ฤดูกาลอันน่าเศร้า
ความพ่ายแพ้ล่าสุดที่รังดีน คอร์ท ของ บอร์นมัธ ทำให้ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่ใกล้ทีมบ๊วยสวอนซี "มากกว่า" จ่าฝูงแมนฯ ซิตี้ เช่นเดิม
ปืนใหญ่อยู่อันดับ 6 ของตารางก็จริง แต่มีคะแนนมากกว่า หงส์ขาว 22 คะแนน ขณะที่แมนฯ ซิตี้ ซึ่งแม้เพิ่งเสียสถิติแพ้นัดแรกของฤดูกาลแต่ก็ยังนำห่างอาร์เซน่อลถึง 23 คะแนน
นับตั้งแต่ขึ้นเดือนธันวาคมต่อเนื่องเดือนแรกของศักราชใหม่ เวนเกอร์ พาทีมชนะในลีกเพียง 2 จาก 9 นัด เก็บไปได้ 11 คะแนนจาก 27 คะแนนเต็ม หรือไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ
ช่วงเวลานี้ต้องไม่ลืมอีกผลงานงามไส้คือโดนเขี่ยตกรอบเอฟเอ คัพ อย่างน่าอับอาย
นาทีนี้โอกาสลุ้นท็อปโฟร์เพื่อกลับไปร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยากถึงยากมากเพราะตามอันดับ 4 อย่างเชลซีถึง 8 คะแนน
ในทางทฤษฎียังมีโอกาสอีกมาก แต่ปัญหาคือต่อให้ทีมอื่นมีโอกาสสะดุดหยุดรอ แต่อาร์เซน่อลเองต่างหากที่จะหลุดโค้งยิ่งกว่า
ตลอด 2 เดือนหลังสุด ฟอร์มของอาร์เซน่อลน่าผิดหวังเกินรับได้ เล่นเหมือนขาดแรงจูงใจ และไม่มีเป้าหมาย
เกมรุกไม่สามารถกดดันคู่แข่งได้อย่างที่ควรจะเป็น ขนาดเล่นกับทีมครึ่งล่างของตารางยังออกมาสูสี ไม่ได้เหนือกว่าแม้แต่นิดเดียว
ปัญหาเกมรับไม่เคยได้รับการแก้ไข จริงอยู่ว่ามีตัวหลักอย่าง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กับ นาโช่ มอนเรอัล บาดเจ็บในช่วงเวลาที่โปรแกรมลงสนามค่อนข้างถี่ บีบให้ต้องส่ง ร็อบ โฮลดิ้ง และ คาลั่ม แชมเบอร์ส ลงขัดตาทัพ
แต่วิธีการเล่น การตั้งรับต่างหากที่น่าห่วง แต่ละคนเหมือนไม่เข้าใจหน้าที่ของตัวเองเลยว่าเมื่อถึงเวลาต้องรับมือกับเกมรุกคู่แข่งจะทำอย่างไร
การยืนตำแหน่งมั่วซั่วไปหมด ไม่มีผู้นำที่คอยสั่งการและเป็นหัวใจสำคัญ เหมือนต่างคนต่างยืนเพื่อให้ครบ 11 คนในสนาม
นั่นทำให้แต่ละครั้งที่คู่แข่งขึงเกมเข้าใส่ หรือเล่นจังหวะสวนกลับ อาร์เซน่อลจึง "รวน" ตลอดเพราะไม่รู้จะเซตแนวรับกันอย่างไร ได้แต่วิ่งพัวพันคนที่มีบอล และไม่ได้สนใจคนอื่นที่วิ่งหาพื้นที่ว่างเข้าไปในเขตโทษ
ประตูที่บอร์นมัธตีเสมอก็ลักษณะนี้ แต่ละคนมารุมผู้เล่น ไรอัน เฟรเซอร์ ทางฝั่งขวาจนแทบไม่มีใครสนใจ คัลลั่ม วิลสัน ที่โฉบเข้าเขตโทษก่อนจิ้มบอลตัดหน้า ปีเตอร์ เช็ก เข้าไป
ลักษณะเดียวกันกับวันที่เจอแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มัวมะรุมมะตุ้ม ปอล ป็อกบา จนปล่อยให้ เจสซี่ ลินการ์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ได้ฉายยิ่งกว่า ลิโอเนล เมสซี่ หรือวันที่เจอลิเวอร์พูลก็อ้วกแตกตลอดกับจังหวะโต้กลับ
ผลงานอันน่าผิดหวังของอาร์เซน่อลยังคงดำเนินต่อไป
เกมรับสะเปะสะปะไร้หลักยึดเหนี่ยว ขณะที่เกมรุกก็น่าปวดหัวไม่แพ้กัน
ปัญหาคาราคาซังเรื่องอนาคตของทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ กับ เมซุต โอซิล ส่งผลกระทบต่อทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เวนเกอร์ ยอมรับก่อนเกมเลยว่าเลือกที่จะตัดชื่อ อเล็กซิส ออกจากทีมเพราะไม่มีสมาธิพร้อมลงสนาม
ดาวเตะทีมชาติชิลีกำลังอยู่ในช่วงทางแยกของชีวิตหลังใจลอยไปอยู่ที่แมนเชสเตอร์เป็นที่เรียบร้อย รอแค่ตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะเลือกสีแดงของยูไนเต็ด หรือสีฟ้าของซิตี้
ขณะที่ โอซิล ก็มาเดี้ยงเพิ่มอีกรายหรือต่อให้สภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมลงเล่น แต่สภาพจิตใจก็คงไม่ได้ต่างจาก อเล็กซิส เท่าใดนัก
ไม่มีทั้ง อเล็กซิส กับ โอซิล ภาระปั้นเกมเลยเป็นหน้าที่ของ แดนนี่ เวลเบ็ค กับ อเล็กซ์ อีโวบี้
จากนักเตะระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกและยุโรป เวนเกอร์ ต้องมาพึ่งพานักเตะที่ว่ากันตามตรงคือ ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้เลยโดยเฉพาะอดีตเด็กผีที่ผ่านเกมมาไม่รู้กี่นัดต่อกี่นัด
ทั้ง เวลเบ็ค และ อีโวบี้ ขาดคุณภาพโดยสิ้นเชิงที่จะสร้างสรรค์เกมให้กับทีมหัวแถวของพรีเมียร์ลีก
จุดเด่นอย่างความขยันก็หดหายไปเยอะ ไม่นับความเข้าใจในเกมก็เทียบกับ 2 ดาวดังไม่ได้ จังหวะไหนควรวิ่ง จังหวะไหนควรจ่าย ดูสับสนไปหมด
เราคงไปโทษ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ที่ยิงไม่ได้เลยนับตั้งแต่วันพ่ายผีแดงคาบ้านเมื่อต้นเดือนธันวาคม คนเดียวไม่ได้
ลองเป็นคนอื่นที่เคยได้บอลจาก อเล็กซิส กับ โอซิล แต่ลดเกรดฮวบฮาบมาเป็น เวลเบ็ค กับ อีโวบี้ ก็คงไม่ต่างกัน
ไม่ต้องพูดถึง ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ไม่มีพัฒนาการใดๆ เลยตลอด 12 ปีที่อยู่กับทีม เล่นกับเด็กในคาราบาว คัพ ก็ไม่ได้ต่างจากเด็ก พอเล่นชุดใหญ่จริงจังยิ่งไม่สร้างคุณประโยชน์อันใด
เจมี่ เร้ดแน็ปป์ อดีตกองกลางทีมชาตอังกฤษ สรุปสั้นๆ ได้ใจความเลยว่านี่คือ อาร์เซน่อลที่แย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ฟอร์มของ แจ็ค วิลเชียร์ เป็นข้อดีอย่างเดียวที่เกิดขึ้นในนัดล่าสุด
เมื่อไม่มีทั้ง อเล็กซิส กับ โอซิล อาร์เซน่อลก็เป็นทีมดาดๆ ที่ไม่จุดแข็งอะไรในการโจมตีคู่แข่ง ขนาดเจอบอร์นมัธในฤดูกาลที่ไม่ได้แกร่งเหมือนฤดูกาลก่อนยังไม่สามารถขึงเกมเข้าใส่ได้ และสุดท้ายโดนยิงหน้าหงายกลับออกมา
อเล็กซิส มีโอกาสย้ายสูงมากในเร็วๆ นี้ ขณะที่ โอซิล อาจถูกยื้อให้อยู่ต่อ แต่เมื่อถึงจบฤดูกาลก็คงสวมคอนเวิร์สไปแน่นอน
แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ จะยุติบทบาทในซัมเมอร์นี้ ขณะที่ ปีเตอร์ เช็ก, กอสซิแอลนี่ และ มอนเรอัล ต่าง 30 อัพกันทั้งหมด
วัลค็อตต์ ยังห่วยแตกไม่เลิก ขณะที่ อารอน แรมซี่ย์ กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็เหลือสัญญาเพียงปีเดียว
แจ็ค วิลเชียร์ ดูจะเป็นภาพบวกเดียวที่มองเห็นจากเกมกับบอร์นมัธเมื่อวันอาทิตย์ แต่อดีตที่ผ่านมาย้ำเตือนอยู่ตลอดว่า จะยืนหยัดด้วยสภาพร่างกายสมบูรณ์แบบนี้ได้นานแค่ไหน และสัญญาของเจ้าตัวก็จะหมดพร้อมในซัมเมอร์นี้เช่นกัน
ปัญหาทั้งในและนอกสนามจึงถาโถมเข้าใส่ เวนเกอร์ จนมองไม่ออกว่าจะพาทีมฝ่าวิกฤตไปได้อย่างไร
กุนซือชาวฝรั่งเศสหมดแล้วกับไอเดียที่จะทำทีมสู้ในยุคนี้ เขาประมาทการแข่งขันและประเมินคู่แข่งไว้ต่ำเกินไป
ขณะเดียวกันก็ประเมินคุณภาพของทีมตัวเองไว้สูงกว่าความเป็นจริงทั้งที่ทีมชุดนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเลย จิ้มไปตำแหน่งใดก็มีจุดอ่อนเต็มไปหมด
ปีเตอร์ เช็ก เริ่มหมดสภาพตามอายุช่วงท้ายเต็มที กองหลังไม่มีใครเป็นผู้นำ กรานิต ชาคา รับไม่เป็นแต่ถูกส่งลงให้อยู่ในตำแหน่งหน้าแผงหลังที่ควรต้องช่วยสกรีนบอลก่อนถึงแนวรับ
การตั้งรับอันอ่อนด้อยของอาร์เซน่อล
อเล็กซิส กับ โอซิล กำลังย้ายออกไป และเวนเกอร์ก็ยัด เวลเบ็ค และ อีโวบี้ ลงให้ขวางหูขวางตาแฟนบอลต่อไป
ลองเป็นกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุม เชื่อได้เลยว่าคงโละออกจากทีมไม่ต่ำกว่าครึ่งซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะไม่เข้าสไตล์ แต่เป็นเพราะคุณภาพโดยรวมไม่ได้จริงๆ
การตัดสินใจมอบสัญญาอีก 2 ปีให้ เวนเกอร์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมากของบอร์ดบริหาร
ทั้งแรงกายและพลังใจตอนนี้ กุนซือจากแดนน้ำหอมไม่สามารถผลักดันทีมไปข้างหน้าได้อีกแล้ว
อาร์เซน่อลชุดนี้จึงเหมือนร่างไร้วิญญาณที่เดินไปโดยไร้จุดหมาย แถมโดนหมัดหนักๆ ตะบันซ้ายที ขวาที โดยที่ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
เป็นเรื่องเศร้าจับใจสำหรับแฟนบอลที่ต้องทนเห็นสภาพทีมรักเป็นแบบนี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT