26 สิงโตของ แกเร็ธ เซาธ์เกต
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันที่คุมทัพมาตั้งแต่ปี 2016 เตรียมพาทีมลุยทัวร์นาเมนใหญ่เป็นรายการที่สามต่อจากฟุตบอลโลก 2018 และยูโร 2020 ในซัมเมอร์ที่แล้ว
26 ขุนพลชุดลุยฟุตบอลโลกหนนี้มีใครกันบ้าง เป็นไปตามคาดหรือพลิกโผ รวมถึงมีความเหมาะสมมากเพียงใด เราจะไปไล่เรียงในแต่ละตำแหน่งกันอีกครั้ง
ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน), นิค โป๊ป (นิวคาสเซิ่ล), อารอน แรมส์เดล (อาร์เซน่อล)
ไม่ได้เซอร์ไพรส์แต่อย่างใดกับผู้รักษาประตูที่เลือกติดทีม โดยที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังน่าจะยึดมือหนึ่งเหมือนเช่นฟุตบอลโลก 2018 และยูโร 2020 เอาไว้ได้เพราะผลงานส่วนตัวยังทำได้ดีและประสบการณ์ในเกมระดับชาติ (45 นัด) เหนือกว่า นิค โป๊ป (10 นัด) และ อารอน แรมส์เดล (3 นัด)
ส่วน โป๊ป กับ แรมส์เดล เป็นอะไหล่ที่ฝีมือใกล้เคียงกัน เลือกใครเล่นก็ได้แล้วแต่สถานการณ์ โดยทั้งคู่ช่วยให้ต้นสังกัด นิวคาสเซิ่ล กับ อาร์เซน่อล เสียน้อยสุดในลีกเท่ากันที่ 11 ประตู และเก็บคลีนชีตได้มากสุด 6 นัดเท่ากับ เอแดร์ซอน ของ แมนฯ ซิตี้
ตัวที่อยู่ในข่ายและหลุดโผไปคือ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารของ น็องติ้งแฮม ฟอเรสต์ แต่เทียบผลงานแล้วยังเป็นรอง โป๊ป และ แรมส์เดล ขณะที่ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ก็แทบไม่ได้เล่นให้ สเปอร์ส
กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล), คอนอร์ โคดี้ (เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน), เอริก ดายเออร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), ลุค ชอว์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), จอห์น สโตนส์ (แมนฯ ซิตี้), คีแรน ทริปเปียร์ (นิวคาสเซิ่ล), ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนฯ ซิตี้), เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล)
เซาธ์เกต ตัดชื่อ รีซ เจมส์ กับ เบน ชิลเวลล์ ออกจากลิสต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากสองแบ็ก เชลซี โชคร้ายบาดเจ็บหนัก ทำให้พลาดร่วมศึกไปโดยปริยาย
ส่วนตัวหลักจากฟุตบอลโลก 4 ปีก่อนต่างติดทีมมาครบไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์คเกอร์, คีแรน ทริปเปียร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ เอริค ดายเออร์
ตำแหน่งของ แม็กไกวร์ ถูกวิจารณ์มากสุดเพราะผลงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ดีจนหลุดเป็นสำรอง ทว่า เซาธ์เกต ยังเชื่อใจในประสบการณ์และชี้ว่าแนวรับวัย 29 ปีเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีสุดของทีม
"ผมคิดว่าเรื่องอายุของขุมกำลังมีความสำคัญมากกว่าเคยสำหรับยุคนี้" เซาธ์เกต แจงถึงหนึ่งในปัจจัยการเลือกทีม และทำให้หนึ่งในคนที่มีลุ้นตอนแรกอย่าง ฟิคาโย่ โทโมรี จาก เอซี มิลาน ถูกมองข้าม
เซาธ์เกต เลือก แม็กไกวร์ ติดทีม แต่หั่น แทมมี่ อบราฮัม
ส่วน ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่มีปัญหาบาดเจ็บแต่ยังติดทีม เซาธ์เกต ให้เหตุผลว่าอาการไม่หนักมากและจะกลับมาเล่นได้ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนักในฤดูกาลนี้ แต่การที่ รีซ เจมส์ บาดเจ็บ และ วอล์คเกอร์ ติดทีมในสภาพความฟิตไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เทรนต์ จึงสำคัญต่อทีมของ เซาธ์เกต ในฐานะแบ็กอัพของ คีแรน ทริปเปียร์ กับตำแหน่งวิงแบ็กขวาหากเล่นในระบบ 3-4-3 อีกครั้ง
คนที่ทำผลงานได้ดีและคู่ควรกับโอกาสครั้งนี้คือ เบน ไวท์ กองหลังจาก อาร์เซน่อล ที่ฤดูกาลนี้ถูกโยกมาเล่นแบ็กขวา แต่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมแข็งแกร่งช่วยให้ทีมรั้งจ่าฝูงและเสียประตูน้อยสุดในลีก เขามีโอกาสยึดตัวจริงใน 2-3 นัดแรกที่กาตาร์ช่วงที่ วอล์คเกอร์ ยังไม่พร้อม
จุดน่าห่วงน่าจะเป็นแบ็กซ้ายที่มีเพียงคนเดียวคือ ลุค ชอว์ หลัง ชิลเวลล์ บาดเจ็บ ไทริค มิทเชลล์ แบ็กซ้าย คริสตัล พาเลซ ที่เคยติดทีมยังไม่ถูกมองว่าดีพอสำหรับฟุตบอลโลก
กองกลาง : จู๊ด เบลลิงแฮม (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), เมสัน เมาน์ท (เชลซี), คาลวิน ฟิลลิปส์ (แมนฯ ซิตี้), เดแคลน ไรซ์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล), คอนอร์ กัลลาเกอร์ (เชลซี)
กองกลางชุดนี้มีจุดที่ถูกตั้งคำถามพอสมควรทั้งในรายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ คาลวิน ฟิลลิปส์ รวมถึง คอนอร์ กัลลาเกอร์
เฮนเดอร์สัน ประสบการณ์มากสุดและผ่านฟุตบอลโลก 2018 มาแล้ว แต่ฤดูกาลนี้หลุดเป็นสำรองกับ ลิเวอร์พูล บ่อยครั้ง ฟอร์มการเล่นและความมั่นใจไม่เหมือนเดิม
ส่วน คาลวิน ฟิลลิปส์ ก็มีปัญหาสภาพร่างกายนับตั้งแต่ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลนี้เพิ่งได้ลงสนามเพียง 4 นัด และเล่นร่วมกันแค่ 44 นาทีเท่านั้น
เซาธ์เกต กล่าวถึงการเลือก ฟิลลิปส์ ซึ่งเป็นตัวจริงในยูโร 2020 ว่า "เราไม่มีนักเตะที่รับบทบาทแบบนี้มากนัก คาลวิน เป็นยอดนักเตะ และเรารู้ว่ามันเสี่ยง"
ขณะที่ คอนอร์ กัลลาเกอร์ เข้าๆ ออกๆ ระหว่างตัวจริงกับสำรองที่ เชลซี เขาไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่องเหมือนฤดูกาลก่อนที่ทำผลงานยอดเยี่ยมกับ คริสตัล พาเลซ หลายคนจึงเสียดาย เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ซึ่งมีออปชั่นพิเศษเล่นลูกตั้งเตะได้ช่ำช่อง
อีกสองราย เดแคลน ไรซ์ กับ จู๊ด เบลลิงแฮม รักษามาตรฐานการเล่นอันยอดเยี่ยมของตัวเองเอาไว้ได้และคู่ควรต่อการติดทีม แถมมีโอกาสยึดตัวจริงร่วมกันในรอบสุดท้าย
เจมส์ แมดดิสัน กับ เบน ไวท์ คู่ควรกับโอกาส
กองหน้า/ริมเส้น : มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), ฟิล โฟเด้น (แมนฯ ซิตี้), แจ็ค กรีลิช (แมนฯ ซิตี้), แฮร์รี่ เคน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), เจมส์ แมดดิสัน (เลสเตอร์ ซิตี้), บูกาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (เชลซี), คัลลัม วิลสัน (นิวคาสเซิ่ล)
แนวรุกนำโดยกัปตันทีม แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งอยู่ในชุดเวิลด์คัพที่รัสเซีย
สเตอร์ลิ่ง อาจจะฟอร์มดร็อปลงไปหลังย้ายร่วมทีม เชลซี แต่ในหลายต่อหลายครั้งมักเค้นฟอร์มในทีมชาติได้เสมอ เขามีส่วนร่วมทีม 29 ประตูในนามทีมชาติยุคของ เซาธ์เกต สถิติเป็นรองเพียง แฮร์รี่ เคน คนเดียว
แรชฟอร์ด ที่เคยพลาดจุดโทษในนัดชิงชนะเลิศยูโรซัมเมอร์ที่แล้ว เร่งฟอร์มได้ทันเวลาในช่วงหลังที่ยิงไป 8 ประตูจาก 18 นัด มากกว่าผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคน ขณะที่ ซาก้า ที่มีชะตากรรมเดียวกันจากฝันร้ายเวมบลีย์ปีก่อน ผลงานยอดเยี่ยมอยู่แล้วกับการเล่นให้ อาร์เซน่อล
เจมส์ แมดดิสัน ตัวรุกจาก เลสเตอร์ รวมถึง คัลลัม วิลสัน กองหน้าจาก นิวคาสเซิ่ล โชว์ฟอร์มได้ดีถูกที่ถูกเวลาในช่วงหลังทำให้ติดทีมในที่สุด ส่วนที่หลุดโผไปคือ แทมมี่ อบราฮัม หัวหอกจาก โรม่า ที่ เซาธ์เกต บอกชัดเจนว่า "แทมมี่ ยิงประตูได้น้อย เขาฟอร์มตกผิดเวลา"
....
เป็นอีกครั้งที่การเลือกตัวผู้เล่นของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและย้อนแย้งในหลายกรณีโดยเฉพาะการให้เหตุผลที่ แทมมี่ อบราฮัม หลุดทีมเพราะผลงานไม่ดีในช่วงหลัง ทว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับติดทีมทั้งที่ฟอร์มแย่
เช่นเดียวกับผู้เล่นที่สภาพร่างกายไม่เต็มร้อยทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คาลวิน ฟิลลิปส์ ได้รับเลือกก่อนหน้าหลายคนที่ฟิตสมบูรณ์และพยายามทำผลงานอย่างเต็มที่
แน่นอนว่า สิ่งที่จะเป็นชี้วัดว่าการเลือกทีมลุยบอลโลกครั้งนี้เป็นการตัดสินใจถูกต้องหรือผิดพลาดของ เซาธ์เกต ก็คงอยู่ที่ผลงานในรอบสุดท้ายที่ต้องพยายามพาทีมเข้ารอบลึกๆ ให้ได้
มีแต่ผลงานในสนามเท่านั้นที่จะลบเสียงวิจารณ์ได้ หากออกมาน่าผิดหวัง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้จัดการทีมมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT