:::     :::

ชัยชนะที่ปืนต้องการ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากฟอร์มแผ่วจนถึงขั้นแพ้ในถ้วยยุโรป อาร์เซน่อล กลับมาชนะอีกครั้งในเกมที่ต้องการและสำคัญอย่างยิ่ง

สัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาสะดุดได้เพียงเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 ก่อนหลุดฟอร์มต่อเนื่องออกไปโดน พีเอสวี สอยร่วง 2-0 ในถ้วยยูโรปา ลีก แถม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงชิงจังหวะขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราวหลังเก็บชัยชนะตามเป้าในเกมบุกเชือด เลสเตอร์ 1-0 

อาร์เซน่อล ต้องชนะเท่านั้นในการเจอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพื่อเรียกโมเมนตัมและความมั่นใจกลับคืนมา 

มิเกล อาร์เตต้า ยึดชุดเดิมจากนัดเสมอนักบุญเมื่อได้ กาเบรียล มากัลเญส ที่เจ็บเล็กน้อยจากเกมยุโรปฟิตลงสนามได้ ขณะที่ตำแหน่งอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ จับจองแบ็กซ้ายอีกครั้งในวันที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ยังไม่หายเจ็บกลับมา

ขณะที่ ฟอเรสต์ ของ สตีฟ คูเปอร์ เปลี่ยนเพียงตำแหน่งเดียวจากชุดโค่น ลิเวอร์พูล 1-0 โดยสลับให้ เรนาน โลดี้ เล่นแบ็กซ้ายแทน เนโก้ วิลเลี่ยมส์ ที่หลุดเป็นสำรอง ส่วนสามแนวรุกยังเป็น เจสซี่ ลินการ์ด, ไตโว อโวนิยี่ และ มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์

อาร์เซน่อล เริ่มต้นดีเหมือนหลายนัดที่ทำได้กับประตูออกนำตั้งแต่ 5 นาทีแรก กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จ่ายออกขวาให้ บูคาโย่ ซาก้า ก่อนพรวดเข้าเขตโทษซึ่ง ซาก้า ก็เปิดให้ทิ้งตัวโหม่งเข้าไปอย่างเฉียบขาด

การได้ประตูนำเร็วไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับปืนใหญ่ในฤดูกาลนี้เพราะเป็นแท็กติกที่ อาร์เตต้า ต้องการสำหรับชิงความได้เปรียบแต่เนิ่นๆ แต่สิ่งที่ต่างกันในแต่ละนัดคือ การรักษาสกอร์นำให้ตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่ซึ่งแนวโน้มช่วงหลังต้องลุ้นเหนื่อยเหงื่อตกทุกนัด

จังหวะการเล่นของ อาร์เซน่อล เปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อ ซาก้า ฝืนเล่นต่อไม่ไหวหลังบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกม อาร์เตต้า จึงตัดสินใจให้โอกาส รีสส์ เนลสัน ลงเล่นแทนและเป็นการเล่นพรีเมียร์ลีกนัดแรกในฤดูกาลนี้


มาร์ติเนลลี่ ใส่สกอร์แรกตั้งแต่ต้นเกม

เนลสัน บาดเจ็บในช่วงปรีซีซั่นและใช้เวลาเรียกฟิตอยู่นาน พอกลับมาก็ได้เคาะสนิมแค่ในยูโรปา ลีก ยังไม่ได้สัมผัมเกมลีก ทว่าโอกาสมาถึงแบบไม่ทันตั้งตัวและต้องทำหน้าที่แทน ซาก้า หนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของทีม

บนม้านั่งสำรองมี มาร์กินญอส ที่เล่นปีกขวาโดยตรง ขณะที่ ฟาบิโอ วิเอร่า เล่นตำแหน่งนี้ได้ แต่ไม่ใช่พวกตัวริมเส้นธรรมชาติ อาร์เตต้า จึงเลือก เนลสัน ที่แม้ร้างสนามเกมลีกไปนาน

ตลอดครึ่งแรก อาร์เซน่อล พับสนามบุกฝ่ายเดียว ได้ครองบอล 72 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสลุ้นยิง 10 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง และเป็นหนึ่งประตู

ย้อนไปในเกมกับนักบุญ อาร์เซน่อล ผ่านครึ่งทางแรกด้วยสถิติเหนือกว่าทุกอย่าง และนำเพียงประตูเดียวเช่นกัน ทว่าสุดท้ายโดนตามตีเสมอ และเกือบจะแพ้ด้วยซ้ำ 

นั่นคือบทเรียนครั้งสำคัญ

แต่นัดนี้ อาร์เซน่อล ไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ซ้ำร้อย พวกเขาเร่งเครื่องตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังก่อนรัวสองประตูติดๆ กันจนนำห่าง 3-0 และควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทุกอย่าง

เนลสัน กลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวแบบที่ไม่มีใครคิดคาดกับสองประตูที่เหมายิงในต้นครึ่งหลัง แถมยังจ่ายให้ โธมัส ปาร์เตย์ ยิงไกลเสียบสามเหลี่ยมอีกด้วย 

2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ใน 14 นาที รีสส์ เนลสัน ได้เฉิดฉายแบบสุดๆ

4-0 ตั้งแต่ยังไม่ครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม อาร์เตต้า จึงได้โอกาสเปลี่ยนตัวถอด มาร์ติเนลลี่ กับ โทมิยาสึ ออกไปพักพร้อมส่ง เซดริก โซอาเรส กับ ฟาบิโอ วิเอร่า ลงมาแทน โดย เซดริก ลงเล่นแบ็กซ้าย ส่วน วิเอร่า ขึ้นเกมรุกฝั่งขวาพร้อมโยให้ เนลสัน มาเล่นฝั่งซ้าย 

ส่วนทัพเจ้าป่าเปลี่ยนตัวเหมือนยอมรับสภาพ สามตัวรุกถูกถอดออกไปหมดไม่ว่าจะเป็น ลินการ์ด ที่แทบไม่มีส่วนร่วมใดๆ, กิ๊บบ์ส-ไวท์ และ อโวนิยี่ เจ้าของประตูชัยนัดดับหงส์

ช่วง 25-30 นาทีสุดท้าย อาร์เซน่อล เคาะบอลไปตามจังหวะเน้นความชัวร์ ไม่ได้โหมมากนัก มีเพียง กาเบรียล เชซุส ที่พยายามหาโอกาสทำประตูให้ได้ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ไม่ใช่วันของหัวหอกบราซิเลียนอีกครั้ง


พระเอกขี่ม้าขาวในวันนี้

เชซุส มีสองแอสซิสต์ในวันนี้ แต่เจ้าตัวอยากมีชื่อบนสกอร์บอร์ดอีกครั้งหลังยิงไม่ได้มา 6 นัดแล้ว โอกาสท้ายเกมที่ได้จิ้มบอลจ่อๆ ก็วืดไปอีก น่าเสียดายแทนอย่างยิ่ง

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กับ คีแรน เทียร์นีย์ ทยอยถูกส่งลงมาเพื่อให้ตัวหลักอย่าง กรานิต ชาก้า และ วิลเลี่ยม ซาลีบา ได้พัก แนวรับสลับสับเปลี่ยนอีกครั้ง เซดริก โยกไปเล่นแบ็กขวา เบน ไวท์ ขยับเข้าในได้กลับมาเล่นเซนเตอร์อีกครั้งกับ กาเบรียล 

อาร์เซน่อล ปิดเกมสบายๆ ไม่ต้องออกแรงมากเพราะสกอร์ขาดตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และเป็นการชนะด้วยผลต่าง 5 ประตูเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้

นอกจากกลับไปทวงตำแหน่งจ่าฝูงคืนจาก แมนฯ ซิตี้ แถมตุนประตูได้-เสียเพิ่มอีก 5 ลูกได้แล้ว ยังเป็นชัยชนะที่น่าจะเรียกความมั่นใจให้ อาร์เซน่อล ได้อย่างมากหลังผลงานต่ำกว่ามาตรฐานตลอด 4-5 นัดที่ผ่านมา

เป็นความมั่นใจที่ทีมต้องการหลังเพิ่งพ่ายในเวทียุโรป ทำให้ต้องลุ้นตำแหน่งแชมป์กลุ่มยูโรปา ลีก ในนัดสุดท้ายกับ ซูริค วันพฤหัสบดีนี้ 

นอกจากวันแห่งความทรงจำของ รีสส์ เนลสัน ที่กลับมายิงประตูในลีกได้อีกครั้งหลังห่างหายไปนาน 2 ปีกับอีก 107 วัน อีกโมเมนต์ดีๆ คือการส่งกำลังใจไปให้ ปาโบล มารี กองหลังชาวสเปนที่ไปเล่นให้ มอนซ่า ด้วยสัญญายืมตัวและเพิ่งเกิดเหตุการณ์สุดช็อกโดนชายสติไม่ดีแทงในซูเปอร์มาร์เก็ตจนบาดเจ็บ 

นัดต่อไปปิดจ๊อบคว้าแชมป์กลุ่มยูโรปา ลีก ด้วยการทุบ ซูริค ก่อนยกพลบุกเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ นี่คือช่วงเวลาแห่งการเรียกโมเมนตัมให้กลับมาเต็มตัว



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด