กาเบรียล เชซุส ตอบโจทย์ปืนอย่างไร ?
เชซุส ถือเป็นแข้งใหม่ที่เข้าข่าย "บิ๊กเนม" มากสุด ต่างจากรายอื่นที่ยังไม่มีชื่อเสียงมากนักโดยเฉพาะ แมตต์ เทอร์เนอร์ ผู้รักษาประตูชาวอเมริกัน และ มาร์กินญอส ปีกดาวรุ่งชาวบราซิเลียน ขณะที่ ฟาบิโอ วิเอร่า ตัวรุกโปรตุกีส แม้เริ่มสร้างชื่อมาตลอดสองปีหลังแต่ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในลีกใหญ่
อาร์เซน่อล ยอมทุ่มเงินมากถึง 45 ล้านปอนด์ ดึงตัว เชซุส มาร่วมทีม หลังเจ้าตัวเหลือสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ เพียงปีเดียว และหากอยู่ในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ต่อไป ก็อาจได้ลงเล่นน้อยกว่าเดิมเพราะการมาของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เครื่องจักรถล่มประตูรายใหม่
ดาวยิงวัย 25 ปี จึงตัดสินใจย้ายทีม และลงเอยกับ "ปืนใหญ่" ที่วางภารกิจสำคัญสุดในการเสริมทัพเพื่อสู้ศึกฤดูกาล 2022/23 อยู่ที่ "กองหน้า" หลังปล่อยสองจอมเก๋า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ออกจากทีมในตลาดสองรอบล่าสุด
ทำไม อาร์เซน่อล ต้องเลือก กาเบรียล เชซุส ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าวกับดาวยิงทั่วยุโรปนับสิบราย ? คำตอบทั้งหมดอยู่ตรงนี้
1. มิเกล อาร์เตต้า รู้จักฝีเท้าเป็นอย่างดี
อาร์เตต้า เคยร่วมงานกับ เชซุส ถึงสามปี ตอนทำงานเป็นผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนฯ ซิตี้ ก่อนย้ายมารับงานคุม อาร์เซน่อล ในปลายปี 2019
ดังนั้น อาร์เตต้า จึงรู้จักและคุ้นเคยในตัวดาวยิงแซมบ้ารายนี้พอสมควร รู้ว่าฝีเท้าและความสามารถเป็นอย่างไร สไตล์การเล่นเป็นแบบไหน รวมไปถึงทัศนคติซึ่งเป็นอีกสิ่งสำคัญในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
นอกจากนี้ เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคก็รู้จัก เชซุส พอสมควรเพราะนอกจากเป็นบราซิเลียนเหมือนกันแล้ว เอดู เองก็เคยทำงานเป็นผู้ประสานงานทั่วไปให้กับทีมชาติบราซิลระหว่างปี 2016 ถึง 2019 ก่อนโยกมาทำงานกับ อาร์เซน่อล
2. ไม่ต้องปรับตัวมาก
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กับการย้ายทีมของนักฟุตบอลคือการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ทั้งในและนอกสนาม บางคนล้มเหลวกับผลงานในสนามก็มีสาเหตุมาจากปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ไม่ได้
แต่การย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ มาร่วมทีม อาร์เซน่อล ไม่น่าทำให้ กาเบรียล เชซุส ต้องเจอปัญหามากนักในเรื่องนี้
เชซุส ยังได้เล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไปซึ่งตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา เขาก็ทำให้เห็นแล้วเล่นในอังกฤษได้สบาย เรื่องอาหารการกินก็คงคุ้นเคยไปนานแล้ว
อีกทั้งในทีม อาร์เซน่อล ยังมีความเป็นบราซิเลียนมากเป็นพิเศษเพราะนอกจาก กาเบรียล มากัลเญส และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ค้าแข้งอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมี มาร์กินญอส ที่เพิ่งมาใหม่อีกราย รวมถึง เอดู ที่เป็นเหมือนพี่ใหญ่ของก๊วนแซมบ้า
ภาพนี้จะเกิดขึ้นจริงในฤดูกาลหน้า
นอกจากนี้ นักเตะจากโปรตุเกสไม่ว่าจะเป็น เซดริก โซอาเรส, นูโน่ ตาวาเรส และตัวใหม่ ฟาบิโอ วิเอร่า ก็เป็นอีกกลุ่มที่ เชซุส ปรับตัวเข้าหาได้ง่ายเพราะใช้ภาษาโปรตุกีสอยู่แล้ว
ในอดีตที่ผ่านมา อาร์เซน่อล เป็นสโมสรที่นักเตะสายพันธุ์แซมบ้าย้ายมาเล่นด้วยหลายต่อหลายรายไล่ตั้งแต่ ซิลวินโญ่, เอดู, จิลแบร์โต้ ซิลวา, ฮวน, เดนิลสัน, ชูลิโอ บาปติสต้า, อันเดร ซานโต๊ส, กาเบรียล เปาลิสต้า, ดาวิด ลุยซ์, วิลเลี่ยน และอาจจะมี ราฟินญ่า ปีกตัวเก่งของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ทีมกำลังเดินหน้าเต็มตัวเพื่อดึงมาร่วมทีมให้ได้
3. สถิติไม่ธรรมดา
กาเบรียล เชซุส ลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งหมด 236 นัด ยิงได้ 95 ประตู และทำอีก 46 แอสซิสต์
หากนับตั้งแต่ประเดิมสนามในต้นปี 2017 สถิติยิง 95 ประตูในทีมก็เป็นรองเพียง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (113 ประตู) และ เซร์คิโอ อเกวโร่ (109 ประตู) จากช่วงเวลาเดียวกัน
เชซุส มีส่วนทุกความสำเร็จในช่วงเวลาที่ค้าแข้งกับทัพเรือใบไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, แชมป์ลีก คัพ 4 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย และแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ อีกสองสมัย ขาดเพียงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ได้แค่รองแชมป์
ผลงานในพรีเมียร์ลีก เชซุส ทำได้ 58 ประตูกับอีก 32 แอสซิสต์จาก 159 นัด ซึ่งถ้าเทียบกับนักเตะที่เคยลงเล่นพรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 2,000 นาที ดาวยิงวัย 25 ปีมีส่วนร่วมได้ประตู (ยิงและแอสซิสต์) มากเป็นอันดับ 7 ตลอดกาลที่ค่าเฉลี่ย 107 นาทีต่อหนึ่งประตู ส่วนสถิติดีสุดคือ เธียร์รี่ อองรี อดีตดาวยิง อาร์เซน่อล ที่มีส่วนร่วมหนึ่งประตูในทุกๆ 85.6 นาที
ค่าเฉลี่ยราวๆ 1 ประตูต่อ 3 นัดในพรีเมียร์ลีก อาจดูไม่มากนัก แต่อย่าลืมว่ามาจากการเป็นตัวจริง 99 นัด (53 ประตู) และลงสำรองอีก 60 นัด (5 ประตู)
ความน่าสนใจในสถิติ 58 ประตูในลีกของ เชซุส คือ มาจากการยิงในเขตโทษทั้งหมด ไม่มีนอกเขตโทษเลย ตรงนี้น่าจะทำให้ อาร์เตต้า ได้จิ๊กซอว์ที่ต้องการเสียทีหลังทีมมีปัญหาในเรื่องจบสกอร์ทั้งที่สร้างโอกาสได้ไม่น้อย
4. พร้อมทำทุกอย่างเพื่อทีม
นอกจากสถิติการทำประตูและแอสซิสต์ที่น่าพอใจแล้ว อีกสิ่งที่ กาเบรียล เชซุส ทำได้ดีคือการเล่นตามแท็กติกของโค้ชและมีความเป็นมืออาชีพ เรียกได้ว่าพร้อมทำทุกอย่างเพื่อทีม
ในหลายต่อหลายครั้ง เขาถูก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โยกไปเล่นด้านข้าง แต่ก็ไม่เคยอิดออดและทำหน้าที่ตามคำสั่งเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการต้องนั่งสำรองบ่อยครั้ง
"กาเบรียล มีบางอย่างที่พิเศษ เขาเป็นนักสู้และช่วยเราได้มากในหลายเหตุผล เขายิงประตูได้ และยังเป็นนักเตะสำคัญของทีม" เป๊ป เคยกล่าวชมเอาไว้
เชซุส เป็นผู้เล่นเกมรุกโดยธรรมชาติ แต่ก็พร้อมช่วยเกมรับเพราะมีความขยันในการวิ่งไล่เพรสซิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ อาร์เซน่อล ต้องการเพื่อกดดันการออกบอลจากแนวรับคู่แข่ง เหมือนเช่นที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ทำได้ดีในท้ายฤดูกาลที่แล้ว
5. เป็นตัวเลือกที่เหมาะสุดสำหรับ เชซุส ด้วย
ด้วยการที่ปลายปีนี้มีฟุตบอลโลก 2022 รออยู่ การย้ายทีมเป็นเรื่องที่นักตะคิดหนักไม่น้อยเพราะกลัวทำผลงานกับทีมใหม่ไม่ดีและอาจส่งผลต่อตำแหน่งในทีมชาติ
แต่ในอีกมุม หลายคนก็เลือกที่จะไปเริ่มต้นกับทีมใหม่ที่มีโอกาสลงสนามมากขึ้นเพื่อทำผลงานจนติดทีมชาติไปลุยบอลโลกที่ประเทศกาตาร์ ส่วนบางคนที่อยู่ในทีมชาติอยู่แล้ว ก็ยังมีความจำเป็นต้องให้ได้ดีในระดับสโมสรเพื่อให้ตำแหน่งในทีมมั่นคงมากขึ้นซึ่ง กาเบรียล เชซุส น่าจะเป็นในกลุ่มนี้ด้วย
ข้อดีในการย้ายมา อาร์เซน่อล คือ เชซุส สามารถยึดตัวจริงได้ยาวๆ เลยหากทำผลงานได้ดี ต่างจากที่ แมนฯ ซิตี้ ซึ่ง เป๊ป โรเตชั่นนักเตะบ่อยกว่า นัดนี้ทำแฮตทริกได้ แต่นัดหน้าก็อาจถูกดร็อปเป็นสำรอง
สถิติดีมากในการเป็นตัวจริง
สไตล์การทำทีมของ อาร์เตต้า มักให้โอกาสคนที่ทำได้ดี ลงเล่นต่อเนื่อง เหมือนท้ายฤดูกาล่าสุดที่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยึดตัวจริงได้
เชซุส มีสถิติเฉลี่ยยิงหนึ่งประตูต่อการเล่น 152 นาทีในลีกซึ่งดีกว่าการลงเป็นสำรองที่ค่าเฉลี่ยคือ 248 นาทีต่อหนึ่งประตู หากรักษามาตรฐานตรงนี้เอาไว้ได้ ตำแหน่งตัวจริงใน อาร์เซน่อล คงไม่หลุดมือไปไหน และนั่นย่อมส่งผลดีถึงตำแหน่งในทีมชาติบราซิลด้วย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT