:::     :::

เริ่มต้นเส้นทางยูโรปา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังห่างหายไปหนึ่งฤดูกาลเต็ม อาร์เซน่อล ได้หวนคืนเวทียุโรปอีกครั้งในรายการ "ยูโรปา ลีก" ที่เริ่มต้นด้วยการชัยชนะตามเป้า

ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล ไม่ได้เล่นในถ้วยยุโรปหลังจบเพียงอันดับ 8 ในฤดูกาล 2020/21 และไม่ได้แชมป์บอลถ้วยใดๆ เป็นการพลาดตั๋วยุโรปครั้งแรกในรอบ 25 ปี

แต่จากการจบอันดับ 5 ในฤดูกาลล่าสุด มิเกล อาร์เตต้า จึงพาทีมกลับมาตะลุยยุโรปอีกครั้ง 

ทีมปืนใหญ่ที่ถูกมองว่าอยู่ในกลุ่มตัวเต็งลุ้นแชมป์ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ ได้อยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น จากฮอลแลนด์, เอฟซี ซูริค จากสวิตเซอร์แลนด์ และ โบโด กลิมท์ จากนอร์เวย์

นัดแรก ทีมของ อาร์เตต้า ต้องไปเยือน ซูริค แต่ไม่ได้เล่นที่สนามเล็ตซิกรุนด์รังเหย้าของเจ้าถิ่นที่ติดจัดคอนเสิร์ตและแข่งกีฬา ทำให้ต้องโยกไปใช้งานสนามของ เซนต์ กัลเลน ที่อยู่อีกเมือง 

อาร์เตต้า ปรับทีม 7 ตำแหน่งจากเกมลีกล่าสุดเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวหลักบางรายได้พัก ซึ่งก็เหมือนกับการลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก ในหลายฤดูกาลก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ หรือ อูไน เอเมรี่

4 ตัวจริงจากเกมลีกล่าสุดที่ได้ลุยต่อไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล มากัลเญส, กรานิต ชาก้า, แซมบี้ โลคองก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เป็นการลงเล่นเพื่อไม่ให้ทีมเสียสมดุลมากเกินไป และเป็นไปตามสภาพความพร้อมของทีม

กาเบรียล มากัลเญส ที่เป็นเซนเตอร์ถนัดซ้ายคนเดียวในตอนนี้ มีความเหมาะสมมากกว่า วิลเลี่ยม ซาลีบา สำหรับการเล่นร่วมกับ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่ถนัดขวา ส่วน ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ กับ คีแรน เทียร์นีย์ ต้องลงโดยอัตโนมัติเพื่อให้ เบน ไวท์ กับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ได้พัก เช่นเดียวกับ แมตต์ เทอร์เนอร์ นาทวารคนใหม่ประเดิมเฝ้าเสาแทน อารอน แรมส์เดล

มิดฟิลด์คู่กลางเป็น 'ภาคบังคับ' ต้องเข็น ชาก้า กับ แซมบี้ ลงต่อไปเพราะ โธมัส ปาร์เตย์ กับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ บาดเจ็บ เช่นเดียวกับตัวรุกฝั่งซ้ายที่ เอมิล สมิธ โรว์ ซึ่งควรได้ลงในเกมยุโรปก็ดันมาเจ็บช่วงวอร์มหลังเกมลีกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาร์ติเนลลี่ จึงต้องรับหน้าที่ควบตะลุย


ชุดยูโรปานัดแรกที่เปลี่ยน 7 ตำแหน่งจากเกมลีก

อีก 3 ตำแหน่งในเกมรุกเป็นไปตามคาด เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่เป็นสำรองเกมลีกตลอด 6 นัดแรก ได้เล่นแทน กาเบรียล เชซุส ขณะที่ ฟาบิโอ วิเอร่า เสียบตำแหน่งของ มาร์ติน โอเดการ์ด และตัวรุกฝั่งขวาเป็นโอกาสของ มาร์กินญอส ปีกดาวรุ่งตัวใหม่ได้เล่นแทน บูคาโย่ ซาก้า

แม้เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่ง แต่ขุมกำลังของ อาร์เซน่อล ยังดูเหนือกว่าเจ้าถิ่นพอสมควร พวกเขาใช้เวลาปรับจังหวะการเล่นไม่นานก็เป็นฝ่ายคอนโทรลเกมได้ 

แต่จังหวะได้ประตูนำเป็นการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่เล่นจังหวะโต้กลับอย่างเฉียบคมเด็ดขาด ฟาบิโอ วิเอร่า แทงทะลุยาวขึ้นทางซ้ายให้ เอ็นเคเทียห์ ควบแล้วเปิดแฉลบเข้าไปหน้าประตู มาร์กินญอส ที่วิ่งมาตั้งแต่หน้าเขตโทษตัวเอง ยิงด้วยขวาเข้าไปไม่พลาด

ประตูนี้ไม่เพียงทำให้ อาร์เซน่อล ออกนำ แต่ยังเป็นประตูแรกของ มาร์กินญอส ที่มีความหมายกับเจ้าตัวมากๆ นัดนี้คือการประเดิมสนามครั้งแรก ปีกดาวรุ่งจากเซา เปาโล ใช้เวลาเพียง 16 นาทีก็ยิงประตูได้เลย 

สำหรับนักเตะดาวรุ่งโนเนมที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเผชิญชีวิตใหม่ไกลถึงยุโรป การเริ่มต้นนัดแรกพร้อมยิงประตูได้เลยเป็นเหมือนฝันจริงๆ ไม่แปลกที่เจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาระหว่างฉลองประตู

อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายต่อบอลทำเกมรุกได้ต่อเนื่องมากกว่า ส่วนโอกาสของเจ้าถิ่นส่วนใหญ่มาจากความผิดพลาดในเกมรับปืนใหญ่เองไม่ว่าจะเป็น เทอร์เนอร์ เปิดบอลไม่ดี รวมถึง เอ็นเคเทียห์ ที่ลงไปช่วยเกมรับแต่กลายเป็นเตะทำฟาวล์จนเสียจุดโทษ

ปืนใหญ่ที่เหนือกว่าทุกอย่างโดยเฉพาะการครองบอล 3 ใน 4 และผ่านบอลสำเร็จมากกว่าเจ้าถิ่นถึง 5 เท่า จึงจบ 45 นาทีแรกที่สกอร์ 1-1 เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น 

ในครึ่งหลัง อาร์เซน่อล โหมลุยต่อเหมือนเดิม และใช้เวลาไม่นานในการขึ้นนำอีกรอบ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สามารถแก้ตัวโหม่งประตูให้ทีมได้ ขณะที่คนเปิดบอลให้อย่างเหมาะเจาะคือ มาร์กินญอส 

กลายเป็นว่าสองประตูของ อาร์เซน่อล มาจากการสลับหน้าที่กันระหว่าง เอ็นเคเทียห์ และ มาร์กินญอส ที่ผลัดกันยิง ผลัดกันจ่าย 


มาร์กินญอส ประเดิมสนามได้ยอดเยี่ยม

ก่อนเข้าสู่ 20 นาทีสุดท้าย อาร์เตต้า ส่งตัวหลักลงไปกดเจ้าถิ่นเพิ่มไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด, บูคาโย่ ซาก้า และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ รวมไปถึง กาเบรียล เชซุส ที่ลงใน 12 นาทีสุดท้าย

4 ตัวหลักที่ลงเป็นสำรองช่วยให้เกมของ อาร์เซน่อล ขึงใส่เจ้าถิ่นได้อยู่หมัดยิ่งขึ้น เพียงแต่ว่าไม่สามารถส่งบอลตุงตาข่ายได้อีก ทำให้เอาชนะไปในสกอร์เฉียดฉิว 2-1 

แม้ไม่ได้ยิงชนะขาดลอย แต่การเก็บชัยชนะได้ตามเป้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นเรื่องดีเสมอโดยเฉพาะการลงเล่นนัดแรก

อาร์เซน่อล ไม่ได้ส่งชุดใหญ่เต็มอัตราศึก การเอาตัวรอดและได้ผลการแข่งขันที่ต้องการเพื่อให้อยู่ในโอกาสที่ดีสำหรับเข้ารอบน็อกเอาต์คือสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า พิจารณาเป็นอย่างดีเอาไว้แล้ว 

ตลอด 6 นัดในลีก อาร์เตต้า ใช้งานตัวหลักแทบไม่เปลี่ยน ดังนั้นจึงควรเป็นช่วงเวลาที่ให้บางคนได้พักบ้าง ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กลุ่มสำรองและดาวรุ่งที่ยังไม่ได้ลงเล่นมากนักในลีก ได้ลงไปโชว์ฝีเท้าในบอลยุโรป

ตัวหลักหลายคนในทีมชุดปัจจุบันโดยเฉพาะ ซาก้า, สมิธ โรว์ หรือ มาร์ติเนลลี่ ต่างล้วนไต่เต้าและเก็บประสบการณ์ช่วงแรกในยูโรปา ลีกมาก่อน ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาของ ฟาบิโอ วิเอร่า, มาร์กินญอส และ แมตต์ เทอร์เนอร์ 

ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์เตต้า เริ่มเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บตามเล่นงานไม่ว่าจะเป็น ปาร์เตย์ กับ  เอลเนนี่ รวมไปถึง รีสส์ เนลสัน ที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่ เอมิล สมิธ โรว์ กับ เซดริก โซอาเรส ที่เจ็บเพิ่ม ดังนั้นจึงไม่ควรเสี่ยงให้ตัวหลักบาดเจ็บมากไปกว่านี้ 

ด้วยโปรแกรมพรีเมียร์ลีกในสุดสัปดาห์นี้ที่มีโอกาสเลื่อนการแข่งขันออกไปหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โปรแกรมหลังจากนี้จะยิ่งถี่กว่าเดิมเพราะเดิมทีก็อัดแน่นเต็มพิกัดอยู่แล้วก่อนถึงฟุตบอลโลก 2022 ที่จะเริ่มในกลางเดือนพฤศจิกายน

การเล่นในรอบแบ่งกลุ่มของ อาร์เซน่อล ควรให้ความสำคัญกับผลการแข่งขันเอาไว้ก่อน ไม่ใช่เอนเตอร์เทนแฟนบอลด้วยผู้เล่นตัวหลักมากจนเกินไป

พาตัวเองเข้ารอบไปให้ได้ก่อน จากนั้นค่อย "ปล่อยของ" ให้เต็มที่ในรอบน็อกเอาต์ดีกว่า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด