สิงโตเปิดตัวดุดัน
เป็นฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันที่เกินคาดทีเดียวโดยเฉพาะการลงเล่นนัดแรกแบบนี้ แถมผลงานก่อนตะลุยกาตาร์ก็ไม่ได้ดี เรียกได้ว่าค่อนไปทางน่าผิดหวังด้วยซ้ำ
ทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เก็บชัยชนะไม่ได้เลย 6 นัดหลังสุดที่เล่นในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก แถมเกมรุกฝืดเคืองยิงไม่ได้ถึง 4 นัด
นอกจากนี้การเลือกผู้เล่นมาลุยรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกก็ยังมีจุดที่ถูกวิจารณ์พอสมควรเพราะหลายคนไม่ได้มีผลงานที่ดีในระดับสโมสร แต่ยังคงติดเหมือนเดิม แถมลงตัวจริงในนัดแรกอีกต่างหาก
ส่วน อิหร่าน เบอร์หนึ่งของเอเชียถือว่าเป็นขาประจำที่ลุยรอบสุดท้ายเกือบทุกครั้งในช่วงหลัง มีสไตล์การเล่นเป็นยุโรปมากกว่าทีมจากเอเชียด้วยกัน และรูปร่างก็พอฟัดพอเหวี่ยงไม่ได้เป็นรอง หลายคนสูงใหญ่กว่านักเตะอังกฤษด้วยซ้ำ
อิหร่าน ที่วางแท็กติกกองหลัง 5 คน เริ่มต้นด้วยกาารเน้นเกมรับเต็มที่และเล่นอย่างรัดกุม เข้าประชิดตัวตลอดเวลาอังกฤษบุกขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ
แต่ช่วงต้นเกมพวกเขาต้องเสีย อาลีเรซ่า เบรันวานด์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่เจ็บหนักหลังชนกับเพื่อนร่วมทีมในจังหวะพุ่งออกมาตัดบอล พยายามฝืนเล่นต่อแต่ไม่ไหว ต้องเปลี่ยนให้โกลสำรองลงแทน
แท็กติกของอิหร่านไม่เปลี่ยนเพราะผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ยังเหมือนเดิม แต่เรื่องของกำลังใจมีผลกระทบแน่ เช่นเดียวกับความแตกต่างระหว่างมือหนึ่งกับมือสอง สีหน้าท่าทางของ คาร์ลอส เคยรอซ กุนซือชาวโปรตุกีสบ่งบอกเอาไว้แบบนั้น
ประตูแรกของอังกฤษมาช้าพอสมควรในนาที 35 ทั้งที่ครองเกมรุกต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้น โดยเป็นวิธีการเข้าทำที่ถือว่าเป็นจุดเด่นและสไตล์ของอังกฤษกับการเปิดบอลด้านข้างเข้าไปโหม่ง
แฮร์รี่ เคน (ซ้าย) ยิงไม่ได้แต่เล่นมีประโยชน์มาก
ลุค ชอว์ โยนบอลจากซ้ายให้ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางตัวเก่งจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โหม่งได้ทิศทางดีมากเข้าเสาไกล เป็นประตูแรกในนามทีมชาติและเกิดขึ้นในเวทีระดับฟุตบอลโลก
ประตูนี้เหมือนปลดล็อกให้กับอังกฤษที่จากนั้นไม่นานก็หนีเป็น 2-0 และ 3-0 ก่อนจบครึ่งแรก
ทุกอย่างแทบจบตั้งแต่ 45 นาทีแรกเพราะทัพสิงโตคำรามเหนือกว่ามากแถมนำห่างถึง 3 ประตู
อังกฤษ ครองบอลมากถึง 82 เปอร์เซ็นต์ ต่อบอล 409 ครั้ง มีโอกาสยิง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง และได้ 3 ประตู
ส่วน อิหร่าน ต่อบอลไม่ถึงร้อยครึ่ง มีโอกาสง้างยิงครั้งเดียวจาก อลิเรซา จาฮานบัคห์ช อดีตแข้ง ไบรท์ตัน ในช่วงก่อนพักครึ่ง แต่ก็ตั้งเท้ากระแทกบอลโด่งข้ามคานไปไกล
"เกมจบตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วหลังจากเราตามหลัง 0-3" เคยรอซ สารภาพตามตรงหลังจบเกม
ครึ่งหลัง อังกฤษ ก็เล่นตามจังหวะไปเรื่อยก่อนฉีกหนีเป็น 4-0 จาก บูคาโย่ ซาก้า ที่บวกประตูที่สองของตัวเองด้วยสไตล์ถนัดโยกจากซ้ายตัดเข้าในแล้วยิงเล่นมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาด
ซาก้า เป็นหนึ่งในแข้งสิงโตคำรามที่ผลงานโดดเด่นในนัดแรก เช่นเดียวกับ จู๊ด เบลลิงแฮม และ แฮร์รี่ เคน หรือแม้กระทั่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เหมือนเป็นคนละคนเวลาลงเล่นทีมชาติ
จากนั้นกลุ่มสำรองอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แจ็ค กรีลิช ก็ลงมาช่วยยิงให้ทีมจนถึงครึ่งโหล
บูคาโย่ ซาก้า ทำประตูสุดสวยอีกลูกในทัวร์นาเมนต์
ข้อผิดพลาดที่ควรแก้ไขก็อย่างที่ เซาธ์เกต บอกเอาไว้หลังเกมคือการผ่อนเกมลงและหลุดสมาธิช่วงท้ายจนโดน อิหร่าน ยิงคืนสองประตูซึ่งหนึ่งในนั้นคือจุดโทษในช่วงทดเจ็บ
แต่นอกเหนือจากนี้ อังกฤษ ทำได้ยอดเยี่ยม เกมรุกอันตรายทุกจังหวะ การเล่นมีความมุ่งมั่น ตื่นตัว และเล่นร่วมกันดีมาก แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับฟอร์มในช่วงเนชั่นส์ ลีก
การเล่นเกมรุกมีความหลากหลายทั้งรูปแบบง่ายๆ โยนจากด้านข้างเข้าโหม่งแบบ 2 ประตูแรก หรือเปลี่ยนจากรับเป็นรุกจบด้วยการยิงประตูแบบ 4 ประตูหลังที่คล้ายกันมาก
ในรายละเอียดการเล่นยังเห็นได้ถึงการเล่นที่มี "ทีมเวิร์ก" ดีมาก เช่นประตู 3-0 ที่ช่วยกันไล่บอลตรงกลางและพอแย่งได้ก็โจมตีทันที เบลลิงแฮม ดีดขึ้นหน้าให้ เคน ฉีกออกมาทางขวาก่อนเปิดอย่างเฉียบขาดให้ สเตอร์ลิ่ง สอดไปทิ่มบอลเข้าเสาแรก
หรือประตูสุดท้ายที่ คัลลั่ม วิลสัน อีกหนึ่งตัวสำรองได้หลุดเดี่ยวในจังหวะโต้กลับและสามารถยิงเองได้ แต่ก็เลือกจ่ายให้ กรีลิช ที่อยู่ในมุมดีกว่ายิงเข้าไป
แถมประตูนี้ยังมาจากการต่อบอลมากถึง 35 ครั้ง กลายเป็นสถิติผ่านบอลก่อนทำประตูมากสุดนับตั้้งแต่มีการเก็บสถิติกันมาในปี 1966 เรียกได้ว่าเป็นประตูที่มาจากการเล่นเป็นทีมอย่างแท้จริง
การปล่อยให้ อิหร่าน ได้ต่อบอลและมีโอกาสลุ้นทำประตูมากขึ้นในครึ่งหลังจนยิงได้ถึงสองประตูเป็นจุดที่ต้องปรับแก้ แต่ด้วยการเล่นนี้ก็ทำให้ได้เห็นการเล่นในจังหวะสวนกลับของอังกฤษที่ทำได้เฉียบขาดมาก
ในรอบลึกๆ ที่ต้องเจอคู่แข่งเขี้ยวๆ และอาจต้องตั้งรับมากกว่า อังกฤษ อาจต้องเล่นจังหวะรับแล้วโต้แบบนี้บ่อยครั้ง เกมกับอิหร่านถือว่าได้ซักซ้อมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกับ เซาธ์เกต ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตัดสินใจได้ถูกต้องกับการเลือกทีมเพราะหลายคนที่ถูกตั้งคำถามก่อนลงสนาม ก็ต่างทำผลงานได้ดีทั้ง แม็กไกวร์, สเตอร์ลิ่ง, เมาน์ท หรือกระทั่งการเลือก ซาก้า ลงตัวจริงก่อน ฟิล โฟเด้น
เซาธ์เกต พาทีมเริ่มต้นได้ดีมาก
ส่วน แฮร์รี่ เคน กับตำแหน่งเป้าไม่มีประตูและไม่มีโอกาสลุ้นยิง แต่การเล่นมีประโยชน์มากในเวลาถอยห่างจากเขตโทษมาเป็นบอลสร้างโอกาสให้เพื่อนซึ่งทำได้ดีอยู่แล้วในการเล่นแบบนี้กับ สเปอร์ส
อังกฤษ จึงผ่านนัดแรกด้วยผลงานเข้าตาอย่างยิ่ง แถมยิงได้ถึง 6 ประตูในนัดเดียวที่ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เพิ่งทำได้เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น
ที่เหลือคือการรักษาผลงานให้ได้ไปตลอดเส้นทางที่แน่นอนว่า "ของจริง" อาจเริ่มในรอบน็อกเอาต์ที่หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็หมายถึงตกรอบทันที
เส้นทางยังอีกยาวไกล แต่การเริ่มต้นได้ดุดันแบบนี้ย่อมดีกว่าสะดุดตั้งแต่ก้าวแรก
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT