ทอฟฟี่ติดคอ!
สถิติฟ้องชัดเจนว่า กูดิสัน ปาร์ค คือสังเวียนอาถรรพ์สำหรับ อาร์เซน่อล ในช่วงหลัง และว่ากันตามความจริง เอฟเวอร์ตัน ก็คู่ควรกับชัยชนะสำหรับการคุมทีมนัดแรกของ ฌอน ไดซ์
ไดช์ เข้ามาแทนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด และใช้งานผู้เล่นชุดเดิมเพราะเป็นทีมเดียวในลีกไม่มีการเสริมทัพในตลาดหน้าหนาว
นอกจากไม่มีตัวเลือกเพิ่มแล้วสถานการณ์ของทีมยังสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกอีกครั้ง
การจัดทัพนัดแรกของ ไดช์ เลือกอัดแดนกลางแน่นส่ง อับดูลาย ดูกูเร่, อมาดู โอนาน่า และ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ ลงพร้อมกันสามคน
ขณะที่ อาร์เซน่อล ไม่มีพลิกโผในการจัด 11 ตัวจริง ตัวใหม่คนสุดท้ายที่ย้ายมาในตลาดหน้าหนาวอย่าง จอร์จินโญ่ เริ่มต้นข้างสนามเพราะ โธมัส ปาร์เตย์ ที่เจ็บซี่โครงจากเกมเอฟเอ คัพ กับ แมนฯ ซิตี้ ฟิตทันเวลา
การเลือกอัดตรงกลางให้แน่นเข้าไว้เป็นการตัดสินใจถูกต้องของ ไดช์ เพราะปืนใหญ่ที่มี โธมัส ปาร์เตย์, กรานิต ชาคา และ มาร์ติน โอเดการ์ด คือหนึ่งในแผงกลางที่ผลงานดีสุดในลีกแต่ละคนอยู่ในฟอร์มยอดเยี่ยมและมั่นใจ
ดังนั้นสิ่งที่ ไดช์ ต้องการคือหยุดแดนกลางปืนใหญ่ให้ได้ ขณะที่เกมรุกใช้บอลยาวคอยโจมตีซึ่งเป็นสิ่งที่เขาช่ำชองไม่แพ้ใคร
ดูกูเร่, โอนาน่า และ กาน่า เกย์ ทำหน้าที่ของตัวเองได้สมบูรณ์ครบถ้วน แต่ละคนวิ่งสู้ฟัดลืมตาย ไล่ตอดไล่แซะกัดไม่ปล่อย ขยันขันแข็งลุยเกินร้อยไม่มีหมดราวกับว่านี่คือนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่หากชนะก็อยู่รอดทันที
แดนกลางทอฟฟี่แน่นปึ้กในเกมนี้
อาร์เซน่อลเจาะตรงกลางลำบากมากเพราะไม่สามารถต่อบอลและเล่นร่วมกันได้อย่างที่เคย แค่ลังเลหรือช้าไปจังหวะเดียวก็โดนเข้าถึงตัวทันที
ขณะที่เกมรุกด้านข้างทั้ง บูกาโย่ ซาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ก็เจองานหนักไม่แพ้กัน
ซาก้า ต้องเจอกับ วิตาลี่ มีโกเลนโก้ พร้อมมี อเล็กซ์ อิโวบี้ วิ่งถอยลงมาช่วยซ้อนไม่ต่างจากฝั่งของ มาร์ติเนลลี่ ที่นอกจากผ่าน เชมัส โคลแมน แทบไม่ได้แล้วยังมี ดไวท์ แม็คนีล มารุมอีกคน
ปืนใหญ่จึงเสียบอลบ่อยครั้ง และไม่มีช่วงที่คอนโทรลเกมรุกได้แม้เป็นฝ่ายครองบอลมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์
เอฟเวอร์ตันครองบอลน้อยตามแผนแท็ติกที่ ไดช์ วางเอาไว้ แต่จังหวะเข้าทำจะแจ้งได้ลุ้นมากกว่าจากบอลยาวที่โยนข้ามกองกลางไปถึงแดนหน้า ไม่ต้องมาเสียเวลาต่อบอลผ่านตรงกลางเพราะหน้าที่สำคัญคือการตัดเกม
บอลไดเรกต์ของ เอฟเวอร์ตัน ได้ผลทีเดียวเพราะเกมรับ อาร์เซน่อล ปั่นป่วนในหลายจังหวะจนเปิดพื้นที่ให้เจ้าถิ่นได้โจมตีจากด้านข้างเข้าไปหน้าประตูขาดเพียงจังหวะจบสกอร์ที่ขาดๆ เกินๆ ทำให้ยังไม่สามารถนำตั้งแต่ครึ่งแรกได้
หลายปีที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน มักเล่นงาน อาร์เซน่อล ได้ตลอดกับการเล่นในกูดิสัน พาร์ค ของตัวเองต่อให้ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีของทีมก็ตาม
ทอฟฟี่เริ่มยุคใหม่กับ ไดช์ ด้วยชัยชนะ
ฤดูกาลที่แล้ว เอฟเวอร์ตัน ไม่ชนะใคร 8 นัดติดและแพ้ไป 6 นัด แต่พอเจอ อาร์เซน่อล ก็กลับมาชนะทันที และจากนั้นวนกลับไปแพ้ 5 จาก 6 นัด
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน พวกเขาไม่ชนะมา 10 นัด แต่พอเจอผู้มาเยือนจากลอนดอนก็เก่งขึ้นมาทันใด
เอฟเวอร์ตันไม่ใช่เพียงถูกโฉลกเวลาเล่นในบ้านเจอ อาร์เซน่อล แต่การมาของ ฌอน ไดช์ คือเหตุผลสำคัญ
ไดช์ เป็นกุนซือที่เก่งในการเค้นเอาจุดเด่นของนักเตะออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นโค้ชที่คาดหวังจากลูกทีมว่าต้องทำงานให้หนักเข้าไว้ ไม่เหยาะแหยะ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมดเพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ทันที ตรงนี้ต่างจากการวางแท็กติกหรือปรับปรุงส่วนอื่นที่ต้องใช้เวลา
เมื่อบวกกับแท็กติกการเล่นที่เราคุ้นตากันอยู่แล้วสมัยคุม เบิร์นลี่ย์ การเล่นของ เอฟเวอร์ตัน จึงทำได้ดีขึ้นทั้งที่เป็นผู้เล่นชุดเดิม
นอกจากบอลยาวที่ไปถึงข้างหน้าบ่อยครั้งแล้ว เอฟเวอร์ตัน ยังเรียกเตะมุมได้ 4 ครั้งในครึ่งแรกแถมปิดโอกาสไม่ให้ อาร์เซน่อล ได้เตะมุมด้วยเป็นการลดความอันตรายของปืนใหญ่ที่เด่นในลูกตั้งเตะมากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
ประตูเดียวตัดสินเกมเป็นการเข้าทำในสไตล์ ฌอน ไดช์ ขนานแท้กับลูกเตะมุมที่มีประสิทธิภาพ และมาจากการประสานงานของนักเตะที่เขาคุ้นเคยมากกว่าใครในทีม
ดไวท์ แม็คนีล คนเปิด เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ คนโหม่ง ทั้งคู่คือสองลูกน้องเก่าจาก เบิร์นลี่ย์ ที่เคยร่วมงานกันมาแล้ว
ก่อนหน้าเสียประตูเพียงไม่ถึงนาที มิเกล อาร์เตต้า กุนซือปืนใหญ่เพิ่งปรับเกมรุกฝั่งซ้ายถอด กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แล้วส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงแทน เช่นเดียวกับตำแหน่งของ โธมัส ปาร์เตย์ ที่ถูกแทนที่โดย จอร์จินโญ่
อาร์เซน่อลต้องเร่งเกมขึ้นโดยอัตโนมัติตามสถานการณ์ที่เป็นรองพวกเขาสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากขึ้นในครึ่งหลังที่มีโอากสง้าง 10 ครั้ง ทว่าเข้ากรอบเพียงครั้งเดียว
ความกดดันที่เป็นฝ่ายตามหลัง ความเร่งรีบที่ถูกบีบด้วยเวลาล้วนมีผลต่อความแม่นยำในการจบสกอร์ เช่นเดียวกับการเข้าชิดตัวเร็วของเกมรับเอฟเวอร์ตัน
ต้องชม ฌอน ไดช์ ในเรื่องการสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้เล่นเอฟเวอร์ตันได้ดีมาก เมื่อนักเตะมีความตื่นตัว สมาธิจดจ่อทุกวินาที การเล่นจึงไม่หลุด และคิดทันคู่แข่ง มองเหตุการณ์ และตัดสินใจได้เร็วซึ่งแค่เสี้ยววินาทีก็มีผลในสนามแล้ว
จังหวะจบของ อาร์เซน่อล จึงขาดความเฉียบคมเพราะโดนบีบเร็วให้เร่งจังหวะยิงเกินไป และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถตามตีเสมอได้
ปืนใหญ่จึงแพ้เป็นนัดที่สองของฤดูกาล และเป็นอีกครั้งที่มีผลงานย่ำแย่ทั้งสกอร์และฟอร์มการเล่นในการมาเยือนรังทอฟฟี่
จอร์จินโญ่ ประเดิมสนามในฐานะสำรอง
อาร์เตต้ายอมรับหลังเกมว่า ''เอฟเวอร์ตัน เล่นได้ดีมากๆ และต้องยินดีด้วยเป็นอันดับแรกสำหรับแนวทางที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ผมคิดว่าพวกเขาคู่ควรกับชัยชนะเพราะเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ''
แม้ชัยชนะล่าสุดของก๊วนทอฟฟี่จะไม่ทำให้พวกเขาหลุดจากพื้นที่สีแดงได้ แต่ก็เป็นสามคะแนนที่สำคัญต่อช่วงที่เหลือของฤดูกาลอย่างมาก
ยังไม่สายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเพราะการแข่งขันยังเหลืออีกถึง 17 นัด
ส่วน อาร์เซน่อล ก็ต้องเจอกับความท้าทายมากยิ่งขึ้นในการรักษาบัลลังก์จ่าฝูง
พวกเขาทำได้ดีมากๆ ในฤดูกาลนี้ อันดับในตารางบ่งบอกอยู่แล้ว แต่เกมนี้เป็น เอฟเวอร์ตัน ที่ทำได้ดีกว่าจริงๆ เหนือกว่าในเกือบทุกจุดโดยเฉพาะความมุ่งมั่นตั้งใจที่ทุกคนต้องการลุยอีกครั้งกับกุนซือใหม่
สถานการณ์ล่าสุดของปืนใหญ่ยังไม่เสียหายมากเพราะอีกวันถัดมามีข่าวดีบ้าง แมนฯ ซิตี้ สะดุดแพ้เช่นกันที่รังของ สเปอร์ส
ดังนั้น ความพ่ายแพ้ของปืนใหญ่จึงยังไม่เสียหายมากเพราะช่องว่างจากเรือใบยังอยู่ที่ 5 คะแนน แถมแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด
แต่สิ่งที่ อาร์เตต้า และลูกทีมต้องทำคือ เรียกสมาธิกลับคืนมาอีกครั้ง ทบทวนความผิดพลาดจากนัดล่าสุดเพื่อปรับปรุงแก้ไขแล้วลุยต่อ
''การเดินทางนี้กำลังยากขึ้นและท้าทายขึ้น มีขวากหนามที่ใหญ่กว่าเดิมคั่นกลาง ซึ่งเราต้องก้าวข้ามให้ได้'' อาร์เตต้า กำชับส่งท้าย
การแข่งขันยาวนาน 8-9 เดือนต้องมีแพ้ มีชนะ แต่เมื่อแพ้แล้วต้องรู้ว่าแพ้เพราะอะไร จากนั้นรีบกลับมาให้ได้และกลับมาให้ดีกว่าเดิม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT