มกราฯที่น่าผิดหวัง
เดือนแรกของปีที่ควรเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับทุกสิ่งทุกออย่าง แต่กลับกลายเป็นเดือนที่น่าผิดหวังสำหรับ "ปืนใหญ่"
อาร์เซน่อล ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยแม้แต่นัดเดียวตลอด 5 นัดที่ลงสนามในเดือนเปิดหัวศักราชใหม่ โดยเป็นการแพ้ 3 นัด และเสมอ 2 นัด
ทัพปืนใหญ่เริ่มต้นปีด้วยเกมบิ๊กแมตช์ต้อนรับจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งพวกเขาทำผลงานได้ดีมากๆ และขึ้นนำก่อนด้วย ทว่าเล่นไปเล่นมาก็ผิดพลาดเองเสียจุดโทษและใบแดงจนท้ายที่สุดโดนเรือใบสีฟ้าแซงชนะในนาทีสุดท้าย
อาการเมาหมัดลากไปถึงเอฟเอ คัพ ที่พลิกล็อกตกรอบสามอย่างรวดเร็วหลังพ่ายต่อทีมจากแชมเปี้ยนชิพอย่าง น็องติ้งแฮม ฟอเรสต์
จากนั้นบุกยันเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ในคาราบาว คัพ รอบตัดเชือกนัดแรกในเกมที่เหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ 25 นาทีแรก
แต่เกมในบ้านนัดสองกลับไม่สามารถเค้นฟอร์มออกมาได้ ทำให้โดน ลิเวอร์พุล บุกมากำราบ 2-0 อกหักไม่ได้เข้าชิงชิงชนะเลิศ ก่อนเสมอ เบิร์นลีย์ ในเกมลีกนัดล่าสุด
สรุปภาพรวม 5 นัดที่ไม่ชนะ อาร์เซน่อล ยิงได้เพียงประตูเดียวคือลูกยิงของ บูคาโย่ ซาก้า ที่ซัดขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่
จากนั้นเป็นต้นมา เกมรุก อาร์เซน่อล ทำประตูไม่ได้เลยซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ธันวาคม ปี 2005 ที่ยิงไม่ได้ 4 นัดติด นอกจากนี้ก็ตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการ
ในเกมล่าสุด มิเกล อาร์เตต้า น่าจะทิ้งทวนได้สวยๆ กับโปรแกรมในบ้านพบทีมท้ายตาราง เบิร์นลีย์ ทว่ากลับจบด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์
อาร์เซน่อล ปล่อยโอกาสทองในการขึ้นไปติดท็อปโฟร์หลุดมือไปอย่างน่าเสียดายหลังไม่สามารถเจาะประตูเพื่อเอาชนะทีมของ ฌอน ไดซ์ ได้
เบิร์นลีย์ มาเยือนในสภาพทีมที่ไม่สมบูรณ์ โปรแกรมของพวกเขาถูกเลื่อนมา 2 นัดติดทั้งเกมพบ เลสเตอร์ ซิตี้ และ วัตฟอร์ด ด้วยสาเหตุตัวผู้เล่นไม่พอลงสนาม และนัดล่าสุดที่ลงเล่นก็คือเอฟเอ คัพ กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม
นอกจากนี้ก็เพิ่งเสีย คริส วู้ด กองหน้าตัวหลักไปให้ นิวคาสเซิ่ล อีกต่างหาก
แต่เป็น อาร์เซน่อล ที่ไม่มีปัญหายิงประตูชนะได้ แม้จะเป็นฝ่ายครองเกมรุก และหาโอกาสส่องได้มากกว่าก็ตาม
อาร์เตต้า ปรับทีมไม่มากนักจากคาราบาว คัพ เพราะตัวผู้เล่นค่อนข้างจำกัดเนื่องจากด้วยอาการบาดเจ็บและบางส่วนก็ไปเล่นแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ นอกจากนี้ กรานิต ชาก้า และ โธมัส ปาร์เตย์ ก็มาติดโทษแบนพร้อมกันทั้งสองคน
กุนซือชาวสแปนิชจึงต้องเข็นตัวหลักลงเล่นกันต่อโดยมีเพียงตำแหน่งแบ็กขวาที่ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ เจ็บซ้ำจากเกมคาราบาว คัพ เบน ไวท์ จึงถูกโยกมาเล่นแทน และมี ร็อบ โฮลดิ้ง ประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์
ปืนใหญ่ครองเกมรุกได้มากกว่าตามคาด แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการทะลายเกมรับของ เบิร์นลีย์ ที่ตั้งรับกันทั้งทีม ทุกคนยันกันแน่นในแดนตัวเอง
อาร์เซน่อล มีปัญหาตลอดเวลาเจอเมื่อเจอฟุตบอลสไตล์ เบิร์นลีย์ ที่รับแน่น และใช้จังหวะสาดยาวในการเล่นโต้กลับ
5 นัดหลังสุดที่เจอกัน อาร์เซน่อล ยิงประตู เบิร์นลีย์ จากจังหวะ "โอเพ่นเพลย์" ได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น และในเกมแรกที่สนาม เทิร์ฟ มัวร์ ก็เกือบแบ่งแต้มอีกนัดหากไม่ได้ฟรีคิกของ มาร์ติน โอเดการ์ด
เกมรุกของ อาร์เซน่อล ในครึ่งแรกยังไม่รวดเร็วและเฉียบขาดมากพอทำให้โอกาสลุ้นประตูจะแจ้งมีน้อยมาก
ส่วนครึ่งหลังแม้จะบุกได้น้ำได้เนื้อมากขึ้น แต่จังหวะจบสกอร์ก็ไม่คมโดยเฉพาะจังหวะดีดหลังเท้าของ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่ซัดบอลหลุดเสาอย่างน่าเสียดาย
ตลอดทั้งเกม อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิง 20 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง แต่มีเพียงครั้งเดียวที่ นิค โป๊ป ได้ซูเปอร์เซฟคือจังหวะเตะมุมที่ มาร์ติน โอเดการ์ด เล่นลูกสูตรเตะมุมจ่ายให้ เอมิล สมิธ โรว์ วิ่งมายิงตามนัด
"เราเริ่มเกมอย่างเชื่องช้า ดูเงอะงะ และไม่มีจังหวะที่ดีพอในการโจมตีอย่างที่ต้องการ จากนั้นเราเริ่มเล่นได้ดีขึ้น หาจังหวะและคุกคามพวกเขามากขึ้น เราลงเล่นครึ่งหลังได้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง"
"เราพยายามทุกอย่างแล้ว แต่เราขาดคุณภาพในจังหวะสุดท้าย คุณจำเป็นต้องมีความตื่นตัวและสร้างสรรค์โอกาสให้มากกว่านี้เพื่อเอาชนะให้ได้ซึ่งวันนี้เราทำไม่ได้" อาร์เตต้า กล่าวถึงผลงานของลูกทีม
ในช่วงที่พยายามโหมรุกอย่างหนัก อาร์เซน่อล กลับเลือกวิธีการเล่นที่ เบิร์นลีย์ ถนัดในการรับมือนั่นคือ "เปิดจากด้านข้าง" เข้าไปซึ่งตลอด 90 นาที ปืนใหญ่ ได้ครอสบอลทั้งหมด 25 ครั้ง แต่มีเพียง 2 ครั้งที่เปิดไปถึงเพื่อนร่วมทีม
นับเป็นเกมที่น่าผิดหวังอย่างแท้จริงสำหรับ อาร์เซน่อล และผลเสมอก็เหมือนกับแพ้ยังไงยังงั้น
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมทำผลงานส่งท้ายปี 2021 ได้ยอดเยี่ยมด้วยชัยชนะ 5 นัดติด แต่ชนะใครไม่ได้เลยใน 5 นัดแรกของปี 2022
สถิติที่สะท้อนปัญหาของทีมได้ชัดเจนที่สุดในเดือนแรกของปีคือ การได้ใบแดงถึง 3 ใบ ขณะที่เกมรุกยิงประตูคู่แข่งได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT