เกมใหญ่ใจไม่สู้
ไก่เดือยทองควรยิงชนะ 4-5 ลูกด้วยซ้ำจากโอกาสทองมากมายที่เกิดขึ้น นั่นทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามอีกครั้งว่าทำไมปืนใหญ่จึงเล่นได้น่าผิดหวังในเกมเยือนทีมกลุ่มนำด้วยกัน
ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล บุกชนะทีมท็อปซิกซ์เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วในเกมบุกอัด แมนฯ ซิตี้ 2-0
แต่จากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาไม่สามารถสู้กับทีมกลุ่มนำด้วยกันได้แบบสูสีในเกมเยือน เต็มที่คือยันเสมอแบบเต็มกลืนและต้องอุทานหลังเกมว่า "รอดได้ไง"
น่าเหลือเชื่อไม่น้อยเพราะขนาดทีมเล็ก ทีมท้ายตาราง หรือน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมายังมีวันของตัวเองที่เคยบุกล้มยักษ์ในช่วงเวลา 3 ปีหลังที่ผ่านมา แต่ปืนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มนี้กลับทำไม่ได้ แถมยังโดนล่อเป้าแทบเสียผู้เสียคน
อาร์แซน เวนเกอร์ ในฐานะโค้ชคือคนแรกที่ต้องรับผิดชอบกับผลงานที่ออกมา และเจาะลงไปในหลายจุดเราจะพบว่าคุณภาพที่เคยมีขาดหายไป
ปัญหาแรกคือ ไม่มีตัวตัดเกมชั้นดี ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ เวนเกอร์ ไม่เคยแก้ไขและมองข้ามความสำคัญมาตลอดหลายปีหลัง
โกเกอแล็ง เคยทำได้ดีในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2014/15 แต่พอเจ็บหนักไปก็กลับมาไม่เหมือนเดิม สุดท้ายโดนปล่อยออกไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
กรานิต ชาคา ไม่ใช่คำตอบในตำแหน่งนี้ มิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์คิดช้าทำช้า และเอาตัวรอดในพื้นที่แคบไม่เก่ง และที่สำคัญคือ เขาไม่ใช่กลางรับธรรมชาติแต่ถูกวางให้เหมือนทำหน้าที่ตรงนี้
โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ก็ได้ตามสภาพ เขาดีพอเป็นอะไหล่ในทีม และเป็นตัวจริงในบางนัดกับเกมเจอคู่แข่งที่ไม่หนักมาก แต่เกมกับสเปอร์สแบบนี้ทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว ความขยันอย่างเดียวยังไม่พอ
แฮร์รี่ เคน หาโอกาสต่อเนื่องจนเข้าจุดโฟกัส
เมื่อไม่มีตัวตัดเกมชั้นดีที่คอยเข้าปะทะหนักๆ เพื่อเบรกเกมรุกคู่แข่งก่อนชั้นแรก กองหลังก็ต้องเจองานหนัก เหมือนคนยืนพิงเชือกได้แต่ตั้งการ์ดป้องหมัดซึ่งไม่ช้าก็เร็วก็ต้องโดนเข้าสักหมัดจังๆ
พอแดนกลางไม่สามารถรับมือคู่แข่งได้ จุดอื่นก็ง่อยกินตามไปด้วยเพราะพื้นที่สำคัญโดนตีแตก จะช่วยเกมรับก็ไม่ได้ จะหนุนเกมรุกก็ไม่รู้จะทำยังไง
ปัญหาต่อมาคือเซตเกมจากแนวรับไม่ได้ซึ่งผลกระทบต่อเนื่องจากการขาดตัวตัดเกมตรงกลางทำให้เกมรุกคู่แข่งบุกถึงแแผงหลังได้ง่าย
เอาแค่ทำหน้าที่หลักในการป้องกันยังลำบาก การจะไปเซตเกมเพื่อทำเกมรุกตั้งแต่แดนตัวเองจึงยิ่งยากไปกันใหญ่
โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กับ ชโคดราน มุสตาฟี่ ผลงานตกลงไปมาก จ่ายบอลขึ้นหน้าพลาดบ่อยครั้ง ขณะที่ ชาคา และ เอลเนนี่ ก็ไม่ตื่นตัวมากพอที่จะรับบอล ตัวเลือกยิ่งน้อยลง
เท่านั้นไม่พอ ปีเตอร์ เช็ก ยังทำตัวเหมือนนักเตะดาวรุ่งที่เพิ่งมีประสบการณ์ในเกมใหญ่ อดีตนายทวารเชลซีตัดสินใจพลาดในหลายจังหวะ จะเตะเปิดโด่งหรือจ่ายสั้นให้เพื่อนไม่มีใครเดาได้เลย
เกมนี้พลาดอีกครั้งที่เตะโดนเท้า เดเล่ อัลลี่ ดื้อๆ ทั้งที่ตัวรุกสเปอร์สวิ่งไล่บอลตรงเกือบสุดเส้นหลัง แต่ เช็ก ก็ยังจะจ่ายย้อนคืนให้ มุสตาฟี่ มุมนั้นอีก เกมกับสวอนซีก็พลาดเต็มดอกมาแล้วที่จ่ายเข้าทาง จอร์แดน อายิว แบบไม่น่าเชื่อ
อาร์เซน่อลมีปัญหาตลอดเมื่อเจอทีมที่เล่นเพรสซิ่งได้ดี วิ่งไล่บีบในทุกจังหวะ เมื่อถูกกดดันถูกจี้เข้าหาตัวเร็วก็ออกอาการ "ลั่น" จนเสียบอลกันง่ายดาย หรือไม่ก็จ่ายแบบมั่วซั่วให้พ้นๆ ตัว สุดท้ายเสียการครองบอล
แดนกลางอาร์เซน่อลแก้เพรสซิ่งไม่ได้เลย
เดิมที ผู้เล่นอย่าง ซานติ กาซอร์ล่า เอาตัวรอดในจังหวะแบบนี้ได้ดีมากเพราะเมื่อจวนตัวก็ปล่อยบอลออกไป ไม่ยึกยักให้คู่แข่งถึงตัว
แต่เมื่อ กาซอร์ล่า เจ็บยาวก็ไม่มีใครในทีมที่ทำให้ไม่ต้องพะวงเมื่อเจอเกมเพรสซิ่งของคู่แข่ง เพราะทั้ง ชาคา หรือแม้แต่ อารอน แรมซี่ย์ กลับเสียเวลาครองบอลแบบไม่จำเป็น เมื่อโดนฉกจากเท้าก็กลายเป็นโดนโต้กลับจนถึงขั้นเสียประตูในทันที
เช่นเดียวกับแนวรับที่ประสบการณ์ของหลายคนไม่ได้ช่วยอะไรมาก ขนาด ปีเตอร์ เช็ก ยังพลาดในหลายนัดเมื่อเจอกองหน้าที่ขยันหน่อยไล่บีบถึงตัว
ทำไมอาร์เซน่อลถึงง่อยเปลี้ยเสียขาตลอดในเกมเยือนทีมกลุ่มท็อปซิกซ์ ปกติแล้วคนเราต้องรู้จักนำบทเรียนมาแก้ไขตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง
ผลงานเกมเยือนอาร์เซน่อลที่ชนะแค่ 7 จาก 26 นัดหลังสุดในลีก
แต่สำหรับทีมของ เวนเกอร์ กลับเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกนับสิบครั้ง เกมกับสเปอร์สมีโอกาสยิงตรงกรอบครั้งเดียวจากลูกยิงไกลของ แจ็ค วิลเชียร์ ที่เหลือแทบไม่ได้สร้างปํญหาให้ อูโก้ โยริส จนกระทั่งท้ายเกมที่ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ หลุดไปยิงแต่ก็ตวัดบอลหลุดกรอบอีก
เวนเกอร์ พยายามเน้นเกมรับให้แน่นด้วยการส่ง โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กับ แจ็ค วิลเชียร์ ลงมาช่วย กรานิต ชาคา ในแดนกลางแทนที่ อารอน แรมซี่ย์ ที่เจ็บ และ อเล็กซ์ อีโวบี้ หลุดเป็นสำรอง
เหมือนเป็นการจัดตัวที่รัดกุม แต่เล่นจริงก็เหมือนเดิมคือทำเกมเพื่อสร้างโอกาสไปถึงแดนหน้าไม่ได้ แดนกลางตกเป็นรองสเปอร์สชัดเจน เอาแค่การครองบอลของ มุสซ่า เดมเบเล่ ก็กินขาดแล้ว เสียบอลยากมาก
สเปอร์ส ส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งโดยเฉพาะจังหวะเข้าโจมตีของ แฮร์รี่ เคน แต่แนวรับอาร์เซน่อลก็เอาไม่อยู่ แถมริมเส้นก็ปิดการเปิดบอลของเจ้าถิ่นไม่ได้อีก
ปืนใหญ่ ใช้จังหวะในการต่อบอลมากไป บางจังหวะควรแทงทะลุขึ้นหน้าเข้าเขตโทษไปเลยแต่ก็ติดนิสัยป้ายออกข้าง นอกจากนี้ยังเป็นบอล "มิติเดียว" ที่ถูกจับทางได้ง่าย เริ่มเกมมาไม่ทันไรก็โดนอ่านออกทันที
เกมแบบนี้ โอกาสยิงประตูไม่ได้มีมาก แต่เมื่อมีแล้วต้องเฉียบขาดและได้ลุ้นมากกว่านี้
อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ทิ้งโอกาสที่มีอันน้อยนิด
ในเวลาไม่กี่เดือน เวนเกอร์ ทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรถึง 2 ครั้งในการดึง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ มาร่วมทีม แต่ไม่มีใครยิงบอลตรงกรอบสเปอร์สได้เลย
ลากาแซตต์ ขาดความั่นใจไปเยอะในช่วง 2 เดือนหลังที่ยิงได้เพียงประตูเดียว ขณะที่ โอบาเมย็อง ก็ยังต้องให้เวลาปรับตัว นัดแรกกับเอฟเวอร์ตันหากไม่หลุดล้ำหน้าไปยิงลูกนั้นก็แทบไม่มีส่วนใดๆ กับ เกม
นี่คือปัญหาที่ เวนเกอร์ ต้องรีบแก้เพราะมีกองหน้าค่าตัวรวมกันเกินหนึ่งร้อยล้านปอนด์แบบนี้ แฟนบอลก็ต้องคาดหวังถึงประสิทธิภาพในการยิงประตูไว้พอสมควร
เมื่อปัญหาเก่าทั้งหลายทั้งปวงกำเริบขึ้นมาอีกในเกมเยือนทีมใหญ่ ความหวังใหม่ที่เพิ่งทำให้แฟนบอลคึกคักจากเกมกับเอฟเวอร์ตันเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ช่วยอะไรไม่ได้
เวนเกอร์ ดึง เฮนริค มคิทาร์ยนาน และ โอบาเมย็อง เข้ามาทดแทน อเล็กซิส ซานเชซ และอีกหลายคนเมื่อปรับแต่งเกมรุกใหม่ แต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะ ไม่ใช่แก้ปัญหาหมักหมมที่มีอยู่
เมื่อ 4-5 จุดอ่อนเป็นรองคู่แข่ง อดีตคู่หูดอร์ทมุนด์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แทบไม่มีบทบาทในเกมโดยเฉพาะ โอบาเมย็อง ที่สัมผัสบอลในเขตโทษสเปอร์สเพียง 2 ครั้งซึ่งไม่ได้ยิงหรือง้างเท้าใดๆ ทั้งสิ้น
อาการปืนใหญ่ที่มัก "แพ้เกมใหญ่" จึงไม่สามารหายได้เพียงแค่เอายามาทาเพราะมันเละเทะไม่ต่างจากแผลเน่าที่ต้องผ่าตัดอย่างเดียวเท่านั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT