อึดอัดเล็กน้อยก่อนปล่อยพลัง
แมนฯ ซิตี้ ลงสนามก่อนจัดการไล่ยิงแซง ลิเวอร์พูล 4-1 ในเกมบิ๊กแมตช์คู่แรกหลังเบรกทีมชาติ แต่ อาร์เซน่อล ก็ไม่ยอมพลาดจัดการทุบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในบ้านตัวเอง
ในฐานะจ่าฝูง "ปืนใหญ่" ยังรักษาโมเมนตัมก่อนเบรกทีมชาติเอาไว้ได้ด้วยการเพิ่มสถิติชนะในลีก 7 นัดติดเป็นครั้งแรกในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า
แต่ก่อนจะได้ 3 คะแนนตามเป้าก็มีช่วงเวลาน่าอัดอัดอยู่ไม่น้อย รวมถึงมีปัญหาหลายอย่างให้ อาร์เตต้า ต้องปรับแก้เพราะสภาพทีมหลังเว้นวรรคทีมชาติไม่สมบูรณ์เต็มร้อยนัก
โธมัส ปาร์เตย์ บาดเจ็บกลับมาจากไปเล่นให้ทีมชาติกานา แต่ฟิตทันเวลาลงตัวจริงได้ เช่นเดียวกับ เบน ไวท์ ที่มีปัญหาภาพร่างกายหลายวันก่อนเกม แต่กัดฟันลงช่วยทีมเพราะตำแหน่งแบ็กขวาไม่มีตัวเลือกอีกแล้ว
ขณะที่อาการของ วิลเลี่ยม ซาลีบา กองหลังตัวหลักชาวฝรั่งเศสยังไม่ดีขึ้นและไม่รู้ว่าจะสามารถกลับมาเล่นในฤดูกาลนี้ได้หรือไม่ ร็อบ โฮลดิ้ง จึงได้ลงเล่นแทนอีกนัด
ที่หลุดโผตัวจริงอย่างเซอร์ไพรส์คือ บูคาโย่ ซาก้า ปีกตัวเก่งที่มีอาการป่วยและไม่สามารถลงซ้อมได้เมื่อวันศุกร์ อาร์เตต้า จึงให้เป็นเพียงสำรอง
นับเป็นครั้งแรกของปีกดาวโรวจ์วัย 21 ปีที่เริ่มต้นข้างสนามหลังลงตัวจริงในลีก 52 นัดติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่เป็นสำรองครั้งล่าสุดในเกมพบ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2021
อีกเหตุผลคือเจ้าตัวเพิ่งผ่านสองเกมหนักกับทีมชาติอังกฤษที่ลงเล่นรวม 175 นาที
อาร์เตต้า วางแนวรุกเซตใหม่ให้ กาเบรียล เชซุส เป็นตัวจริงครั้งแรกหลังหายเจ็บกลับมาและได้เคาะสนิมในฐานะสำรอง 3 นัด ส่วนตัวรุกใช้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ขึ้นทางขวา ส่วนฝั่งซ้ายเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และมี มาร์ติน โอเกดการ์ด เจาะตรงกลาง
เชซุส เรียกจุดโทษก่อนลุกขึ้นมายิงเอง
ส่วน ลีดส์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ ฆาบี กราเซีย เจอปัญหาใหญ่ในช่วงเบรกทีมชาติเมื่อ 3 ตัวหลักเดี้ยงเพิ่มไม่ว่าจะเป็น วิลฟรีด ญอนโต้ ตัวรุกดาวรุ่งทีมชาติอิตาลี , ไทเลอร์ อดัมส์ กองกลางทีมชาติสหรัฐฯ และ มักซิมิเลี่ยน เวอเบอร์ กองหลังทีมชาติออสเตรีย
กราเซีย จึงปรับแท็กติกอัดหลังส่ง ปาสกาล ชเตร้าค์ ลงแทน เวอเบอร์ และมี ราสมุส คริสเตนเซ่น เสริมไปอีกรายเพื่อยืนเซนเตอร์แบ็ก 3 คนร่วมกับ โรบิน ค็อค และ ชเตร้าค์ โดยมี ลุค อายลิ่ง กับ จูเนียร์ ฟีร์โป เป็นแบ็กสองข้าง
แท็กติกเน้นรับแน่นรอโต้ของ ลีดส์ มีประสิทธิภาพมากทีเดียวในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกที่ป้องกันเกมรุก อาร์เซน่อล ได้เกือบทุกจังหวะ แถมเกือบเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนด้วย
ทัพยูงทองหาจังหวะโจมตีจนทำให้ อารอน แรมส์เดล ต้องออกแรงเซฟสองครั้งเน้นๆ ตั้งแต่ต้นเกมจากการยิงของ ราสมุส คริสเตนเซ่น และ แจ็ค แฮร์ริสัน
เกมรุกปืนใหญ่หาช่องเจาะลำบากและมีโอกาสลุ้นจะแจ้งครั้งเดียวในครึ่งชั่วโมงแรกจากลูกโหม่งของ กาเบรียล เชซุส ที่ข้ามคาน
อย่างไรก็ตาม ความสามารถเฉพาะตัวของเชซุส ก็ปลดล็อกให้ทีมหลังเรียกจุดโทษได้และลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาด
หัวหอกบราซิเลียนล็อกหนีกองหลังทีมเยือนก่อนโดน ลุค อายลิ่ง อดีตเด็กปั้นปืนใหญ่แหย่เท้าจิ้มหัวเข่า แม้ไม่ได้รุนแรงมากแต่เป็นการฟาวล์ชัดเจน
ประตูนี้สำคัญต่อ อาร์เซน่อล ที่ต้องการประตูนำก่อนจบครึ่งแรกให้ได้ และสำคัญต่อ เชซุส ที่ยิงประตูแรกให้ทีมในรอบ 6 เดือนเลยทีเดียว
อดีตแข้ง แมนฯ ซิตี้ ยิงไม่ได้ในเลย 10 นัดสุดท้ายก่อนลุยฟุตบอลโลกที่ไปบาดเจ็บหนัก และพักยาวจนกระทั่งกลับมาลงเล่นได้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
หลังได้ประตูที่ต้องการ เกมรุกของ อาร์เซน่อล ก็ไหลลื่นงมีชีวิตชีวาขึ้นมากก่อนเริ่มครึ่งหลังทำอีก 2 ประตูใน 10 นาทีแรกจาก เบน ไวท์ และ เชซุส คนเดิม
'ไอ้เสือขาว' สอดมายิงประตูอีกแล้ว
การดันเกมรุกในช่วงหลังของ ไวท์ ช่วยทีมได้มากจริงๆ เขาเป็นคนยิงตีเสมอ บอร์นมัธ ก่อนพาทีมแซงชนะอย่างบีบหัวใจ เช่นเดียวกับวันชนะ พาเลซ ก่อนเบรกทีมชาติที่แอสซิสต์ให้ บูคาโย่ ซาก้า ทำประตู
กองหลังลีดส์เองก็ไม่ทันระวังว่า ไวท์ จะสอดเข้ามาเขตโทษอย่างรวดเร็ว และไม่คิดว่าลูกเปิดของ มาร์ติเนลลี่ จากฝั่งซ้ายจะผ่านแนวรับหลายคนทะลุมาถึงเสาไกลได้
"เขามีปัญหาบางอย่างในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เขาคือนักสู้ตัวจริง เขาอยากช่วยทีม เราขาดแคลนตำแหน่งนั้นเพราะอาการบาดเจ็บของ โทมิ"
"เขาทำประตูได้ด้วยซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับเขา เขาทำได้ยอดเยี่ยมและพัฒนาขึ้นมากในการเล่นลูกตั้งเตะ เขาดึงดูดความสนใจทำให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดพื้นที่ ผมแฮปปี้กับเขาจริงๆ" อาร์เตต้า กล่าวชมอดีตแข้ง ลีดส์ ที่ทำประตูทีมเก่าได้
ขณะที่ประตูสามต้องชมการประสานงานของ ทรอสซาร์ และ เชซุส โดยเฉพาะรายแรกที่ดูเหมือนเงียบๆ จากการถูกโยกไปเล่นฝั่งขวา แต่ก็โผล่มาหาจังหวะแอสซิสต์ให้เพื่อนจนได้
ปีกทีมชาติเบลเยียมตอกย้ำให้เห็นว่าเป็นการเสริมทัพอันยอดเยี่ยมของ อาร์เตต้า ด้วยการทำแอสซิสต์ที่ 7 จาก 6 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก และมีเพียง ซาก้า ที่แอสซิสต์ได้มากกว่าหากนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในตลาดหน้าหนาว
27 ล้านปอนด์ที่จ่ายให้ ไบรท์ตัน กลายเป็นดีลที่คุ้มค่าโดยที่ไม่ต้องเวลานานเพื่อประเมินผลงาน
อาร์เตต้า พาทีมชนะในลีก 7 นัดติดเป็นครั้งแรก
อาร์เซน่อล จึงคอนโทรลสถานการณ์ได้ก่อนเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย และแม้มีช่วงดร็อปลงเล็กน้อยจนถูกตีไข่แตกได้ แต่ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่าก็ยิงฝังอีกลูกจากลูกโหม่งอันเด็ดขาดของ กรานิต ชาคา ที่ มาร์ติน โอเดการ์ด เปิดให้สวยงามไม่แพ้กัน
"หลังจากเบรกทีมชาติ เราเจอกับสถานการณ์ยุ่งยากหลายอย่างให้ต้องจัดการกับผู้เล่นบางคน และมันก็เป็นเครื่องหมายคำถามเสมอว่าทีมจะตอบสนองอย่างไร"
"ผมคิดว่าเราทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทุกคนต่างต้องการมีส่วนร่วม และเราเอาชนะได้ด้วยแนวทางที่น่าประทับใจซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถคอนโทรลได้" อาร์เตต้า กล่าว
ขณะที่ กาเบรียล เชซุส แม้จะเสียดายที่พลาดโอกาสทำแฮตทริก และอยากเล่นจนจบเกม แต่ก็เข้าใจได้ในการตัดสินใจของผู้จัดการทีมที่มองว่าเพิ่งหายเจ็บยาวกลับมา ต้องค่อยเป็นค่อยไป
"นักเตะทุกคนอยากเล่นเต็ม 90 นาทีอยู่แล้ว ผมจึงผิดหวังเล็กน้อยเพราะอยากเล่น แต่แน่นอนว่าผมเคารพการตัดสินใจของผู้จัดการทีม และผู้เล่นคนอื่นๆ"
"มิเกล รู้ดีว่าผมชื่นชมเขามากขนาดไหน และผมก็เคารพเขากับทีมเช่นกัน ดังนั้นมันอาจเป็นแค่ 60 นาที แต่ผมก็สนุกมากๆ" เฆซุส กล่าว
นั่นทำให้ผ่านนัดแรกหลังเบรกทีมชาติ สถานการณ์ลุ้นแชมป์ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่เส้นชัยข้างหน้าอยู่ใกล้เข้ามาอีกนิด
แมนฯ ซิตี้ ยังคงกัดไม่ปล่อยในฐานะผู้ไล่ล่า ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะผู้นำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เหลืออีก 9 นัดสำหรับ อาร์เซน่อล และ 10 นัดสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ลุ้นบีบหัวใจกันยิ่งกว่าเดิม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT