ช่วงพิสูจน์หัวใจปืนใหญ่

อาร์เซน่อล แพ้เป็นนัดที่ 9 ของฤดูกาล และแพ้ในสกอร์ขาดลอยถึง 0-3 ไม่มีใครคาดคิดแน่นอนว่าจะเป็นไปได้

ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า แพ้ทั้งสกอร์ที่เกิดขึ้นและรูปเกมในสนามที่ คริสตัล พาเลซ ทำได้ดีกว่าชัดเจน เหนือกว่าในเรื่องความมุ่งมั่น ทีมเวิร์ก ความขยันในการเล่น และ "หัวใจ" ที่ห้าวหาญมากกว่า

ทีมปืนใหญ่จึงไม่สามารถทวงอันดับ 4 กลับคืนมาจาก สเปอร์ส แถมประตูได้-เสียเป็นรอง จาก 54 คะแนนที่เท่ากันในเวลานี้

ในโปรแกรมที่เหลือ อาร์เซน่อล ยังถือว่าได้เปรียบคู่ปรับตลอดกาลเพราะแข่งน้อยกว่า 1 นัด

แต่ในรายละเอียดหลายอย่างต้องยอมรับว่าโมเมนตัมตอนนี้เริ่มเหวี่ยงไปทางไก่เดือยทองบ้างแล้ว 

อาร์เซน่อล เสียอันดับ 4 ให้ สเปอร์ส หลังจบนัดล่าสุด และประตูได้-เสียที่ปืนใหญ่เคยดีกว่า 2 ประตู กลับกลายเป็นทีม สเปอร์ส พลิกมาดีกว่า 5 ประตู

ความเสียหายลำดับต่อมาคือ อาการบาดเจ็บ

มิเกล อาร์เตต้า เจอข่าวร้ายตั้งแต่ก่อนเกมที่ คีแรน เทียร์นีย์ แบ็กซ้ายทีมชาติสกอตแลนด์เจ็บหัวเข่า ทำให้ลงช่วยทีมไม่ได้ จากนั้นมีการยืนยันในเวลาต่อมาว่าต้องเข้ารับการผ่าตัด และน่าจะพักยาวตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้

นูโน่ ตาวาเรส แบ็กซ้ายดาวรุ่งที่ได้เป็นตัวจริงแทนยังทำผลงานไม่ดีและถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่จบ 45 นาทีแรก

เท่านั้นไม่พอ ท้ายเกม โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางคนสำคัญที่ฟอร์มดีขึ้นมาในปี 2022 ก็มาเจ็บเพิ่มไปอีกราย

อาร์เซน่อล เพิ่งระบุล่าสุดว่า ปาร์เตย์ บาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย ต้องรอประเมินอาการเพิ่มเติมในอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ และต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

สโมสรไม่ได้ระบุว่าจะกลับมาลงเล่นได้อีกครั้งเมื่อไหร่ แต่มีโอกาสสูงมากที่จะ "พักยาว" ไปอีกราย

แพ้ยับนัดล่าสุด และมีสองผู้เล่นสำคัญบาดเจ็บหนัก ทำให้สถานการณ์ของทีมพลิกผันในทันที

จากตอนแรกที่เป็นตัวเต็งสำหรับการจบท็อปโฟร์ แถมได้ลุ้นถึงอันดับ 3 เนื่องจาก เชลซี สะดุดรอหลังแพ้คายับคาบ้านต่อน้องใหม่เบรนท์ฟอร์ด กลายเป็นว่าตอนนี้หล่นมาอยู่อันดับ 5 และมีคำถามเกิดขึ้นอีกครั้งกับช่วงที่เหลือของฤดูกาล

ไล่เรียงโปรแกรมที่เหลือ อาร์เซน่อล เจองานหนักกว่า สเปอร์ส ตรงที่ต้องไปเยือน เชลซี และ เวสต์แฮม ที่อยู่ในกลุ่มลุ้นตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน รวมถึงไปเยือน สเปอร์ส ในเกมที่อาจเดิมพันอันดับ 4 โดยตรง 

นอกจากนี้ก็ยังมีเกมในบ้านรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กลับมามีลุ้นท็อปโฟร์อีกครั้งหลังความปราชัยของปืนใหญ่

โปรแกรมหนักมากทีเดียว ขณะที่ปัญหาตัวเจ็บก็เป็นโจทย์ที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องคิดหนักไม่น้อยในการหาทางออก

เทียร์นีย์ พักยาวไปแล้ว ส่วน ตาวาเรส ยังไม่สามารถทดแทนได้ อาร์เตต้า แก้ปัญหานัดล่าสุดด้วยการถอย กรานิต ชาก้า ไปยืนแบ็กซ้ายชั่วคราว

ในบางนัด หรือบางช่วงเวลาระหว่างเกม ชาก้า รับหน้าที่แทนได้ แต่หากต้องยืนแบ็กซ้ายตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาลอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีนักเพราะไม่ใช่ผู้เล่นที่มีความคล่องตัว และเจอปัญหาแน่นอนกับการรับมือตัวรุกริมเส้นที่มีความเร็ว 

แถมการต้องโยกไปเล่นแบ็กซ้ายก็เท่ากับเสียผู้เล่นแดนกลางไปหนึ่งคนซึ่ง ชาก้า ก็เป็นตัวหลักที่เล่นคู่กับ ปาร์เตย์ มาโดยตลอด

แน่นอนว่ายิ่งเมื่อ ปาร์เตย์ บาดเจ็บไปอีกราย ตรงกลางยิ่งเสียหายหากต้องขยับ ชาก้า ไปเล่นแบ็กซ้ายอีก ดังนั้น อาร์เตต้า จำเป็นต้องยึด ชาก้า เป็นตัวหลักแดนกลางต่อไป และเลือกคนอื่นมาเล่นร่วมกันซึ่งสำรองตอนนี้มี แซมบี้ โลคองก้า กับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่

ส่วนตำแหน่งแบ็กซ้าย ตัวเลือกแรกที่ทดแทน เทียร์นีย์ ก็คือ ตาวาเรส แต่หาก อาร์เตต้า ยังมองว่าไม่น่าไว้วางใจก็อาจต้องหาทางเลือกอื่น

บูคาโย่ ซาก้า ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ เคยถูกถอยมาเล่นแบ็กซ้ายในอดีต แต่นั่นก็เท่ากับจะเสียตัวรุกดีๆ ไปหนึ่งคนซึ่ง ซาก้า เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำผลงานดีสุดในฤดูกาลนี้ และควรเป็นแกนหลักในแนวรุกต่อไป

หรืออีกทางเลือกคือ ปรับมาเล่นหลังสามด้วยการส่ง ร็อบ โฮลดิ้ง ลงมายืนเป็นหนึ่งสามเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส และ เบน ไวท์

ระบบนี้อาจเอื้อต่อ ตาวาเรส ในการเล่นวิงแบ็กมากกว่าเพราะเป็นนักเตะที่เติมเกมรุกได้ดี และในเวลาที่หลุดตำแหน่งก็ยังมีสต็อปฝั่งซ้ายซึ่งแท็กติกนี้คือ กาเบรียล ขยับไปซ้อนได้ และอาจรวมถึง กรานิต ชาก้า ที่มักถ่างออกไปยืนเหมือนแบ็กซ้ายในเวลาที่ทีมเซตเกม 

แต่หากต้องเล่นระบบนี้ วิงแบ็กฝั่งขวาจะให้ใครเล่นกลายเป็นคำถามขึ้นมาทันทีเพราะ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ แบ็กขวาทีมชาติญี่ปุ่นยังไม่กลับมา อย่างน้อยๆ ต้องรออีกราว 2-3 สัปดาห์ ส่วน เซดริก โซอาเรส ก็อาจไม่มีคุณภาพมากพอที่จะวิ่งขึ้น-ลงได้

ซาก้า จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับตำแหน่งวิงแบ็กขวาเพราะปกติเล่นตัวรุกฝั่งขวาอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานกาณณ์เช่นนี้ก็อาจถูกปรับวิธีการเล่นเพื่อช่วยเกมรับไปด้วย 

สองตำแหน่งสำคัญนี้กลายเป็นโจทย์สุดหินที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องแก้ให้ได้เพื่อเป้าหมายท็อปโฟร์

ความปราชัยล่าสุดและการเสียผู้เล่นแกนหลักไปพร้อมๆ กันถึงสองราย กระตุกความมั่นใจของ อาร์เซน่อล ลงไปพอสมควร แถมเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญที่เหมือนโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน

ถือเป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์หัวใจแข้งปืนใหญ่อย่างแท้จริงว่าจะผ่านไปได้ หรือดีพอสำหรับการกลับไปเล่นในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งได้หรือไม่