤดูกาลที่แล้ว (3,306 นาที) รวมถึงบทบาทที่หลากหลายในการเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้หากถูกเข็นลงตัวจริงในเกมเปิดสนามวันศุกร์นี้

นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว หรือเจาะจงเหตุการณ์ให้เห็นภาพชัดขึ้นคือนับตั้งแต่ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป ฟอร์มการเล่นของ โอบาเมย็อง ดร็อปลงไปอย่างมาก จากกองหน้าที่อันตรายอย่างมากทั้งในเวลาที่ครองบอลหรือคอยเข้าทำ กลายเป็นธรรมดาไปเลย 

ขณะที่ ลากาแซ็ตต์ แม้จะมีช่วงที่ทำได้ดี แต่มาตรฐานก็ไม่ใช่นักเตะที่ยิงได้อย่างน้อย 20-30 ประตูต่อฤดูกาลซึ่งเป็นเรื่องยากในการจะยิงประตูเพื่อพาทีมไปได้ไกลกว่านี้

ในช่วงแรกของฤดูกาลใหม่ การสนับสนุนจากแดนกลางมีปัญหาเพิ่มเติมเมื่อ โธมัส ปาร์เตย์ ที่เล่นได้ดีทีเดียวในช่วงอุ่นเครื่อง ดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บจากเกมกับ เชลซี และน่าจะพลาดลงสนามใน 3 นัดแรก 


บทบาทของ ปาร์เตย์ คือการผ่านบอลระหว่างไลน์และเป็นตัวคุมจังหวะเกมรุก เมื่อต้องบาดเจ็บไปแบบนี้ กรานิต ชาคา ที่กลับมาอยู่ในทีมอีกครั้งหลังการย้ายไป โรม่า ล้มเหลว จึงต้องแบกภาระในการคอนโทรลแดนกลาง

อาร์เตต้า ทดลองใช้ อัลแบร์ แซมบี้ โลคองก้า ในเกมกับ สเปอร์ส ซึ่งทำผลงานได้โอเคทีเดียว เอาตัวรอดได้ดี ไม่เล่นมากจังหวะ และนิ่งเกินวัย ฟอร์มโดยรวมดีกว่า โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ชัดเจนและมีโอกาสได้เป็นตัวจริงแทน ปาร์เตย์ ในช่วงเริ่มฤดูกาลใหม่แม้เพิ่งย้ายมาก็ตาม

ตรงกลางที่ไม่มี ปาร์เตย์ เป็นเรื่องน่าห่วง แต่ก็ไม่น่าห่วงเท่าเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายที่ผู้เล่นสำคัญอย่าง โอบาเมย็อง และ ลากาแซ็ตต์ ต้องเค้นฟอร์มและเล่นร่วมกันให้ได้มากกว่านี้ ประสิทธิภาพต้องเฉียบขาด 

เกมรุกที่ขาดสมดุลและไม่ต่อเนื่องทำให้ อาร์เซน่อล พลาดเป้าหมายคว้าตั๋วไปเล่นในถ้วยยุโรป และตอนนี้ก็เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์ก่อนตลาดปิด มิเกล อาร์เตต้า และ เอดู ต้องเร่งมืออย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาเดิมๆ จะไม่กลับมา

ความยากในการขายนักเตะที่พึ่งพาแบบจริงจังไม่ได้คือปัญหาที่กดทับให้การดึงนักเตะใหม่เป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้น และนั่นบีบให้ต้องฝากความหวังเกมรุกเอาไว้กับผู้เล่นเซตเดิมที่หลายคนไม่ได้อยู่ในฟอร์มเดิมที่ทำได้ดี 

การเริ่มฤดูกาลด้วยการมีตัวเลือกจำกัด และไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการเป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างยิ่ง 



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})