จอร์จินโญ่ "มีเพิ่มดีกว่าขาด"
จอร์จินโญ่ ไม่ใช่เป้าหมายแรกที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องการ แต่เป็นแผนสำรองหลังไม่สามารถคว้าตัว มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางตัวเก่งมาจาก ไบรท์ตัน
อาร์เซน่อล พยายามเจรจาหลายต่อหลายรอบและยื่นข้อเสนอรอบแรก 60 ล้านปอนด์ และรอบสอง 70 ล้านปอนด์ ทว่าถูกปฏิเสธทั้งหมด
ไบรท์ตัน ใจแข็งไม่ยอมปล่อยกองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ออกจากทีม แถมสั่งนักเตะอยู่บ้านไม่ต้องมาซ้อมจนกระทั่งตลาดนักเตะหน้าหนาวจะปิดตัวลง
ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล จึงต้องเดินเรื่องแผนสำรองควบคู่กันในช่วง 48 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนได้ตัว จอร์จินโญ่ มาแทนในราคารวม 12 ล้านปอนด์
มีความเห็นต่างๆ มากมายกับการเซ็นสัญญากับ จอร์จินโญ่ แต่ มิเกล อาร์เตต้า เชื่อมั่นว่าดีลคือการเสริมทัพที่ดีเยี่ยมของทีม
"จอร์จินโญ่ เป็นผู้เล่นมิดฟิลด์ที่มีความฉลาด มีทักษะความเป็นผู้นำสูง และมีประสบการณ์มายมายทั้งในพรีเมียร์ลีก และเวทีระดับนานาชาติ"
"เขาประสบความสำเร็จมากมายในอาชีพการเล่นฟุตบอล แต่ยังคงมีความกระหายและมีความมุ่งมั่นสูงที่จะประสบความสำเร็จอีกกับที่นี่"
อาร์เตต้า ได้ร่วมงานกับ จอร์จินโญ่ ในที่สุด
ขณะที่ เอดู ผู้อำนวยการกีฬา เสริมว่า "จอร์จินโญ่ เป็นมืออาชีพเต็มตัวที่มีจิตใจแข็งแกร่ง และสามารถนำคุณภาพกับประสบการณ์มาสู่ทีมได้"
"เขาเป็นผู้เล่นที่เข้ากับสไตล์การเล่นของเรา เขาย้ายมาร่วมทีมเราในช่วงเวลาที่ดีมากซึ่งช่วยเสริมในตำแหน่งสำคัญเพื่อช่วยให้เรารักษาโมเมนตัมได้ต่อเนื่อง"
สำหรับ อาร์เตต้า แล้ว เขาชื่นชอบในตัว จอร์จินโญ่ มานาน และอยากร่วมงานด้วยตั้งแต่สมัยเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเกือบได้กองกลางทีมชาติอิตาลีไปร่วมทีมในปี 2018 ทว่าสุดท้ายเป็น เชลซี ที่ได้ตัว เช่นเดียวกับในปี 2020 ตอนมาคุม อาร์เซน่อล ที่ก็อยากเซ็นสัญญากับแข้งเชื้อสายบราซิเลียนอีกครั้ง แต่ เชลซี ไม่ขาย
มาถึงวันนี้ จอร์จินโญ่ ยังเป็นคนเดิมในแบบที่ อาร์เตต้า ต้องการหรือไม่? และการมาของเขาจะช่วย อาร์เซน่อล ได้มากน้อยแค่ไหน? เราจะมาหาคำตอบร่วมกัน
อันดับแรกที่ต้องกล่าวถึงก่อนคือ อาร์เซน่อล จำเป็นต้องตัดสินใจรวดเร็วในดีลของ จอร์จินโญ่ หลังจากรับรู้ท่าทีอันหนักแน่นของ ไบรท์ตัน ที่ไม่ยอมปล่อย ไกเซโด้
ด้วยเวลาในตลาดนักเตะที่กระชั้นชิดใกล้ปิดตัว บวกกับสถานการณ์ของทีมที่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ บาดเจ็บส่อพักยาว การเซ็นสัญญากับ จอร์จินโญ่ คือสิ่งจำเป็นหลังพลาดเป้าหมายแรก
จอร์จินโญ่ ไม่ใช่การเสริมทัพที่มองถึงอนาคตระยะยาวเหมือน มอยเซส ไกเซโด้ ที่อายุน้อยกว่า 10 ปี แต่ถ้ามองในเรื่องเป้าหมายระยะสั้นที่อยู่ตรงหน้ากับการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ถือว่าตอบโจทย์พอสมควร
กองกลางทีมชาติอิตาลีสามารถช่วยทีมได้แน่นอนทั้งในพรีเมียร์ลีกที่ อาร์เซน่อล มีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ในรอบเกือบยี่สิบปี รวมไปถึงยูโรปา ลีก ที่เป็นหนึ่งในทีมเต็งลุ้นแชมป์ซึ่งปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จะลงสนามในรอบ 16 ทีมสุดท้าย (ยังไม่รู้คู่แข่ง)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ไม่ได้มีความทรงจำที่ดีนักกับการดึงนักเตะ เชลซี มาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น วิลเลี่ยน หรือ ดาวิด ลุยซ์ ขณะที่ ปีเตอร์ เช็ก ก็มาในช่วงโรยรา
จอร์จินโญ่ เหมือนอดีตแข้ง เชลซี 2-3 คนก่อนหน้านี้ตรงที่ย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ตอนอายุเกินสามสิบปีแล้ว แต่สิ่งที่ต่างคือเขาไม่ได้มาเพื่อเป็นตัวจริงที่ทีมต้องใช้งานทันที และสถานการณ์ของปืนใหญ่ในปัจจุบันก็ต่างจากอดีตอย่างมาก
ตัวหลักในแดนกลางยังคงเป็น กรานิต ชาคา กับ โธมัส ปาร์เตย์ ที่หากไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก็ลงตัวจริงอยู่แล้ว จอร์จินโญ่ จะเป็นตัวคัฟเวอร์ ได้ลงช่วงท้ายในเกมลีก หรืออาจเป็นตัวจริงบางนัดในยูโรปา ลีก
ด้วยสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล ที่ดีมากในฤดูกาลนี้ทำให้ จอร์จินโญ่ ไม่ต้องมาเพื่อแบกทีมหรือเป็นความหวังใหม่ที่ต้องพลิกสถานการณ์ของทีมให้ได้ ตรงนี้ต่งาจาก วิลเลี่ยน และ ลุยซ์
การเข้ามาในฐานะอะไหล่ของ จอร์จินโญ่ ทำให้ อาร์เตต้า วางใจได้มากขึ้นว่าหาก ปาร์เตย์ หรือ ชาคา บาดเจ็บ ระดับการเล่นและคุณภาพของทีมจะไม่ดร็อปลงมากเมื่อเปลี่ยนเป็น จอร์จินโญ่
ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มีปัญหาตลอดในเวลาขาด ปาร์เตย์ ที่เห็นความต่างชัดเจนทั้งมองด้วยตาเปล่าและเปอร์เซ็นต์ที่ทีมชนะ ขณะที่ แซมบี้ โลคองก้า ไม่สามารถทดแทนได้
สถิติหลายอย่างไม่เป็นรอง ปาร์เตย์
จากนี้ไปจนถึงจบฤดูกาล จอร์จินโญ่ เป็นตัวเลือกข้างสนามที่ดีกว่า โลคองก้า แน่นอน และการปล่อย โลคองก้า ไปเก็บประสบการณ์กับ คริสตัล พาเลซ ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีต่อทุกฝ่าย
หากต้องลงตัวจริง คุณภาพและสไตล์การเล่นของ จอร์จินโญ่ ก็ช่วยเพิ่มมิติในแดนกลางให้ อาร์เซน่อล ได้ด้วย
ตามแท็กติกปัจจุบัน จอร์จินโญ่ จะเป็นอะไหล่ของ ปาร์เตย์ โดยตรงกับการรับหน้าที่ตัวต่ำสุดเป็นผู้เล่นหมายเลข 6 ในแดนกลาง ขณะที่ ชาคา และ มาร์ติน โอเดการ์ด จะยืนสูงกว่าเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนเกมรุก
ในเวลาที่ได้ขึงเกมรุกในพื้นที่สุดท้าย จอร์จินโญ่ ทำได้ดีกับการตักบอลข้ามแนวรับคู่แข่งเพื่อให้ตัวริมเส้นวิ่งโฉบไปเล่นต่อ
ปาร์เตย์ ทำแบบนี้ได้ แต่ส่วนใหญ่ต้องเล่นสองจังหวะ ต่างจาก จอร์จินโญ่ ที่ชิ่งจังหวะเดียวได้เลยซึ่งหากตัวริมเส้นเตรียมพร้อมวิ่งอยู่แล้วก็มีโอกาสหลุดไปทำประตูหรือเปิดเข้ากลาง
จอร์จินโญ่ เหมาะกับสถานการณ์ที่ทีมต้องการคอนโทรลเกมเพื่อกุมความได้เปรียบเอาไว้ซึ่งด้วยฟอร์มของ อาร์เซน่อล ตอนนี้ยิ่งเอื้อให้เล่นแบบนี้ได้หากลงมาแทน ปาร์เตย์ ช่วงท้าย ไม่ใช่สถานการณ์แบบที่ทีมโดนพับสนามบุก และต้องอาศัยสกิลการตัดเกมที่ไม่ใช่จุดเด่นของเจ้าตัว
เพิ่มความหลากหลายในการจ่ายบอล
คุณภาพโดยรวม จอร์จินโญ่ สู้ ปาร์เตย์ ไม่ได้แน่นอนในชั่วโมงนี้ แต่บางสถิติในฤดูกาลนี้ก็ทำได้ดีกว่าไม่ว่าจะเป็นการเข้าปะทะ การตัดบอล การแย่งบอลกลับมาครอง รวมถึงการผ่านบอลขึ้นหน้า
อย่างไรก็ตาม สถิติต่างๆ ที่ ปาร์เตย์ เป็นรองนั่นเพราะสไตล์การเล่นของกองกลางทีมชาติกานาที่ไม่ใช่ตัวรับโดยธรรมชาติ แต่อาศัยทักษะในการอ่านเกมที่ทะลุปรุโปร่ง รู้จังหวะในการรับบอลและออกบอลจนสร้างมาตรฐานการเล่นอันสูงลิบในแบบตัวเองได้
จอร์จินโญ่ ไม่มีทางเบียดตัวจริงจาก ปาร์เตย์ ได้แน่ แต่ในบทบาทอะไหล่ถือว่าเป็นกำลังเสริมชั้นดี และช่วยเพิ่มความหมากหลายในการจ่ายบอลได้ด้วย
จุดน่าห่วงสำหรับ จอร์จินโญ่ คือการที่รูปร่างผอมบาง แรงเบียดแรงปะทะไม่ดีมาก และมักเป็นเป้าในการถูกไล่เพรสซิ่งจนอาจนำไปสู่การเสียบอล
ปกติตอนอยู่ เชลซี เขามักได้จับคู่กับคนที่แข็งแรงกว่าอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช เพื่อขนาบข้างคอยช่วยเหลือ ส่วนบทบาทใหม่ในตำแหน่ง ของ ปาร์เตย์ จะต่างออกไป
ตรงนี้ อาร์เตต้า คงมีภาพในหัวว่าอาจต้องให้ ชาคา ถอยต่ำลงมา ไม่ดันสูงมากซึ่งเดิมทีชาคา ก็เล่นในตำแหน่งเหล่านี้อยู่แล้วเพียงแต่ฤดูกาลนี้ถูกปรับให้ขยับสูงกว่าเดิมจนมีส่วนในเกมรุกทั้งการยิงประตูและแอสซิสต์อย่างมาก
สิ่งที่พออุ่นใจได้กับจุดน่ากังวลของ จอร์จินโญ่ คือ คู่เซนเตอร์อย่าง วิลเลี่ยม ซาลีบา กับ กาเบรียล มากัลเญส ต่างคอยอ่านเกมอยู่ตลอดและสามารถขยับขึ้นไปซ้อนหรือรอรับบอลจาก จอร์จินโญ่ ได้หากต้องคืนหลังจากการไล่ถูกเพรส
อีกคนที่จะช่วย จอร์จินโญ่ ได้มากคือ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ กับบทบาท "Inverted full-back" ที่ขยับเข้าไปเล่นเหมือนเป็นกองกลาง
ซินเชนโก้ มีความคล่องตัวสูง เอาตัวรอดเก่ง เป็นนักเตะที่พุ่งเข้าหาบอลเพื่อเก็บบอลจังหวะสองได้ดีมาก ตรงนี้สามารถซับพอร์ทให้กับ ปาร์เตย์ หรือ จอร์จินโญ่ ให้เล่นได้ง่าย
ด้วยการที่เป็นนักประสบการณ์สูง และมีความเป็นผู้นำคอยสื่อสารในทีมตลอด จะเป็นอีกข้อดีของ จอร์จินโญ่ ในการให้คำแนะนำกับผู้เล่นหลายคนในทีม อาร์เซน่อล ที่เป็นทีมอายุเฉลี่ยน้อยสุดในลีกได้
อีกข้อดีคือดีลของ จอร์จินโญ่ รวมถึง เลอันโดร ทรอสซาร์ และอีกหนึ่งแข้งใหม่ในตลาดหน้าหนาวอย่าง ยาคุบ คีวิออร์ เซนเตอร์ดาวรุ่งทีมชาติโปแลนด์ ทำให้ อาร์เซน่อล เสียเงินรวมราวๆ 50 ล้านปอนด์ ถือว่าไม่สิ้นเปลืองมาก
ตรงนี้ทำให้แผนใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ไม่ได้รับผลกระทบ และหากเป็นไปตามที่สื่อคาด อาร์เซน่อล จะเดินหน้าเต็มตัวในการดึง ดีแคลน ไรซ์ กองกลางตัวเก่งของ เวสต์แฮม มาร่วมทีมให้ได้
ในโลกแห่งความฝัน ทุกคนต่างต้องการสิ่งที่ดีสุดให้กับตัวเอง มิเกล อาร์เตต้า ก็อยากได้ มอยเซส ไกเซโด้ รวมไปถึง มิไคโล มูดริค
แต่โลกความจริงมันไม่มีทางที่สมหวังไปทุกอย่าง อาร์เตต้า และ เอดู ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วในการดึงเป้าหมายแรกทั้งสองตำแหน่งมาร่วมทีม และเพิ่มยื่นข้อเสนอมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
หากต้องเพิ่มตัวเลขข้อเสนอไปเรื่อยๆ ก็อาจโดนโก่งจนเกินไปและต้องมาเจ็บตัวในภายหลังเหมือนเช่นหลายดีลที่ผ่านมา
ตอนนี้ อาร์เซน่อล คิดใหม่ทำใหม่ แผนงานใหม่ในยุค อาร์เตต้า และ เอดู เริ่มผลิดอกออกผล และการดำเนินการทุกอย่างต้องมีลิมิต มีเพดานที่รับไหว
เมื่อพลาดเป้าหมายแรกแล้ว ก็ต้องมองทางเลือกอื่น จอร์จินโญ่ และ ทรอสซาร์ ไม่ใช่ตัวเลือกที่เลวร้าย แต่ถือว่ามีคุณภาพที่ดี ผ่านการไตร่ตรองว่าเป็นแผนสำรองที่เหมาะสม ไม่ใช่เอาใครก็ได้เหมือนว่านแหมั่วๆ
หากตัวจริงอยู่กันครบ และข้างสนามมีรายชื่ออย่าง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, เอมิล สมิธ โรว์, เลอันโดร ทรอสซาร์, ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ, คีแรน เทียร์นีย์, ยาคุบ คีวิออร์ และ จอร์จินโญ่
ว่ากันตามตรงคือดีสุดในรอบหลายปีเลย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT