เหลือเป้าหมายสุดท้าย
ในฐานะหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก อาร์เซน่อล กลับจอดป้ายแค่เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังพ่ายจุดโทษต่อ สปอร์ติ้ง ลิสบอน อย่างชอกช้ำ
นี่คือเกมที่บทสรุปสุดท้ายต่างจากแฟนบอลส่วนใหญ่มองเอาไว้ว่า "ปืนใหญ่" น่าจะผ่านเข้ารอบได้ตามเป้าโดยเฉพาะการแข่งขันสองนัดเหย้า-เยือนแบบนี้
นัดแรกที่โปรตุเกส อาร์เซน่อล ตามตีเสมอได้ 2-2 แม้ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีสุด แต่ก็ไม่เสียหายเพราะนัดสองได้โอกาสปิดจ๊อบในบ้านที่มีเสียงเชียร์ของแฟนบอลตัวเองคอยหนุนหลัง และสภาพทีมสมบูรณ์มากกว่าเดิม
หลายคนที่ไม่ได้ลงในนัดแรกต่างพร้อมเป็นตัวเลือกไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด, เลอันโดร ทรอสซาร์ และ กาเบรียล เชซุส
มิเกล อาร์เตต้า เลือกจัดทัพชุดผสม ไม่ได้ใช้ชุดใหญ่เต็มสูบเพราะตัวหลักบางคนกรำศึกหนักสมควรได้พักบ้างโดยเฉพาะ บูคาโย่ ซาก้า
แนวรุกให้โอกาส ฟาบิโอ วิเอร่า กับ รีสส์ เนลสัน ลงแทน บูคาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด ในการทำเกมร่วมกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ขณะที่หน้าเป้าเลือก กาเบรียล เชซุส เป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บาดเจ็บหนัก
เชซุส โชคร้ายบาดเจ็บจากการเล่นให้ทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 2022 และเพิ่งกลับมาลงสนามได้ในฐานะสำรองเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดกับ ฟูแล่ม และเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมนี้
ส่วนแนวรับเน้นมากขึ้นส่งคู่เซนเตอร์ตัวจริง วิลเลี่ยม ซาลีบา กับ กาเบรียล มากัลเญซ แบ็กสองข้างเป็น ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ กับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
ขณะที่ สปอร์ติ้ง มีปัญหาสำคัญขาด เซบาสเตียน โกอาเตส กองหลังกัปตันทีม และ ฮิเดมาสะ โมริตะ กองกลางตัวรับทีมชาติญี่ปุ่นที่ติดโทษแบนพร้อมกัน ตัวที่เล่นแทนต่างเป็นดาวรุ่งทั้ง อุสมาน ดิโอม็องเด้ เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 19 ปี และ มานูเอล อูการ์เต้ กองกลางวัย 21 ปี
แรมส์เดล โดนเล่นงานจากครึ่งสนาม
เทียบความพร้อม ความได้เปรียบในเรื่องเสียงเชียร์ และเกรดบอลโดยรวม อาร์เซน่อล ยังคงดูเหนือกว่าแม้ตัวหลักบางรายเป็นแค่สำรอง
ปืนใหญ่เป็นฝ่ายเซตบอลทำเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่เริ่มเกม และสามารถขึ้นนำได้ก่อนภายในยี่สิบนาทีแรก
แม้เป็นการยิงซ้ำของ กรานิต ชาก้า แต่จังหวะแรกถือว่าเข้าทำกันสวยงาม จอร์จินโญ่ แทงบอลยาวทะลุแนวรับสปอร์ติ้งไปถึง มาร์ติเนลลี่ ได้หลุดทางฝั่งซ้ายก่อนยิงติดเซฟเด้งเข้าทาง ชาก้า ซ้ำดาบสองเข้าไป
ทว่าในข่าวดีที่ขึ้นนำได้ อาร์เซน่อล ต้องสังเวยผู้เล่นกองหลังบาดเจ็บถึงสองคนในเวลาไม่ห่างกันมากนัก โทมิยาสึ ไปก่อนในนาที 9 ตามด้วย ซาลีบา ในนาที 21 เบน ไวท์ และ ร็อบ โฮลดิ้ง จึงได้ลงเร็วกว่าที่คาด
ส่วนทางฝั่ง สปอร์ติ้ง พยายามเล่นตามแผนที่วางเอาไว้คือพยายามรับให้แน่น และรอโอกาสวนกลับให้เร็วและแม่นยำ แม้เสียประตูไปก่อน แต่แท็กติกของทีมไม่เปลี่ยน
การเล่นเกมสวนกลับของทีมดังจากโปรตุเกสส่งสัญญาณเตือนเป็นระยะ การสาดบอลยาวขึ้นหน้ามีตัวเก็บเล่นต่อได้หลายครั้ง หรือบางจังหวะเลือกต่อบอลก็วิ่งขึ้นพร้อมกันโดยอัตโนม้ติอย่างน้อย 3 คนเพื่อเพิ่มทางเลือกในการจ่ายบอล
เพียงแต่จุดที่ขาดไปในครึ่งแรกคือจังหวะยิงประตูดูรีบร้อนไปนิดทำให้ขาดความแม่นยำ พวกเขาได้โอกาสยิง 5 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบเลย
ก่อนเข้าสู่ครึ่งหลัง อาร์เตต้า ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าจำใจถอด กาเบรียล เชซุส ออกในช่วงพักครึ่งเพื่อเก็บโควตาเปลี่ยนตัวครั้งสุดท้ายเอาไว้ใช้ระหว่างครึ่งหลังเพราะอาจโชคร้ายมีผู้เล่นเจ็บเพิ่ม
การเปลี่ยนตัวพักครึ่งจะไม่ถูกนับเป็น 1 ใน 3 ครั้งที่เปลี่ยนตัวได้ในเวลาปกติซึ่งเดิมที อาร์เตต้าวางแผนให้ เชซุส เล่น 60 นาทีเพราะเพิ่งหายเจ็บกลับมา
หัวหอกบราซิเลียนต้องถูกเปลี่ยนออกแน่ๆ ในระหว่างครึ่งหลัง แต่ด้วยเพราะเสียโควตาเปลี่ยนตัวไปแล้ว 2 ในครึ่งแรก ทำให้ต้องถูกถอดออกช่วงพักครึ่ง
อาดาน สุดหนึบ
ในครึ่งหลัง สปอร์ติ้ง ลิสบอน เล่นได้ดีกว่าชัดเจนในช่วงยี่สิบนาทีแรกที่สามารถต่อบอลและคุมจังหวะการเล่นราวกับเป็นเจ้าบ้านเอง
พวกเขาได้ผลตอบแทนในที่สุดจากการตัดบอลได้ตรงกลางก่อนยิงประตูสุดมหัศจรรย์ได้จาก เปโดร กอนคัลเวส "โปเต้" ที่โชว์ไหวพริบยอดเยี่ยมมองเห็น อารอน แรมส์เดล ออกมาไกลจึงจัดการลักไกลส่งบอลลอยเสียบใต้คานอย่างสมบูรณ์แบบ
อาร์เตต้า อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปลี่ยน โธมัส ปาร์เตย์ และ บูคาโย่ ซาก้า ลงแทน จอร์จินโญ่ และ รีสส์ เนลสัน ก่อนเริ่มคอนโทรลเกมได้ แต่ก็เกือบโดนอีกลูกจากการเล่นสวนกลับของ สปอร์ติ้ง ที่ มาร์คุส เอ็ดเวิร์ดส์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ซัดติดหน้า แรมส์เดล อย่างจัง
ช่วงท้ายเกม อาร์เซน่อล โหมเกมรุกได้มากกว่า เช่นเดียวกับช่วงต่อเวลาที่เค้นพลังก๊อบสองลุยเข้าใส่ต่อเนื่อง
ทว่าหลายต่อหลายโอกาสที่มีกลับไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ อันโตนิโอ อาดาน นายทวารจอมเก๋าของทีมเยือนที่ป้องกันประตูได้เหนียวหนึบสุดๆ
เมื่อสุดท้ายต้องตัดสินที่การดวลจุดโทษก็เป็นอย่าง อาร์เตต้า ว่าเอาไว้คือเหมือนการซื้อ "ลอตเตอรี่" ที่ครั้งนี้ อาร์เซน่อล ไม่มีดวง
เมื่อมองถึงความมั่นใจระหว่างผู้รักษาประตูทั้งสองฝั่งก็ต้องยอมรับว่า อาดาน ที่ซูเปอร์เซฟหลายครั้งระหว่างเกม มีเหนือกว่า แรมส์เดล ที่คงฝันร้ายไปอีกนานกับลูกยิงจากครึ่งสนาม
สิ่งที่ อาร์เตต้า สรุปข้อผิดพลาดในเกมนี้คือ "เราไม่สามารถหาจังหวะและความลื่นไหลในการของเราตัวเองได้ เราเปิดพื้นที่มากไป เข้าบอลช้าไป และแพ้หลายครั้งในการดวลตัวต่อตัว นอกจากนี้ก็เสียบอลเยอะมาก"
ต้องรวมพลังกันสู้ใหม่
แม้มีความพยายามและแสดงพลังฮึดให้เห็นในช่วงท้าย แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเป็นผู้ชนะ ทำให้ต้องจบเส้นทางเพียงเท่านี้
การตกรอบบอลยุโรปเร็วกว่าที่คาดเป็นความผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับ อาร์เตต้า นักเตะ และแฟนบอลเพราะทุกคนต่างคาดหวังว่าทีมชุดนี้สามารถไปถึงสุดทางได้ มีโอกาสคว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามสิบปีหรือนับตั้งแต่แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ 1995
สุดท้ายไม่ถึงฝั่งฝันหมดลุ้นฟุตบอลถ้วยทุกรายการทั้งในและต่างประเทศ และเหลือเป้าหมายสุดท้ายเพียง "พรีเมียร์ลีก"
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดเพราะการเหลือลุ้นรายการเดียวในลีกทำให้มีสมาธิและโฟกัสมากยิ่งขึ้น มองเห็นปลายทางเดียวเหมือนกัน ไม่มีเรื่องใดให้ต้องพะวงอีก
"ตอนนี้เหลืออีกเกมให้ลงเล่นอีก 11 นัด เป็น 11นัดในพรีเมียร์ลีก" อาร์เตต้า กล่าวย้ำ
"ความผิดหวังไม่ได้หายไปไหน แต่มันก็ทำให้มีความชัดเจนขึ้น เหลืออีก 11 นัดและมีเพียงโฟกัสเดียว ทุกคนต่างคิดถึงสิ่งเดียวกัน"
เป็น 11 นัดสุดท้ายที่คงไม่ต่างจากนัดชิงชนะเลิศทุกนัด เพื่อเป้าหมายเดียวคือการคว้าแชมป์ให้ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT