มิเกล อาร์เตต้า พาทีมเก็บ 6 คะแนนแรกในลีกด้วยการชนะ นอริช ซิตี้ 1-0 ต่อด้วยบุกเชือด เบิร์นลีย์ ในสกอร์เดียวกัน ก่อนกลับมาเล่นในบ้านถล่ม เอเอฟซี วิมเบิลดัน 3-0 ในถ้วยคาราบาว คัพ
"มันสำคัญมากๆ และเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น การแข่งขันได้เค้นเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวออกมาหลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก"
"เด็กๆ ชนะสามนัดติดต่อกันแล้ว ต้องให้เครดิตพวกเขากับการรับมือกับสถานการณ์และตอนนี้ทุกคนก็ตั้งตาคอยการลงเล่นในเกมวันอาทิตย์ซึ่งจะเป็นวันสำคัญสุดในฤดูกาลสำหรับเราการเล่นในบ้านของเราจนถึงตอนนี้" อาร์เตต้า กล่าวหลังชัยชนะเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ชัยชนะ 2 นัดติดในลีกทำให้ทีมเริ่มได้ชุดตัวจริงที่ลงตัวมากขึ้นหลังจากใช้ผู้เล่นไปแล้วทั้งหมด 26 คน มากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับเปลี่ยนตัวจริงถึง 16 ตำแหน่งจาก 5 นัดแรกที่ผ่านมา
ในเกมบุกชนะ เบิร์นลีย์ อาร์เตต้า วาง 4 ตัวรุกข้างหลังหน้าเป้า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ด้วยผู้เล่นอายุเฉลี่ยเพียง 22 ปีนั่นคือ บูคาโย่ ซาก้า, เอมิล สมิธ โรว์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ นิโกล่าส์ เปเป้
ขณะที่แข้งใหม่อย่าง อารอน แรมส์เดล, เบน ไวท์ และ ทาเคฮิโร่ โทมิยาสึ ต่างได้ลงตัวจริงทั้งหมด ขณะที่อายุเฉลี่ยของตัวจริงใน 5 นัดแรกคือ 24 ปี 328 วัน น้อยกว่าทุกทีมในลีก
ปืนใหญ่ เพิ่งยิงได้เพียง 2 ประตู แต่ว่ามีโอกาสลุ้นยิง 59 ครั้ง และมีเพียง 4 ทีมที่มีโอกาสมากกว่าซึ่งจากโอกาสที่ควรต้องได้ประตูเป็นเหมือนสัญญาณบ่งชี้ว่าทีมของ อาร์เตต้า น่าจะเริ่มมาถูกทาง
11 ตัวจริงนัดล่าสุดที่มีโอกาสเล่นร่วมกันต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การยืนตำแหน่งเฉลี่ยในสนามก็เน้นเกมรุกเป็นหลักเพราะมีเพียงคู่เซนเตอร์แบ็กเท่านั้นที่ยังอยู่ในแดนตัวเอง
ส่วนเกมรับ อาร์เซน่อล เสียไปแล้ว 9 ประตูที่เกิดขึ้นใน 3 นัดแรกซึ่งเป็นช่วงที่ แบรนด์ เลโน่ ทำหน้าที่เฝ้าเสา ก่อนเปลี่ยนเป็น อารอน แรมส์เดล ใน2 นัดหลังสุด
2 นัดหลังสุดสามารถทำคลีนชีตได้ อาร์เตต้า เปลี่ยนแผง "แบ็กโฟร์" มาเป็น ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ, เบน ไวท์, กาเบรียล มากัลเญส และ คีแรน เทียร์นีย์
เกมรับมีทิศทางที่เหนียวแน่นขึ้น แต่ก็มีจุดน่ากังวลการดวลตัวต่อตัวที่เอาชนะได้เพียง 225 ครั้งซึ่งคิดเป็นอันดับ 18 ในลีก
หาก อาร์เตต้า ยึด 11 ตัวจริงในเกมบุกชนะเบิร์นลีย์ลงเจอ สเปอร์ส วันอาทิตย์นี้ ผู้เล่นที่ต้องทำหน้าที่เหมือนตัวรับตรงกลางก็คือ โธมัส ปาร์เตย์ ที่ตามสไตล์การเล่นจริงๆ แล้วไม่ใช่กองกลางตัวรับขนาดแท้
อาร์เตต้า เริ่มปรับมาเล่น 4-3-3 ในช่วงท้ายเกมกับ นอริช และยึดระบบนี้ในเกมกับ เบิร์นลีย์ โดยที่ ปาร์เตย์ ปักหลักตรงกลางและมี สมิธ โรว์ กับ โอเดการ์ด ขนาบข้าง ส่วน 3 ตัวรุกเป็น ซาก้า, โอบาเมย็อง และ เปเป้
ในจังหวะต้องดันเกมรุก ระบบ 4-3-3 จึงกลายเป็น 4-1-4-1 เพราะ สมิธ โรว์ กับ โอเดการ์ด ขยับสูงขึ้นไปเล่นร่วมกับ ซาก้า กับ เปเป้ ที่ประจำริมเส้น และมี โอบาเมย็อง เล่นหน้าเป้า
ปาร์เตย์ เพิ่งหายเจ็บกลับมาเป็นสำรองในเกมกับ นอริช ก่อนลงตัวจริงนัดแรกของฤดูกาลที่พบ เบิร์นลีย์ ที่อยู่ในสนาม 75 นาทีก่อนถูกถอดออกไปพัก
ในบอลถ้วยคาราบาว คัพ ที่ผ่านมา ปาร์เตย์ เป็นคนเดียวที่ลงตัวจริงต่ออีกนัดซึ่งจริงๆ แล้ว อาร์เตต้า ต้องการจะปรับทัพ 11 ตำแหน่งเพื่อเก็บตัวหลักไว้หวดกับ สเปอร์ส แต่เป็น ปาร์เตย์ ที่เสนอตัวลงเล่นเพื่อเรียกความฟิตและจังหวะการเล่นให้เข้าที่เข้าทางหลังหายเจ็บกลับมา
พร้อมลุยดาร์บี้แมตช์หลังเก็บชัยชนะ 3 นัดติด
อาร์เตต้า ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงให้ลงเล่นในบอลถ้วยเพราะนอกจาก แซมบี้ โลคองก้า กับ เอนส์ลีย์ เมทแลนด์-ไนล์ส แล้วก็ยังมี โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ หรือกระทั่ง ชาร์ลี ปาตินโญ่ เป็นตัวเลือกเพิ่มเติม
"เขาไม่ได้ลงเล่นมากนักเนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บ เราเชื่อว่าจังหวะการเล่นในการแข่งขันไม่ได้เหมือนการซ้อมทั่วๆ ไป ผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับเขา" อาร์เตต้า กล่าว
แม้หลายคนจะมองว่า "เสี่ยง" ที่ยอมให้ ปาร์เตย์ ลงเล่น แต่ อาร์เตต้า ตอบว่า "เราไม่คิดแบบนั้น และนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจส่งเขาลงเล่น"
"อย่างไรก็ตาม มันก็เสี่ยงเป็นธรรมดาเมื่อคุณเล่นในการแข่งขันหรือซ้อมอย่างจริงจังแบบที่เราซ้อม เราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งถูกต้องในการทำและเขาเองก็พยายามสุดๆ ที่จะได้เล่น ดังนั้นผมคิดว่ามันออกมาได้ผลดีนะ"
ในเกมวันอาทิตย์นี้ อาร์เตต้า จะมีทางเลือกในการจัดทัพมากขึ้นเมื่อ กรานิต ชาคา กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกได้อีกครั้ง ขณะที่ผู้เล่นคนอื่นก็พร้อมลงสนามหลังฟิตสมบูรณ์กันหมด ไม่มีใครบาดเจ็บเลย
ชาคา จะกลับมาเป็นตัวจริงทันทีหรือไม่ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม ขณะที่ อาร์เตต้า ชี้แจงประเด็นนี้ว่า "ตามหลักแล้ว คุณอยากเห็นผู้เล่นที่ได้เล่นมากกว่าและลงอย่างสม่ำเสมอได้ลงเล่นอีก แต่ว่าทั้งคู่ต่างพร้อมเป็นตัวเลือก เขา (ชาคา) กลับมาแล้วและเขาพร้อมด้วยเพราะเขาดูแลตัวเองดีมากๆ"
สถิติ 12 นัดหลังสุดในนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ อาร์เซน่อล เอาชนะได้เพียง 3 นัดเท่านั้น โดยแพ้ไป 4 นัด และเสมอ 5 นัด
เกมรุกสร้างโอกาสยิงได้ แต่ต้องปรับความเฉียบคม
นอกจากนี้ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงไก่เดือยทองก็เป็นผู้เล่นที่ อาร์เซน่อล ต้องระวังเอาไว้ให้ดีเหมือนเดิมเพราะตลอด 13 นัดที่เจอกันในลีก เคน ยิงได้ถึง 11 ประตู
แต่เกมในวันอาทิตย์นี้ โมเมนตัมหลายอย่างเหมือนกำลังเป็นใจให้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กับการลุ้นชนะเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันในลีกและเป็นนัดที่ 4 จากทุกรายการ
อาร์เซน่อล แพ้ 3 นัดแรกและยิงไม่ได้ แต่กลับมาชนะ 2 นัดหลังสุดและไม่เสียประตู ตรงกันข้ามกับ สเปอร์ส ที่เริ่มต้นด้วย 9 คะแนนเต็มใน 3 นัดแรก แต่พ่ายยับ 0-3 ตลอด 2 นัดหลังสุด
การเล่นในรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้ปืนใหญ่ได้สานต่อโมเมนตัมที่เริ่มกลับมาในตอนนี้
"สิ่งที่พวกเขาทำตลอดสัปดาห์หลังๆ ที่ผ่านมาค่อนข้างพิเศษมาก ผมคิดว่าแฟนๆ ต่างต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสโมสร และมันแตกต่างมากกับการเป็นแค่แฟนบอล"
"การมีแฟนบอลในสนาม 50,000 คนในเกม คาราบาว คัพ คืนวันพุธ ซึ่งเป็นวันทำงานนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและไม่ได้เกิดขึ้นได้ทุกสนาม
"ผมรอแทบไม่ไหวที่จะได้รับประสบการณ์จากเกมวันอาทิตย์นี้ และผมกำลังพูดถึง 'แฟนบอลที่สนับสนุนทีม' ผมคิดว่า มันเป็นคำที่ใช้อธิบายถึงคนที่หนุนหลังสโมสรของเรา" อาร์เตต้า กล่าว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT
