สยบจิ้งจอกก่อนสู้หงส์
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมคว้าชัยชนะนัดที่ 5 ติดต่อกันในลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ และทำให้โอกาสจบท็อปโฟร์มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น
อาร์เตต้า ไม่เปลี่ยนทีมจากนัดบุกชนะ วัตฟอร์ด 3-2 ในสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจาก ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ แบ็กขวาทีมชาติญี่ปุ่นยังไม่ฟิตกลับมา แต่ข้างสนามได้ เอมิล สมิธ โรว์ หายโควิดกลับมามีชื่อเป็นสำรอง
ด้วยผลงาน 10 นัดหลังก่อนลงสนามที่เก็บไปได้ถึง 25 คะแนน ทำให้ปืนใหญ่เริ่มเกมได้อย่างมั่นใจและขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 11 จากจังหวะเตะมุมที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โขกสะบัดที่เสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ทุกอย่างจึงอยู่ในการคอนโทรลของ อาร์เซน่อล ที่เหนือกว่าชัดเจนในช่วงยี่สิบนาทีแรกและเกือบนำเพิ่มจากลูกยิงไกลของ ปาร์เตย์ ที่ไปชนสามเหลี่ยมดังโครม
ทว่าครึ่งทางของครึ่งแรก เลสเตอร์ เล่นได้ดีขึ้นและเป็นฝ่ายต่อบอลในแดนของ อาร์เซน่อล ได้ต่อเนื่องจนเกือบตีเสมอได้จากการเล่นลูกสูตรเตะมุมทางขวาที่ มาร์ค อัลไบรท์ตัน โยนให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ลอยตัวโขกบอลกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่า อารอน แรมส์เดล ซูเปอร์เซฟปัดได้เหลือเชื่อ
จังหวะนี้น่าเป็นประตูเหลือเกิน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทัพจิ้งจอกชูมือเตรียมเฮไปแล้วด้วยซ้ำเพราะมั่นใจว่าเข้าประตูแน่ๆ ก่อนเปลี่ยนอารมณ์ฉับพลันเมื่อเห็นช็อตเซฟระดับโลกของ แรมส์เดล
ย้อนไปในนัดแรกที่ คิง เพาเเวอร์ สเตเดี้ยม อาร์เซน่อล บุกชนะได้ 2-0 แต่หากไม่ได้ แรมส์เดล เซฟไป 8 ครั้ง เป็นสถิติมากสุดต่อหนึ่งนัดของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ทีมปืนใหญ่ก็คงไม่ได้ 3 คะแนนกลับออกมา
ซูเปอร์เซฟล่าสุดของ แรมส์เดล สำคัญต่อ อาร์เซน่อล มากเพราะโมเมนตัมขณะนั้นกำลังอยู่ทางฝั่ง เลสเตอร์ ที่หากตีเสมอได้ก็อาจจะยิ่งคึกมากขึ้นและลุ้นแซงได้เลย
ปาร์เตย์ สุดสะใจหลังโขกประตูแรก
ช่วงพักครึ่ง 15 นาทีมาในเวลาที่ อาร์เซน่อล ต้องการเพราะจำเป็นต้องเรียกจังหวะการเล่นของตัวเองกลับคืนมาอีกรอบและเป็นการเบรกโมเมนตัมของทีมเยือน
อาร์เตต้า ปรับเกมมาได้ดีในช่วงเบรกทำให้กลับมาเล่นครึ่งแรกจึงคล้ายกับตอนเริ่มครึ่งแรกที่แข้งปืนใหญ่ทำได้ดีกว่า แถมได้ประตูเหมือนกันอีก
ประตูนำ 2-0 ของ อาร์เซน่อล มาจากจุดโทษที่ต้องลุ้นกันนานทีเดียวในจังหวะที่ ปาร์เตย์ โหม่งซ้ำลูกยิง เบน ไวท์ ที่ติดเซฟครั้งแรก โดยผู้ตัดสินได้สัญญาณจาก วีเออาร์ ก่อนมาดูเหตุการณ์ที่จอข้างสนามด้วยตัวเองและชี้ขาดว่า ชักลาร์ โซยุนชู ใช้มือปัดบอลที่ ปาร์เตย์ โหม่ง จึงเป่าให้ อาร์เซน่อล ได้จุดโทษ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ รับหน้าที่สังหารยิงเสยตาข่ายเด็ดขาด
ลากาแซ็ตต์ ปลดล็อกได้สำเร็จหลังไม่ยิงประตูมา 9 นัดติด หรือนับตั้งแต่ประตูล่าสุดในเกมบุกชนะ นอริช ซิตี้ 5-0 ที่มาจากจุดโทษเช่นกัน
สิ่งที่ อาร์เซน่อล ทำได้ดีขึ้นหลังได้ประตูในครึ่งหลังคือ การคอนโทรลเกมและไม่ปล่อยให้ เลสเตอร์ มีฮึดเหมือน 20 นาทีท้ายของครึ่งแรก
โธมัส ปาร์เตย์ กับ กรานิต ชาก้า คุมแดนกลางได้ดีมาก ช่วยกันตัดเกมและต่อบอลได้อย่างลื่นไหล ช่วยสร้างจังหวะการเล่นของทีมให้มีความต่อเนื่อง และเอาตัวรอดได้จากจังหวะไล่เพรสซิ่งของแข้งจิ้งจอก
ที่เด่นอีกคนและเป็นเจ้าของรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ คือ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ยิ่งเล่นยิ่งดี และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกของ อาร์เซน่อล เวลานี้จริงๆ
มาร์ติน โอเดการ์ด ยิ่งเล่นยิ่งดี
คลาสของ โอเดการ์ด เหนือกว่าผู้เล่นจิ้งจอกทุกคน จังหวะรับบอลและจ่ายบอลดูเนียนตาไปหมด เกมรุกของ อาร์เซน่อล มีลุ้นตลอดในทุกครั้งที่ โอเดการ์ด เป็นคนเซตจังหวะการเล่น
"วันนี้เขาทำได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งในทุกอย่างเลย สิ่งที่ต้องทำในการเล่นเกมรับ ตอนที่เราขยับขึ้นสูง หรือถอยลงต่ำ การบิวด์อัปเกม การเล่นในพื้นที่สุดท้าย ความเข้าใจในเกมและคอนโทรลเกมในสถานการณ์ที่ต้องทำ เขาทำให้คนอื่นๆ เล่นดีกว่าเดิม"
นี่คือคำยกย่องของ มิเกล อาร์เตต้า ที่มีต่อดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ที่เขาดึงมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลก่อน และซื้อขาดมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้
ด้วยฟอร์มอันสุดยอดของแดนกลางที่นำโดย โอเดการ์ด และ ปาร์เตย์ อาร์เซน่อล จึงคุมเกมได้อยู่หมัดหลังได้ประตูนำ 2-0 และช่วงเวลาที่เหลือ แฟนบอลก็ได้เพลิดเพลินกับจังหวะการเล่นสวยๆ หลายครั้ง และเป็นอีกเกมที่เก็บชัยชนะได้แบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อยจนจบ 90 นาที
อาร์เซน่อล รักษาฟอร์มเยี่ยมในปี 2022 ด้วยชัยชนะ 9 จาก 11 นัดหลังสุดในลีก หรือเก็บไปได้ 28 คะแนนจาก 33 คะแนนเต็ม เป็นหนึ่งในทีมที่โกยคะแนนได้มากสุดในปีศักยราชใหม่นี้
เกมนี้ อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิงประตูทั้งหมด 21 ครั้งซึ่งเป็นเกมในบ้านนัดที่ 4 ติดต่อแล้วที่ได้ยิงถึง 20 ครั้งต่อนัด เป็นผลงานที่ต่างสิ้นเชิงกับ 30 นัดแรกที่ อาร์เตต้า คุมทีมลงเล่นในบ้านและมีเพียงนัดเดียวที่หาโอกาสยิงได้ถึง 20 ครั้ง
อาร์เตต้า พาทีมผ่านด่านแรกของช่วงโปรแกรมโหด 3 นัดใน 6 วันได้เยี่ยมด้วยการคว้า 3 คะแนนที่ทำให้อันดับในตารางดูดีมากๆ และได้ความมั่นใจก่อนเกมสำคัญและเป็นเกมยากที่สุดนับตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่กับ แมนฯ ซิตี้
"ลิเวอร์พูล"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT