งานยังไม่จบ
ความปราชัยนัดแรกในรอบ 10 นัดหลังสุดไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับหลายคนเพราะเริ่มเห็นสัญญาณเตือนมาสักพักในช่วงหลัง
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมเบียดชนะคู่แข่ง 1-0 ได้สามนัดติดต่อกัน ตามด้วยหลุดเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 ก่อนล่าสุดจะแพ้เป็นนัดแรกนับตั้งแต่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อต้นเดือนกันยายน
4-5 นัดที่ผ่านมา ผลงานของ อาร์เซน่อล ดร็อปลงต่อเนื่อง ไม่สามารถคอนโทรลได้อย่างเคยและเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
อาร์เซน่อล สมควรแพ้ต่อ พีเอสวี และเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่ทำประตูไม่ได้
อาร์เตต้า จัดทีมเน้นพอสมควรเปลี่ยนเพียง 5 ตำแหน่งจากเกมลีกล่าสุด เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, ฟาบิโอ วิเอร่า, แซมบี้ โลคองก้า, คีแรน เทียร์นีย์ และ ร็อบ โฮลดิ้ง ได้โอกาสลงตัวจริง
ตำแหน่งผู้รักษาประตูต้องใช้มือหนึ่งอย่าง อารอน แรมส์เดล ลงเล่นยูโรปานัดแรกเพราะ แมตต์ เทอร์เนอร์ ที่ลงตัวจริงตลอด 4 นัดแรก บาดเจ็บโคนขาหนีบ
ในหลายนัดช่วงหลังที่ฟอร์มเริ่มฝืด การเล่นของ อาร์เซน่อล จะดร็อปลงในช่วงใดช่วงหนึ่งโดยเฉพาะครึ่งหลังที่เหมือนหมดแรง และเปิดโอกาสให้คู่แข่งมีฮึด
แต่เกมล่าสุดเป็น พีเอสวี ที่ทำได้ดีกว่าในหลายช่วงของเกมโดยเฉพาะจังหวะสุดท้ายในการลุ้นทำประตู
ในนัดแรกที่เจอกันสัปดาห์ก่อน พีเอสวี ของ รุด ฟาน นิสเตลรอย แทบเล่นเกมรุกไม่ได้ ตลอดทั้งเกมได้ลุ้นยิง 2 ครั้งที่ไม่ได้อันตรายนัก อาร์เซน่อล คุมเกมเหนือกว่าเหมือนบอลคนละเกรดและน่าจะยิงขาด 3-4 ประตู
ปืนใหญ่แพ้นัดแรกในรอบ 10 นัดหลังสุด
แต่นัดสองที่เนเธอร์แลนด์ วิธีการโจมตีของ พีเอสวี ค่อนข้างอันตรายและหวังผลได้มากขึ้นทั้งที่ครองบอลน้อยกว่าเหมือนเดิม พวกเขาส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่ โคดี้ กั๊กโป ปีกตัวเก่งหลุดเดี่ยวไปชิพบอลข้ามตัว แรมส์เดล ตุงตาข่ายแล้ว เพียงแต่ถูกจับล้ำหน้า
เช่นเดียวกับท้ายครึ่งแรกที่ ชาบี ซิมอนส์ ลุยแหวก ซาลีบา และ โฮลดิ้ง ก่อนยิงผ่าน แรมส์เดล แต่ถูกจับล้ำหน้าไปอีกครั้ง
อาร์เซน่อล มีปัญหาชัดเจนในการรับมือกับความคล่องตัวและความเร็วของ กั๊กโป และ ซิมอนส์ แถมในครึ่งหลัง ฟาน นิสเตลรอย ยังเพิ่มทางเลือกในแดนหน้าด้วยการส่ง ลุค เดอ ย็อง หัวหอกจอมเก๋าลงมาตั้งแต่เริ่มรีสตาร์ทเกม
การลงมาของ เดอ ย็อง ทำให้ พีเอสวี มีเป้าหลักสำหรับการส่งบอลปักรออยู่ข้างหน้า และอดีตหัวหอก เซบีย่า กับ บาร์เซโลน่า ก็เป็นซูเปอร์ซับให้ พีเอสวี ได้ตั้งแต่ 10 นาทีแรกในสนามหลังเก็บบอลได้หน้าเขตโทษก่อนจ่ายให้ โจอี้ เฟียร์มัน วิ่งมาซัดผ่านมือ แรมส์เดล เข้าไป
ก่อนได้ประตูนี้ พีเอสวี เริ่มครึ่งหลังได้อย่างคึกคัก ชาบี ซิมอนส์ และ โจอี้ เฟียร์มัน ยิงสองจังหวะซ้อนติดเซฟ แรมส์เดล และอีกครั้ง ซิมอนส์ แทงให้ กั๊กโป หลุดไปยิงมุมแคบถากเสาสองไปนิดเดียว
โมเมนตัมเป็นของ พีเอสวี เต็มๆ อาร์เตต้า ต้องรีบเปลี่ยนตัวในทันทีหลังเสียประตู เขาส่ง โธมัส ปาร์เตย์ กับ บูคาโย่ ซาก้า ลงแทน แซมบี้ โลคองก้า กับ มาร์ติน โอเดการ์ด
แต่สำรองทั้ง ปาร์เตย์ และ ซาก้า ยังไม่ทันได้ทำอะไร อาร์เซน่อล ก็มาเสียประตูที่สองจากความผิดพลาดของ แรมส์เดล ที่ออกมาชกลูกเตะมุมวืด บอลเข้าหัว เดอ ย็อง ได้โขกส่งบอลตุงตาข่าย
ลูกกลางอากาศแบบนี้ เดอ ย็อง ช่ำชองอยู่แล้ว ฤดูกาลที่แล้วก็ทำได้หลายลูกกับ บาร์เซโลน่า
แรมส์เดล ยอมรับว่าเขาพลาดเองกับประตูนี้ "เราเสียประตูแรก จากนั้นผมทำผิดพลาดและเราตามหลัง 0-2 มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย (ที่จะกลับมา) กับการเล่นนอกบ้าน พวกเขาเล่นได้ดีจริงๆ ต้องให้เครดิตเลย"
อาร์เตต้า แก้เกมอีกเฮือกส่ง กาเบรียล เชซุส มาเพิ่มแดนหน้าและเสี่ยงถอดกองหลัง ร็อบ โฮลดิ้ง ออกไปพร้อมปรับเป็นหลังสามเพื่อเดินหน้ารุกเต็มสูบ ขณะที่ช่วงท้าย เบน ไวท์ กับ กาเบรียล มากัลเญส ก็ลงมาแทน โทมิยาสึ กับ เทียร์นีย์
ลุค เดอ ย็อง ซูเปอร์ซับของพีเอสวี
ช่วง 15 นาทีสุดท้ายที่ กาเบรียล มากัลเญส ลงสนาม รูปเกม อาร์เซน่อล ดีขึ้นพอสมควรเพราะแนวรับบราซิเลียนเป็นคนที่ขึ้นบอลจากแนวรับได้ดี เป็นตัวคุมเกมรับฝั่งซ้ายที่ทำให้การเล่นสมดุลและเป็นระบบตามที่ อาร์เตต้า ต้องการ ต่างจากช่วงแรกที่ โฮลดิ้ง จับคู่กับ ซาลีบา
อาร์เซน่อล ขึ้นเกมจากหลังขึ้นมากลางได้มากขึ้น แต่การต่อบอลจากกลางไปถึงพื้นที่สุดท้ายทำเสียบ่อยครั้ง โอกาสลุ้นประตูมีประปรายก็จริง แต่ไม่ใช่การเซตบอลที่ลงล็อกจนเปิดแผลในแนวรับคู่แข่งได้
ตลอด 90 นาที ปืนใหญ่ ได้ยิง 15 ครั้ง แต่เข้ากรอบ 3 ครั้ง ซึ่งถือว่าน้อยมาก ต่างจาก พีเอสวี ที่มีโอกาส 8 ครั้ง แต่เข้ากรอบ 5 ครั้ง นี่คือประสิทธิภาพในจังหวะสุดท้ายที่ต่างกัน
"มันเป็นเกมที่แตกต่างไปจากสัปดาห์ก่อน พีเอสวี เหนือกว่าเราในหลายๆ ด้าน เราเล่นไม่ได้ในระดับของเรา เราไม่สามารถคอนโทรลเกมได้ และไม่ได้บอลในพื้นที่ที่เราต้องการ เราเสียบอลบ่อยมาก"
"ผมผิดหวัง หลังจากเราชนะมาหลายเกม เราแพ้เป็นเกมแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน และเราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่" อาร์เตต้า กล่าว
การให้สัมภาษณ์ของ อาร์เตต้า ค่อนข้างชัดเจน อาร์เซน่อล ไม่ได้เล่นในมาตรฐานที่ตัวเองเคยทำได้ และเป็นรอง พีเอสวี ทุกอย่าง พวกเขาแพ้ทั้งรูปเกมและสกอร์ที่ออกมาซึ่งหากทีมดังแห่งแดนกังหันไม่ขยันล้ำหน้าก็คงชนะขาด 5-0 ไปแล้ว
อาร์เซน่อล ต้องกลับมารีเซตการเล่นของตัวเองใหม่ โอกาสทุกอย่างยังอยู่ในมือตัวเอง นัดสุดท้ายในบ้านขอเพียงเอาชนะ ซูริค ให้ได้ก็จะทำภารกิจเป็นแชมป์กลุ่มตามต้องการ
สองนัดต่อไปที่จะได้เล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พบ ฟอเรสต์ ตามด้วย ซูริค จะเป็นโอกาสอันดีในการทำให้สถานการณ์กลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง ศักยภาพของ อาร์เซน่อล สามารถเอาชนะทั้งสองนัดนี้ได้ไม่ยาก เว้นแต่อย่าเล่นด้วยฟอร์มที่เกิดขึ้นตลอดสองสัปดาห์หลังสุด
ต้องชนะในสองนัดนี้เท่านั้น ถ้าเป็นอย่างอื่นถือว่าน่าผิดหวัง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT