โอกาสมาแล้ว
"ปืนใหญ่" บุกชนะ วัตฟอร์ด ที่วิคาเรจ โร้ด ได้สำเร็จ ขณะที่ เวสต์แฮม, วูล์ฟแฮมป์ตัน และ แมนฯ ยูไนเต็ด ล้วนปราชัยทั้งหมด ไม่สามารถเก็บคะแนนเพิ่มได้
โอกาสจบพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ อาร์เซน่อล จึงสดใสมากยิ่งขึ้น
ในเกมบุกแหย่รังแตน มิเกล อาร์เตต้า เลือกใช้งานผู้เล่นตัวจริงจากนัดแซงชนะ วูล์ฟส์ 2-1 ในสัปดาห์ที่แล้วเพราะอีกสองตัวหลัก ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ และ เอมิล สมิธ โรว์ ยังไม่พร้อมช่วยทีม
"โทมิ" เจ็บซ้ำในเกมคาราบาว คัพ รอบตัดเชือกกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปลายเดือนมกราคม และพักยาวจนถึงตอนนี้ ส่วน สมิธ โรว์ ติดโควิด-19 หลังจากออกอาการป่วยได้หลายวัน
เมื่อพิจารณาจากผลการแข่งขันและกำลังใจที่แซงชนะหมาป่าช่วงทดเจ็บ การยึดชุดเดิมของ อาร์เตต้า ก็นับว่าสมเหตุสมผลแม้ นิโกล่าส์ เปเป้ และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ จะลงเป็นซูเปอร์ซับได้ในนัดดังกล่าวก็ตาม
อาร์เซน่อล เกือบจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นไม่ดีเมื่อปล่อยให้ เอ็มมานูเอล เดนนิส หลุดไปยิงมุมแคบให้แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮลั่นสนาม แต่จังหวะนี้ล้ำหน้าไปก่อน
จากโมเมนตัมที่เกือบเป็นฝ่ายตามหลัง อาร์เซน่อล พลิกเป็นฝ่ายนำได้ก่อนจากการต่อบอลอันสุดยอดของ บูคาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด ก่อนเป็นดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์จับแล้วยิงเน้นๆ ในเขตโทษเข้าไป
ได้ประตูนำเร็ว อาร์เซน่อล น่าจะคอนโทรลเกมได้ง่าย ทว่ากลับเสียประตูคืนในเวลาไม่นานซึ่งต้องชมจังหวะเข้าทำของ วัตฟอร์ด ที่ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะการจับสกอร์ของ คูโช่ เอร์นานเดซ ที่ตีลังกาฟาดสุดยอด
เพียงแค่ 11 นาทีแรก มีบอลซุกก้นตาข่าย 3 ครั้งและเป็น 2 ประตูที่สวยงาม นี่คือรูปเกมที่เอนเตอร์เทนแฟนบอลอย่างแท้จริง
อาร์เซน่อล ใช้เวลาสักพักในการตั้งเกม แต่ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายครองบอลฝ่ายเดียว ทว่าการไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนก็ทำให้ทีมออกนำอีกครั้ง
ซาก้า ยิง 1 จ่าย 1 พาทีมเก็บ 3 แต้ม
จังหวะได้ประตู 2-1 ต้องชม บูคาโย่ ซาก้า ที่ขยันวิ่งไล่แซะบอลจาก ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ หน้าเขตโทษ วัตฟอร์ด ก่อนทำชิ่งกับ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ แล้วตามไปกดด้วยซ้ายส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมแบบหมดจดงดงาม
ความตื่นตัวในการเล่นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง อาร์เซน่อล กับ วัตฟอร์ด ในเกมนี้
ประตูนำ 3-1 ของปืนใหญ่ก็แทบไม่ต่างกัน มิเกล อาร์เตต้า มีส่วนช่วยลูกทีมได้ประตูกับการรีบไปเก็บบอลส่งให้ บูคาโย่ ซาก้า ได้ทุ่มเร็วก่อนจบด้วยการยิงเต็มข้อของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
3 ประตูของ อาร์เซน่อล มาจากการเข้าทำที่เป็น "ทีมเวิร์ก" อย่างแท้จริง จังหวะต่อบอลแม่นยำและเฉียบขาด พวกเขาได้ 3 ประตูจากการยิงเข้ากรอบ 4 ครั้งแรก
ในทางตรงกันข้าม วัตฟอร์ด กลับไม่เด็ดขาดในหลายๆ จังหวะที่มีโอกาสโดยเฉพาะ เอ็มมานูเอล เดนนิส ที่ได้ลุ้นยิงถึง 4 ครั้ง แต่ไม่เป็นประตูเลย
เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ อาร์เซน่อล เล่นเกมรับไม่ดี เปิดช่องเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งมากมาย หากเป็นทีมอื่นที่แนวรุกชัวร์กว่า วัตฟอร์ด ลูกทีมของ อาร์เตต้า ไม่มีทางเก็บ 3 คะแนนกลับออกมาได้แน่
"เราต้องไม่โกหกตัวเอง วันนี้เราเล่นเกมรับได้ไม่ดีเท่าไหร่ เราปล่อยให้พวกเขามีโอกาส" อาร์เตต้า มองเห็นจุดที่ต้องแก้ไข
ในวันที่เกมรับไม่ได้สมบูรณ์แบบและมาเสียประตูอีกลูกในช่วงท้ายเกม ประตูนำ 3-1 ของ อาร์เซน่อล จึงเป็นประตูที่สำคัญมากๆ และต้องให้เครดิต อาร์เตต้า ที่ทำหน้าที่เสมือนเป็น "ผู้เล่นคนที่ 12" ของจริง
"ผมเห็นบอล และเห็นโอกาสที่จะชิงความได้เปรียบ ผมไม่รู้ว่าผมควรทำหรือมั้ย แต่มันเป็นแนวทางของผม และผมก็คุมตัวเองไม่ได้" อาร์เตต้า กล่าวถึงจังหวะรีบส่งบอลให้ ซาก้า
ประตูที่ 3 ที่ อาร์เตต้า มีส่วนช่วย สำคัญต่อทีมมากๆ
เกมรุกของ อาร์เซน่อล ทำกันได้ดีในการเก็บชัยชนะ 4 นัดติดในลีก อาร์เตต้า เสริมว่า "นักเตะมีความเข้าใจกันและกันมากขึ้น เราทำได้ดีมากขึ้นเรื่อย และเราควรยิงประตูได้มากกว่านี้"
ท้ายเกมมีหวาดเสียวเล็กน้อย แต่สุดท้าย อาร์เซน่อล ก็ประคองตัวให้จบด้วยชัยชนะ 3-2 พร้อมแซงหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นไปอยู่ที่ 4 ซึ่งในเวลาต่อมา ผีแดงไม่สามารถทวงคืนได้หลังต้าน แมนฯ ซิตี้ ไม่ไหวในศึกดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์
นี่จึงเป็นสัปดาห์ที่ดีมากสำหรับ อาร์เซน่อล และจะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้หาก สเปอร์ส สะดุดอีกทีมในเกมมันเดย์ไนท์ที่จะพบกับ เอฟเวอร์ตัน
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมเดินหน้าได้อย่างมั่นใจและอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าทุกทีมในกลุ่มลุ้นอันดับ 4 พวกเขานำหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด 1 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่าถึง 3 นัด
แต่กระนั้น อาร์เตต้า ก็ไม่อยากให้ลูกทีมมองข้ามชอตเกินไป ต้องลุ้นกันนัดต่อนัดเหมือนเดิมเพราะทุกอย่างพลิกผันได้ตลอดเวลา
"ตอนนี้เราอยู่ตรงนั้น (อันดับ 4) แล้ว และเราจะว่ากันนัดต่อนัด ทุกนัดเปรียบเหมือนรถไฟเหาะ เรายังมีอีก 3 นัดสำคัญรออยู่ในสัปดาห์ที่กำลังมาถึงนี้" อาร์เตต้า กล่าว
สำหรับ 3 นัดจะเป็นอีกช่วงที่ อาร์เซน่อล ได้พิสูจน์ตัวเองว่าดีพอสำหรับการจบท็อปโฟร์หรือไม่เพราะต้องลงสนามในช่วงเวลาเพียง 6 วัน
โปรแกรมเริ่มจากเล่นในบ้านพบ เลสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม ต่อด้วยเกมกลางสัปดาห์ในวันพุธรับมือ ลิเวอร์พูล ที่กำลังลุ้นแชมป์และชนะมา 12 นัดติดจากทุกรายการ ก่อนบุกเยือน แอสตัน วิลล่า ในวันเสาร์ที่ 19 มี.ค.
ถ้าผ่านได้แบบไม่บอบช้ำมาก ลุ้นเก็บให้ได้ 5-6 คะแนน ช่วงที่เหลือของฤดูกาลก็ไม่น่ายากเกินไปสำหรับเป้าหมายไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งหากย้อนไปในช่วงต้นฤดูกาลที่แพ้ 3 นัดแรก ก็ดูไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ตอนนี้ โอกาสเข้าทางแล้ว อาร์เซน่อล จะคว้าเอาไว้หรือไม่ อีก 3 นัดต่อไปน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT