New season, same old Arsenal!
เป็น อาร์เซน่อล แบบเดียวกับฤดูกาลก่อนที่ทำผลงานน่าผิดหวังจบเพียงอันดับ 8 ของตารางและไม่มีความสำเร็จในบอลถ้วยรายการใดๆ ส่งผลให้พลาดตั๋วไปเล่นในถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
เริ่มนับหนึ่งฤดูกาลใหม่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ออกไปพ่ายต่อทีมน้องใหม่ เบรนท์ฟอร์ด 0-2 ในเกมเปิดหัวพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
เป็นความพ่ายแพ้ที่สมควรแพ้ ไม่มีอะไรให้โต้แย้งหรือแก้ตัว และควรต้องยินดีกับผู้ชนะ เบรนท์ฟอร์ด ที่เก็บ 3 คะแนนประวัติศาสตร์ในนัดแรกบนลีกสูงสุดรอบมากกว่าเจ็ดสิบปี
อาร์เตต้า เจอปัญหาเล็กน้อยก่อนเกมเมื่อ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ สองแนวรุกประสบการณ์สูงต่างนัดป่วยพร้อมกันจนหลุดจากทีม
กุนซือปืนโตเลือก โฟลาริน บาโลกุน หัวหอกดาวรุ่งที่ไม่เคยลงเล่นพรีเมียร์ลีกมาก่อน ลงตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า ขณะที่ตัวรุกใช้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอมิล สมิธ โรว์ และ นิโกล่าส์ เปเป้ ช่วยกันทำเกม
ตำแหน่งอื่นไม่พลิกโผไปจากที่คาดมากนัก มีเพียงแบ็กขวาที่ คาลั่ม แชมเบอร์ส เบียดตัวจริงก่อน เอคตอร์ เบเยริน ขณะที่ตรงกลาง อัลเบิร์ต แซมบี้ โลคองก้า ลงประเดิมพรีเมียร์ลีกจับคู่กับ กรานิต ชาคา
เทียบชื่อชั้นบนหน้ากระดาษ อาร์เซน่อล ดูเหนือกว่า เบรนท์ฟอร์ด แม้ต้องส่งดาวรุ่งหลายคนลงสนาม ทว่ารูปเกมที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามชื่อเสียงหรืออาจรวมถึงค่าเหนื่อยที่ต่างกันลิบลับ
เบรนท์ฟอร์ด บุกน้อยกว่า แต่โอกาสลุ้นประตูชัดเจน มีแบบแผน การเล่นร่วมกันของผู้เล่นแนวรุกมีความเข้าใจและประสานงานกันดีมาก ทุกครั้งที่ได้เล่นเกมรุกจึงหวังผลได้ตลอด
ฤดูกาลที่แล้ว เบรนท์ฟอร์ด จบอันดับ 3 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ แต่เกมรุกยิงประตูได้มากสุด ขณะที่ ไอแวน โทนีย์ หัวหอกตัวเก่งก็เป็นดาวซัลโวของลีกที่ 33 ประตู
เกมนี้ ไอแวน โทนีย์ หาโอกาสพลิกยิงได้น้อยก็จริง แต่สำคัญต่อเกมรุกของเจ้าถิ่นอย่างมากเพราะเป็นตัวพักบอลและดึงกองหลัง อาร์เซน่อล ออกจากพื้นที่ บอลจากเท้าของหัวหอกวัย 25 ปีสร้างความได้เปรียบให้ทีมได้ตลอด
โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของ เบรนท์ฟอร์ด ที่ซัด ไบรอัน เอ็มบิวโม่ ชนเสาก็มาจากการตวัดให้อย่างสุดยอดของ โทนีย์
เบรนท์ฟอร์ด ของ โธมัส แฟร้งค์ กุนซือชาวเดนมาร์กมีทั้งบอลสั้นจังหวะเดียวและบอลยาว จุดเด่นของพวกเขาคือทุกคนต่างวิ่งกันอย่างเป็นระบบทำให้ในเวลารุกหรือรับจะไม่มีตำแหน่งใดหลุด บอลจังหวะสองจึงสามารถเก็บได้บ่อยกว่า อาร์เซน่อล
ประตูแรกของ เบรนท์ฟอร์ด ก็มาจากการเก็บบอลแถวสองที่ อาร์เซน่อล เคลียร์ทิ้งมาจากสุดเส้นหลังก่อนเป็น เซร์กี้ กานอส เลี้ยงจี้เข้าหา คาลั่ม แชมเบอร์ส แล้วยิงอัดเสาแรกเข้าไปเฉียบขาด
อาร์เตต้า กล่าวถึง 45 นาทีแรกว่า "ในครึ่งแรก เรามีช่วงเวลาที่ไม่เป็นตัวเราเอง เราเจอเรื่องยุ่งยากทั้งบอลยาวและบอลจังหวะสอง"
การเสียประตูไปก่อนทำให้ อาร์เซน่อล เจองานยากขึ้นไปอีกเพราะโมเมนตัมอยู่ฝั่ง เบรนท์ฟอร์ด ที่เล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นต่อเนื่อง บอลเท้าสู่เท้าแม่นยำกว่าและเอาตัวรอดได้ดี
ในครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ด ขยับมาเล่นเพรสซิ่งสูงบีบการออกบอลของ อาร์เซน่อล ตั้งแต่หน้าเขตโทษ ทำให้หลายจังหวะทีมปืนใหญ่ต้องสาดยาวขึ้นมาซึ่งส่วนใหญ่เสียบอล
เกมของ อาร์เซน่อล ไม่ดีขึ้น อาร์เตต้า จึงต้องส่ง บูคาโย่ ซาก้า ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษลงมาในช่วง 30 นาทีสุดท้ายและเกมฝั่งซ้ายของ อาร์เซน่อล ก็ดูยืดหยื่นมากขึ้นเพราะ ซาก้า เล่นร่วมกับ คีแรน เทียร์นีย์ ได้เข้าใจกว่าคนอื่น
เสียประตูง่ายดายจากลูกทุ่มไกล
เทียร์นีย์ หาจังหวะเปิดบอลได้หลายครั้งในครึ่งหลัง แต่ไม่มีตัวคอยเข้าทำที่แม่นยำ จึงเสียโอกาสไปน่าเสียดาย มีเพียงจังหวะเดียวที่วิ่งเติมขึ้นมาเปิดหักข้อไปให้ นิโกล่าส์ เปเป้ ตวัดด้วยซ้ายเน้นๆ ทว่า ดาบิด รายา นายทวาร เบรนท์ฟอร์ด ก็ปัดออกหลังไปได้
งานของ อาร์เซน่อล ก็ยากขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเสียประตูที่สองง่ายๆ จากลูกทุ่มไกลที่จบด้วยการวิ่งมากระโดดโหม่งของ คริสเตียน นอร์การ์ด แข้งทีมชาติเดนมาร์กชุดเข้ารอบตัดเชือกยูโร 2020
จังหวะนี้อาจถูกมองว่า "ฟาวล์" ก่อนได้หากผู้ตัดสินเห็น เลโน่ โดนขวางและหนีบแขน แต่เมื่อไม่มีสัญญาณใดๆ เบรนท์ฟอร์ด ก็ได้ประตูในแบบที่วางแผนและซ้อมกันมาแล้ว มีคนทุ่มไกล มีคนบล็อกผู้รักษาประตูที่เสาแรก และมีคนตามมาโขกที่เสาไกล วิธีการง่ายๆ แต่ใช้ได้ผล
เจอเข้าไป 2-0 อาร์เซน่อล ก็แทบหาทางกลับฝั่งไม่เจอ ลูกทีมของ อาร์เซน่อล มีโอกาสลุ้นยิงได้ถึง 22 ครั้งก็จริง แต่ยังเด็ดขาดมากพอที่จะเป็นประตู
"ครึ่งหลังตอนที่ตกเป็นรอง 0-1 และพวกเขามีแฟนบอลหนุนหลัง เราสร้างสรรค์โอกาสหลายครั้งแต่ก็ไม่เพียงพอหรือตรงกรอบเพื่อเอาชนะได้"
"พวกเขาได้ประตูจากลูกทุ่มไกล และเราก็มีคนในกรอบเขตโทษไม่พอ เมื่อคุณเสียประตูจากลูกทุ่มไกลมันก็เป็นการบ้านข้อใหญ่ทันที" อาร์เตต้า กล่าว
ด้าน เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล ออกมาสับจังหวะเสียประตูสุดหมูลูกนี้ของ อาร์เซน่อล ว่า "คุณจะให้คำนิยามเกมรับ อาร์เซน่อล อย่างไรดี? ก็ อาร์เซนอล อ่ะ อ่อนแอ ถูกตบหัวเล่นเหมือนผู้ใหญ่เจอกับเด็ก"
"ผู้รักษาประตูทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น มารี หรือ เบน ไวท์ หรือ แชมเบอร์ส พวกนี้หายหน้าไปหมดแล้วสกอร์ก็เป็น 2-0" ก่อนสรุปสิ่งที่เห็นจาก อาร์เซน่อล ในนัดแรกว่า "ฤดูกาลใหม่ เรื่องราวเดิม"
ฤดูกาลใหม่เปิดฉาก แต่ อาร์เซน่อล ยังอยู่ในสภาพเดิมๆ คือไร้ไอเดียในเกมรุก เกมรับผิดพลาดง่าย ขาดมุ่งมั่นกระตือรือร้นโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการประตูคืนให้ได้
ภารกิจเสริมทัพเพื่อยกระดับทีมให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดฤดูกาลก็ไม่เรียบร้อย ได้ผู้เล่นใหม่มาแล้ว 3 คนก็จริงแต่ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ต้องเสริมไม่ว่าจะเป็น แบ็กขวา, มิดฟิลด์ตัวรุก, ผู้รักษาประตู หรือกระทั่งกองหน้า
ในช่วงท้ายเกมที่คิดอะไรไม่ออก อาร์เตต้า เลือกที่จะส่งแบ็กซ้ายอย่าง นูโน่ ตาวาเรส ลงเล่นแบ็กขวาแทน แชมเบอร์ส ขณะที่แบ็กขวาธรรมชาติอีก 2 คนอย่าง เอคตอร์ เบเยริน หรือ เซดริก โซอาเรส นั่งมองตาละห้อยจากข้างสนาม
มีนักเตะที่เล่นแบ็กขวาได้ 3 คน แต่ในสถานการณ์จำเป็นไม่มีใครดีพอที่จะได้อยู่ในสนามแม้แต่คนเดียว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT