:::     :::

ไม่มีข้อสงสัย...ทำไมปืนพ่ายสิงห์คาบ้าน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยความปราชัย 2 นัดติดและยิงประตูไม่ได้เลยหลังถูก เชลซี บุกมาตบร่วงคาบ้านในเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ นัดล่าสุด

ทุกคนคงได้คำตอบกับตาตัวเองไปแล้วว่าทำไม "ปืนใหญ่" ถึงแพ้อีกนัดและเป็นการแพ้คาบ้านอีกต่างหาก วันนี้เราจะมาชำแหละกันอย่างละเอียดอีกครั้ง


- โรเมลู ลูกากู เติมเต็มสิ่งที่ เชลซี ขาดหาย

แม้เป็นถึงแชมป์ยุโรปในฤดูกาลที่แล้ว แต่ โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีม เชลซี รู้ดีว่าตำแหน่งหน้าเป้าของทีมที่มีอยู่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการมากนัก นั่นทำให้ซัมเมอร์ที่ผ่านมาต้องยอมทุ่มทุนสร้างดึง โรเมลู ลูกากู เด็กเก่ากลับมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัวมหาศาล 97.5 ล้านปอนด์

ลูกากู ประเดิมสนามในเกมเยือน อาร์เซน่อล และเพียง 15 นาทีก็ทำประตูแรกได้อย่างรวดเร็วหลังเข้าชาร์จลูกเปิดจากฝั่งขวาของ รีซ เจมส์ เข้าไปง่ายๆ

จากนั้น ลูกากู ก็กลายเป็นเป้าใหญ่เป้าสำคัญในการขึ้นบอลของ เชลซี ที่เพื่อนร่วมทีมแทบจะฝากเอาไว้ที่เขาทุกครั้งซึ่งหัวหอกทีมชาติเบลเยียมก็เก็บบอลได้ตลอดและเล่นมีประโยชน์ต่อทีมสุดๆ


โรเมลู ลูกากู คือความแตกต่างที่ชัดเจนสุด

ความใหญ่ ความแกร่ง ความถึกของ ลูกากู ทำเอาคู่เซนเตอร์ปืนใหญ่ทั้ง ปาโบล มารี และ ร็อบ โฮลดิ้ง แทบอ้วกตลอดเกมเพราะรับมือได้ยากมาก 

ดาวซัลโวตัวเก่งที่พา อินเตอร์ มิลาน ได้แชมป์เซเรีย อา ฤดูกาลก่อน สามารถพักบอล ทำชิ่ง ดึงตัวประกบ พลิกยิงเอง หรือจะคอยเข้าสังหารจังหวะสุดท้ายได้หมด เรียกได้ว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างครบเครื่องต้มยำตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามเลยทีเดียว

ตำแหน่งหน้าเป้าของ เชลซี ที่มี ลูกากู คือแตกต่างมากๆ เมื่อเทียบกับ อาร์เซน่อล และมีส่วนต่อชัยชนะของสิงห์บลูส์อย่างยิ่ง


- เกมรุกสิงห์จัดจ้าน-เกมรับปืนสับสน 

เชลซี น่าจะเก็บชัยชนะได้มากกว่าสกอร์ 2-0 ด้วยซ้ำเพราะเกมนี้มีโอกาสลุ้นทำประตูถึง 22 ครั้ง ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้ลุ้นเพียง 6 ครั้ง

การมี โรเมลู ลูกากู ที่สามารถเก็บบอลข้างหน้าได้ทำให้การเล่นเกมรุกของ เชลซี ได้จบเกือบทุกครั้งที่บอลถึงพื้นที่อันตรายของ อาร์เซน่อล 

ลูกากู ใช้ความใหญ่เบียดเข้าไปหาจังหวะยิงเอง หรือจ่ายออกซ้าย-ขวาให้เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่า และหลายจังหวะก็ถอยหลังต่ำคอยดึงกองหลัง อาร์เซน่อล ให้หลุดจากพื้นที่เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นคอยสอดขึ้นไป

เกมรุกของ เชลซี จึงได้ลุ้นทำประตูเพราะพื้นฐานตลอดหลายเดือนที่ โธมัส ทูเคิ่ล วางรากฐานเอาไว้ค่อนข้างแน่นอนทีเดียว นักเตะแต่ละคนจะรู้หน้าที่เป็นอย่างดีว่าต้องขยับตัวหาพื่นที่อย่างไรทั้งตอนที่ครองบอลและไม่ได้ครองบอล


คีแรน เทียร์นีย์ หลุดตำแหน่งจนโดนเล่นงาน

ในขณะเดียวกัน เกมรับ อาร์เซน่อล ก็เล่นกันอย่างสะเปะสะปะและหลุดตำแหน่งตลอดทั้งเกม ขนาดคนที่มีมาตรฐานการเล่นที่ดีและที่ผ่านมาได้รับบ่อยครั้งอย่าง คีแรน เทียร์นีย์ ก็หลุดแบบน่าเกลียด

เทียร์นีย์ พะวงกับพื้นที่ข้างในที่ ปาโบล มารี กำลังเจอปัญหาในการรับมือ ลูกากู ทำให้ต้องคอยขยับเข้ามาช่วยจนพื้นที่เกมรับฝั่งซ้ายของตัวเองโล่งโจ้ง เปิดโอกาสให้ รีซ เจมส์ ได้เติมเกมรุกได้สบายใจไร้กังวล

แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษจึงได้โชว์เต็มๆ ก่อนทำได้ทั้งประตูและแอสซิสต์ตั้งแต่ครึ่งแรก รวมไปถึงการเปิดบอลเข้ากลางอีกหลายต่อหลายครั้ง

  

- ประสบการณ์ในแนวรุกคือสิ่งจำเป็น 

มิเกล อาร์เตต้า ปรับแนวรุกจากนัดแรกด้วยการส่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ลงตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า ส่วนเกมรุกฝั่งซ้ายเป็น บูคาโย่ ซาก้า ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ขณะที่อีก 2 ตำแหน่งเหมือนเดิมคือ เอมิล สมิธ โรว์ และ นิโกล่าส์ เปเป้

ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่พลาดช่วยทีมนัดแรกก็มาจากการติดโควิด-19 ตามที่มีข่าวหลุดออกมาจริงๆ และมีเพียง โอบาเมย็อง ที่ผลล่าสุดเป็นลบและกลับมามีชื่อเป็นสำรอง 

ส่วนตัวใหม่อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ อาร์เซน่อล ซื้อขาดมาจาก เรอัล มาดริด ยังไม่สามารถลงเล่นได้เนื่องจากเอกสารเกี่ยวกับวีซ่าไม่เรียบร้อย 

ใน 4 แนวรุกตัวจริงของปืนใหญ่มีเพียง เปเป้ ที่อายุ 26 ปี ที่เหลือเป็นดาวรุ่งทั้งหมด ไม่มีใครอายุเกิน 21 ปีเลย 


กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ไม่สามารถกดดันแนวรับคู่แข่งได้

ความเจนจัดและเก๋าเกมคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับเกมแบบนี้เพราะคุณภาพของ เชลซี ในยุค ทูเคิ่ล นั้นแกร่งเอามากๆ ต่อให้ดาวรุ่งปืนใหญ่มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเจาะเข้าไปทำได้ง่ายๆ เหมือนปีก่อนที่ ซาก้า, สมิธ โรว์ และ มาร์ติเนลลี่ แจ้งเกิดร่วมกันเต็มตัวในนัดชนะ เชลซี 3-1 ช่วงบ็อกซิ่งเดย์

มาร์ติเนลลี่ เทียบไม่ได้เลยกับ เชลซี ที่มี ลูกากู เพราะไม่สามารถเอาชนะแนวรับทีมเยือนได้ แม้จังหวะแรกที่ถึงบอลก่อน แต่จังหวะสองก็เล่นต่อไม่ได้ทั้งเพราะจับบอลไม่ดีหรือไม่ก็ถูกตัดหน้าแย่งบอลได้ทันที

แนวรุกคนอื่นก็ไม่สามารถเล่นได้ตามศักยภาพที่มีเพราะ เชลซี วางแผนมาดีกว่า อ่านเกมอยู่ตลอดและเดาได้เลยว่า อาร์เซน่อล จะเล่นแบบไหน จะจ่ายบอลมาทิศทางใด ดังนั้นจึงตัดบอลได้แทบทุกครั้ง ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็เสียบอลในแดนหน้าตลอด ไม่สามารถเก็บบอลได้แบบ ลูกากู

 

- อาร์เซน่อล ขาดผู้เล่นตัวหลักหลายคน 

เกมนี้ต้องยอมรับอีกอย่างว่า อาร์เซน่อล มีปัญหาในการจัดทัพมากกว่าทางฝั่ง เชลซี ที่มาเยือนด้วยสภาพทีมพร้อมกว่า

มิเกล อาร์เตต้า ไม่สามารถใช้งาน โธมัส ปาร์เตย์, อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์, เอคตอร์ เบเยริน และ กาเบรียล มากัลเญส ที่บาดเจ็บ รวมถึงติดโควิด-19 ได้ เช่นเดียวกับตัวใหม่อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ที่เอกสารด้านวีซ่ายังไม่เรียบร้อย

ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่ติดโควิดเช่นกัน เพิ่งมีผลตรวจเป็นลบและกลับมาซ้อมได้เมื่อวันเสาร์ สภาพความฟิตจึงทำได้เพียงเป็นแค่สำรองและได้ลงไปท้ายเกม


โธมัส ปาร์เตย์ หนึ่งในตัวหลักที่ลงช่วย อาร์เซน่อล ไม่ได้

แถมก่อนเกม เบน ไวท์ กองหลังตัวใหม่ค่าตัว 50 ล้านปอนด์ก็พลาดช่วยทีมอีกรายเพราะป่วย (น่าจะมาจากโควิด-19 เช่นกัน) 

จากรายชื่อที่หายไปนี้ก็เท่ากับว่า อาร์เตต้า ขาดตัวหลักที่ปกติต้องลงตัวจริงไป 6-7 คนเลยทีเดียว ทำให้ต้องส่งดาวรุ่งหลายคนลงสนามซึ่งแน่นอนว่ายังไม่สามารถแบกทีมได้โดยเฉพาะเกมหนักกับ เชลซี แบบนี้ 

- มิเกล อาร์เตต้า คือจุดอ่อน

ท้ายสุดและสุดท้ายคือ ผู้จัดการทีม หรือ เฮดโค้ช คือเหตุผลสำคัญสุดในการที่ทีมเดินหน้าหรือถอยหลัง

หลังได้แชมป์เอฟเอ คัพ ตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลแรกที่เข้ามาทำทีม ผลงานของ อาร์เซน่อล กลับไม่ดีขึ้นต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็นและฤดูกาลที่แล้วก็เป็นฤดูกาลแรกในรอบ 25 ปีที่พลาดตั๋วยุโรปหลังจบเพียงอันดับ 8 ของตาราง

เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ที่มาพร้อมความหวังใหม่ แต่ อาร์เซน่อล ก็ยังเป็น อาร์เซน่อล เหมือนเดิม พวกเขาแพ้ตั้งแต่ 2 นัดแรกและยิงไม่ได้เลยซึ่งในประวัติศาสตร์สโมสรมากกว่าร้อยปีไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เกมพ่าย เชลซี คือเรื่องที่พอคาดเดาได้เพราะทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล แกร่งกว่า เล่นได้สมราคาแชมป์ยุโรปที่ยกระดับขึ้นไปอีกด้วยกองหน้าตัวเป้าอย่าง โรเมลู ลูกากู


มิเกล อาร์เตต้า พาทีมเริ่มต้นฤดูกาลได้น่าผิดหวัง

แต่เกมเปิดสนามที่พ่ายต่อ เบรนท์ฟอร์ด 0-2 คือสิ่งที่แฟนบอลรับไม่ได้เพราะกางรายชื่อผู้เล่นใส่กันแล้ว ยังไงก็เป็น อาร์เซน่อล ที่ดีกว่า ทว่า อาร์เตต้า ทำให้ทีมกลายเป็นเหมือนน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาและโดนทีมระดับพรีเมียร์ลีกอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ตบนิ่ม

ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วจนถึงต้นฤดูกาลนี้ อาร์เตต้า ไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าทำทีมก้าวไปข้างหน้าทั้งที่สโมสรหนุนงบประมาณในการเสริมทัพอย่างมาก 

เช่นเดียวกับซัมเมอร์ล่าสุดที่จ่ายมากกว่าทุกทีมในยุโรปด้วยตัวเลขกลม 130 ล้านปอนด์ ทว่าไม่มีอะไรที่ส่งสัญญาณออกมาเลยว่าดีขึ้น หากแต่กลับแย่ลง

ทั้งหมดทั้งมวลบ่งบอกได้ชัดเจนว่า มิเกล อาร์เตต้า มือไม่ถึงและยังไม่คนที่จะนำพา อาร์เซน่อล กลับสู่เส้นทางได้ในตอนนี้และเขาเองต่างหากที่เป็นจุดอ่อนของทีม


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด