ทัศนคติสุดขี้ขลาด
กลางสัปดาห์ที่แล้ว "ปืนใหญ่" เพิ่งพ่ายต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และมันเกิดขึ้นอีกครั้งที่กูดิสัน ปาร์ค
หลังแพ้ยับต่อ ลิเวอร์พูล ในนัดแรกของเบรกทีมชาติ มิเกล อาร์เตต้า พาทีมแก้ตัวได้ด้วยการชนะ นิวคาสเซิ่ล แต่หลังจากเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด อัดร่วง แข้งปืนกลับลุกไม่ขึ้น ก่อนโดน เอฟเวอร์ตัน เหยียบซ้ำอีกรอบ
อาร์เซน่อล แพ้เป็นนัดที่ 6 ในฤดูกาลนี้ แต่เป็นนัดที่น่าผิดหวังที่สุดเพราะเล่นได้ย่ำแย่ตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงจบเกมทั้งที่การจัดตัวถือว่าโอเคมากทีเดียว
อาร์เตต้า ตัดสินใจดร็อป ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่ฟอร์มฝืดช่วงหลังให้เป็นเพียงสำรอง เช่นเดียวกับ นูโน่ ตาวาเรส ที่ผิดพลาดบ่อย อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ และ คีแรน เทียร์นีย์ จึงได้กลับมาลงตัวจริงอีกครั้ง
ที่เซอร์ไพรส์สุดคือ กรานิต ชาคา หายเจ็บเร็วกว่ากำหนดและออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกในการจับคู่กับ โธมัส ปาร์เตย์ ในแดนกลาง
11 ตัวจริงเป็นชุดที่แฟนบอลหลายคนอยากเห็น คนไหนฟอร์มหลุดก็ควรต้องนั่งเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่น ขาดก็เพียง เอมิล สมิธ โรว์ ผู้เล่นผลงานดีสุดในช่วงสองเดือนหลังที่บาดเจ็บ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง
แต่ในชุดที่น่าจะดีที่สุด แข้งปืนใหญ่กลับไม่สามารถเล่นได้อย่างที่ควรจะเป็น และเป็นทาง เอฟเวอร์ตัน ที่ทำได้ "เข้าตา" มากกว่าทั้งรูปแบบการเล่นและการสร้างโอกาสลุ้นทำประตู
ตลอด 45 นาทีแรก ก๊วนทอฟฟี่ ต่อบอลทำเกมรุกได้ลื่นไหลกว่า ขาดก็เพียงส่งบอลสู่ก้นตาข่ายซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่อาร์เซน่อลทำได้ทั้งที่แทบไม่ได้สร้างจังหวะในเกมรุกอย่างจริงจังเลย
โอกาสลุ้นจะแจ้งครั้งแรกที่ คีแรน เทียร์นีย์ เปิดให้ มาร์ติน โอเดการ์ด กระโดดแปด้วยซ้ายทำให้ อาร์เซน่อล พลิกนำก่อนในครึ่งแรก
ด้วยรูปเกมที่เป็นรองแต่กลับได้ประตูนำ อาร์เซน่อล อาจรู้สึกได้ว่าสามารถชนะได้แม้ในวันที่เล่นไม่ดี แถมมีตัวช่วย "วีเออาร์" ดับฝัน เอฟเวอร์ตัน ถึงสองครั้งที่ ริชาร์ลิซอน ยิงได้แต่ล้ำหน้าทั้งหมด
เป็นใครก็ต้องคิดว่าปืนใหญ่พก "ดวง" มาเต็มกระเป๋า
ทว่าด้วย "mindset" หรือแนวคิด/ทัศนคติที่ผิดๆ ก็ลงโทษพวกเขาอีกครั้ง เหมือนที่เกิดขึ้นในเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
หลังได้ประตูนำในท้ายครึ่งแรก อาร์เซน่อล ควรต้องเริ่มครึ่งหลังด้วยโมเมนตัมที่ดีกว่าและความเชื่อมั่นที่มากขึ้น พวกเขาต้องกดทอฟฟี่หลังพิงฝาให้ได้
อาร์เตต้า พาทีมแพ้ 3 จาก 4 นัดหลังสุด
ทว่าปืนใหญ่กลับเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อน พยายามรักษาสกอร์ที่นำเพียงประตูเดียว และปล่อยให้ลูกทีมของ ราฟา ครองบอลเล่นเหมือนเดิม
เป็นการเล่นที่เชื้อเชิญให้คู่แข่งบุกเอาประตูคืนไม่ต่างจากวันพ่ายผีแดงที่โรงละครแห่งความฝัน
เอฟเวอร์ตัน ส่งสัญญาณเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าโดยเฉพาะการส่งบอลเข้าประตูไปสองครั้งแต่ล้ำหน้า ทว่า อาร์เซน่อล ก็ยังเลือกวิธีการที่ผิดๆ ในการเล่นจนสุดท้ายก็ได้รับผลในสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อลูกทีมของราฟาเป็นฝ่ายแซงชนะสำเร็จ
"เราต้องทำให้ดีกว่านี้ในเวลาที่ขึ้นนำ เรากลับหยุดเล่นและปล่อยให้พวกเขาเล่นได้อย่างที่ต้องการ" มาร์ติน โอเดการ์ด กล่าวอย่างสุดเซ็งหลังเกม
"ผมคิดว่ามันเป็นปัญหาเรื่องทัศนคติ เมื่อคุณกำลังนำ 1-0 คุณดันกลัวที่จะสูญเสียชัยชนะซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราทำผิดพลาด"
"คุณต้องลุยเอาประตูที่สองเพิ่ม นั่นคือความตั้งใจ แต่เราก็ไม่ทำแบบนั้นในสนาม"
ขณะที่การเปลี่ยนตัวของ มิเกล อาร์เตต้า ก็เป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถามอีกครั้ง
คีแรน เทียร์นีย์ ถูกถอดออกคนแรกโดยมี นูโน่ ตาวาเรส ลงเล่นแทน และเป็น ตาวาเรส ที่ไม่ละเอียดมากพอในการเล่นลูกทุ่มให้ ปาร์เตย์ ก่อนนำไปสู่ประตูตีเสมอ 1-1 ของ เอฟเวอร์ตัน
ช่วง 20 นาทีสุดท้าย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ บาดเจ็บถูกเปลี่ยนออก ซึ่งตามตำแหน่งที่เล่นตัวรุกฝั่งขวา นิโกล่าส์ เปเป้ ควรได้ลงสนามมาแทน ทว่า อาร์เตต้า กลับเลือก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
เอ็นเคเทียห์ เป็นกองหน้า แต่ถูกโยกไปเล่นด้านข้าง จึงไม่สามารถช่วยเกมรุกอะไรได้มากนัก แถมมีจังหวะสอดเข้าไปโหม่งจ่อๆ ก็ชนเสาอีก
กรานิต ชาคา ที่เพิ่งคัมแบ็กรอบ 10 สัปดาห์ ควรถูกถอดออกในช่วงท้ายเพราะเริ่มหมดแรงแล้ว แต่ อาร์เตต้า ดันให้เล่นจนครบ 90 นาที
ในช่วงที่ ชาคา เรี่ยวแรงเริ่มไม่เหมือนเดิมซึ่งเข้าใจได้สำหรับนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ขณะที่ โธมัส ปาร์เตย์ ก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดี แดนกลางจึงเป็นรอง เอฟเวอร์ตัน มากขึ้น
ราฟา เบนิเตซ ได้โอกาสส่ง อังเดร โกเมส ลงไปช่วยตรงกลางเพิ่มอีก และเลือกถอดตัวริมเส้นอย่าง แอนดรอส ทาวน์เซนต์ ออกไปพัก
อังเดร โกเมส ลงมาพร้อมความสดจึงสร้างความได้เปรียบให้ทอฟฟี่ได้ทันทีและมีส่วนทั้งสองประตูไม่ว่าจะยิงหน้าเขตโทษติดบล็อกก่อนที่ เดมาไร เกรย์ จะซัดไกลชนคานเด้งเข้าทาง ริชาร์ลิซอน โหม่งย้อยข้ามหัว อารอน แรมส์เดล เข้าประตู
ประตูชัยในนาทีสุดท้ายก็เป็น โกเมส วิ่งเข้าถึงบอลก่อน ชาคา ก่อนลากขึ้นหน้าแล้วจ่ายให้ เดมาไร เกรย์ โยกสองจังหวะก่อนซัดจากหน้าเขตโทษส่งบอลชนเสาเข้าไปสุดสวย
จังหวะ 50-50 ที่ โกเมส และ ชาคา วิ่งเข้าหาบอลในระยะใกล้เคียงกัน เห็นชัดเลยว่าความฟิตของกองกลางโปรตุกีสช่วยได้อย่างมาก และ ชาคา ก็ทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบ ไม่กล้าพุ่งสไลด์ขวางเพราะมีเหลืองติดตัว
อาร์เตต้า ผิดพลาดทั้งการเปลี่ยนตัวและวิธีการเล่นของลูกทีมที่เป็นผลมาจากการฝึกซ้อมของเขาเองในฐานะโค้ช
จริงอยู่ว่า อาร์เซน่อล มีโอกาสมากขึ้นในครึ่งหลังที่ อาร์เตต้า บอกว่าแนวรุกจบสกอร์ไม่คม แต่ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเพราะการที่ทีมยิงได้เพียง 18 ประตูจาก 15 นัด ก็บ่งบอกอย่างดีว่า อาร์เตต้า นั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าใคร
"เราสร้างโอกาสจะแจ้งได้ 4 ครั้ง หนึ่งจาก เอ็ดดี้, สองจาก มาร์ติน และอีกหนึ่งในช่วงท้ายเกมจาก โอบา ซึ่งเมื่อคุณไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ มันก็ยากที่จะเอาชนะโดยเฉพาะเมื่อต้องเสียประตูแบบที่เราเสียเช่นประตูแรก"
"ผมผิดหวังจริงๆ ช่วงครึ่งแรกเราไม่มีความคงเส้นคงวาในเวลาครองบอลเลย จากนั้นช่วงครึ่งหลังเราควรต้องปิดเกมให้ได้ เราพยายามทำแบบนั้น แต่ก็มีจังหวะที่เราสะเพร่ากันอีก เราเสียบอลง่ายๆ กันหลายครั้งและยิ่งทำให้พวกเขาฮึกเหิมกันมากขึ้นในการไล่เพรสซิ่ง" อาร์เตต้า กล่าว
อาร์เซน่อล เสียบอลง่ายเพราะต้องเล่นตามเกมของ เอฟเวอร์ตัน ทั้งที่ศักยภาพเหนือกว่า ฟอร์มโดยรวมในฤดูกาลนี้ก็ดีกว่า แถมก่อนลงสนามเกมนี้ ทอฟฟี่ไม่ชนะใครในลีกมา 8 นัดติด
เอฟเวอร์ตัน สมควรได้รับชัยชนะที่คู่ควรเพราะมุ่งมั่นตั้งใจและพยายามเล่นเกมรุกมากกว่า ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็ควรลงเอยด้วยความผิดหวังอีกครั้งทั้งด้วยความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ และสำคัญสุดคือ "ทัศนคติ" แบบผู้แพ้
ทีมปืนใหญ่อาจอยู่ห่างพื้นที่ท็อปโฟร์เพียง 4 คะแนน แต่ความปราชัยล่าสุดนี้ทำให้บรรยากาศอันหม่นหมองและน่าวิตกแบบต้นฤดูกาล เริ่มกลับมาอีกครั้ง
ในตอนนี้อาจจะไม่เลวร้ายเท่ากับการออกสตาร์ทแพ้ 3 นัดรวดและยิงไม่ได้เลย แถมมีโอกาสกลับมาได้หากเก็บ 6 คะแนนเต็มในสองนัดต่อไปที่จะเล่นในบ้านพบ เซาธ์แฮมป์ตัน และ เวสต์แฮม
แต่ใครจะรับประกันได้ว่า มิเกล อาร์เตต้า จะพาทีมชนะได้แน่นอนโดยเฉพาะเมื่อย้อนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT