ได้ 1 คะแนน หรือ เสีย 2 คะแนน
อาร์เซน่อล มีโอกาสที่ดีมากในการปลดแอกบุกชนะ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก
แต่ขณะเดียวกัน มิเกล อาร์เตต้า ก็ยอมรับว่า "โชคดี" ที่ได้หนึ่งคะแนนกลับออกมา และต้องขอบคุณ อาร่อน แรมส์เดล ที่มีส่วนมหาศาลช่วยทีมรอดพ้นความปราชัย
ย้อนไป 6 ครั้งหลังสุดที่มาเยือนแอนฟิลด์ในเกมพรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล แพ้กลับออกไปทั้งหมด และเสียรวม 22 ประตู หลายต่อหลายนัดแพ้แบบสู้ไม่ได้ เหมือนบอลคนละชั้น
แต่ครั้งนี้ ปืนใหญ่มาเยือนด้วยฟอร์มการเล่นและขุมกำลังที่ดีกว่าหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นฤดูกาลที่ทำผลงานยอดเยี่ยมจนได้ลุ้นแชมป์เต็มตัว และที่มีคะแนนก่อนแข่งเหนือหงส์แดงมากถึง 29 คะแนน
หากไม่นับ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่ลงแทน วิลเลี่ยม ซาลีบา ซึ่งยังไม่หายเจ็บ นี่คือ 11 ตัวจริงชุดดีสุดที่ มิเกล อาร์เตต้า ใช้งานเป็นหลักในฤดูกาลนี้
ด้วยความพร้อมและผลงานในลีกช่วงหลังที่กลับมาติดเครื่องชนะ 7 นัดติด อาร์เซน่อล จึงเริ่มต้นที่แอนฟิลด์ได้ดีกว่าทุกครั้งโดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงแรกที่ออกนำก่อนถึง 2-0
ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่นำเจ้าถิ่นก่อนสองประตู และครั้งสุดท้ายที่นำ 2-0 ก็คือครั้งล่าสุดที่บุกชนะได้ในสกอร์นี้เมื่อปี 2012
เป็นครึ่งชั่วโมงแรกที่ปืนใหญ่ทำได้สมบูรณ์แบบทั้งเกมรุกใช้โอกาสไม่เปลือง และเกมรับที่ปิดช่องการโจมตีของหงส์แดงได้เกือบหมด ขณะเดียวกันก็มีโอกาสบวกเพิ่มลูกที่สามด้วย
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในท้ายครึ่งแรกที่ ลิเวอร์พูล ตีไข่แตกได้
กูรูหลายคนมองจังหวะก่อนหน้านั้นที่ กรานิต ชาคา งัดกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จนได้ใบเหลืองทั้งคู่ถือว่ามีส่วนไม่น้อยในการทำให้หงส์แดงกลับสู่เกมได้
ด้วยจังหวะฮึดฮัดกันของนักเตะในสนาม ส่งผลต่อเสียงเชียร์เหมือนถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง และทุกคนต่างรู้กันดีว่าพลังของเดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์เป็นเหมือนพลังวิเศษที่ช่วยนักเตะหงส์แดงได้อย่างมากจริงๆ
ขนาดในฤดูกาลที่ผลงานโดยรวมน่าผิดหวัง และทำได้เพียงลุ้นท็อปโฟร์ในเวลานี้ แต่ก็ยังเปิดรังขย่มทีมใหญ่ด้วยกันได้หมดไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้, นิวคาสเซิ่ล และแน่นอนไม่มีใครลืมวันที่ไล่ถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 7-0
เดอะ ค็อป มีส่วนอย่างมากกับเกมระดับนี้ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
โมเมนตัมต่อเนื่องกันทั้งเสียงเชียร์อื้ออึงชวนขนลุกยิ่งกว่าเดิม และประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำให้ลิเวอร์พูลมีความหวังขึ้นมาอย่างมากก่อนพักเบรก
สกอร์ 2-0 และ 2-1 ห่างกันเพียงประตูเดียวก็จริง แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแตกต่างกันมาก อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายนำแต่ต้องขอบคุณระฆังหมดครึ่งแรกที่ช่วยให้ได้พักหายใจหายคอในช่วงที่รูปเกมกำลังพลิกกลับมาเป็นรอง
ทว่าช่วงพักครึ่งที่ อาร์เซน่อล น่าจะตั้งสติได้อีกครั้งกลับไม่เป็นอย่างที่คิด และกลายเป็นครึ่งหลังที่ต่างจากครึ่งชั่วโมงแรกโดยสิ้นเชิง ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายพับสนามบุกแทบฝ่ายเดียว และสร้างโอกาสลุ้นประตูนับไม่ถ้วน
อาร์เซน่อล เหมือนช็อตไปดื้อๆ และไม่สามารถคอนโทรลเกมได้เลย ต้องวิ่งไล่ตามการเล่นของ ลิเวอร์พูล ที่ขึงเกมได้ต่อเนื่อง และโชว์ให้เห็นถึงพลังและลูกฮึดที่ยอดเยี่ยมทั้งที่เพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์มาหมาดๆ
หงส์แดงได้ประตูตามตีเสมออย่างที่สมควรได้เพราะรูปเกมดีกว่ามากจริงๆ และอย่างที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกหลังว่าเสียดายที่แซงชนะไม่ได้
นอกจากการเซฟพัลวันมือแทบแตกของ อาร่อน แรมส์เดล แล้ว โม ซาลาห์ เองก็น่าจะยิงได้ 3-4 ประตูไม่ยากในเกมนี้
ซาลาห์ มีโอกาสยิงถึง 10 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียง 3 ครั้งที่เป็น 1 ประตู และติดเซฟอีก 2
มาตรฐานของ ซาลาห์ ทำได้ดีกว่านี้แน่นอน ทว่าหลายจังหวะที่ยิงหลุดกรอบไปดื้อๆ ก็เหมือนกับว่าไม่ใช่วันของเขา เช่นเดียวกับจุดโทษที่บรรจงเลือกมุมอย่างดี แต่บิดเท้ามากไปนิดจนบอลหลุดเสาออกหลัง
อาร์เซน่อล มีโชคจริงๆ ที่ ซาลาห์ ไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร ไม่อย่างนั้นก็คงมือเปล่ากลับออกไปอีกปี
ในมุมของ อาร์เซน่อล ที่มีความรู้สึกหลากหลายเกิดขึ้น พวกเขาได้บทเรียนล้ำค่าที่หวังว่าคงช่วยให้เติบโตมากขึ้นจากเกมนี้
การนำ ลิเวอร์พูล ได้ก่อน 2-0 ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ดังนั้นเมื่อทำได้แล้วควรต้องรู้ว่าจะเล่นอย่างไรเพื่อรักษาสกอร์นำให้ได้
ด้วยผลงานยอดเยี่ยมในยืนระยะนำจ่าฝูงมาถึงตอนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางครั้งก็ทำให้แข้งปืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งหลายคนมีความ "ห้าว" และ "ย่ามใจ" มากไปนิด
แทนที่จะปรับกลยุทธิ์เน้นความรัดกุมมากขึ้น แต่ยังเปิดหน้าลุยทุกจังหวะ การเล่นแบบนี้ได้ใจแฟนบอลบางส่วนก็จริง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เกมรับมีพื้นที่ให้คู่แข่งได้โจมตีเช่นกัน
ทีมปืนใหญ่อยู่ในจุดที่มีโอกาสคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบปี ดังนั้นสิ่งสำคัญสุดคือผลการแข่งขัน บางครั้งก็ต้องยอมทิ้งความสนุก ความเอนเตอร์เทนไปบ้าง เพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ
ลูกทีมของ อาร์เตต้า ยังไม่เก๋ามากพอในจุดนี้ แถมตัวที่มีประสบการณ์อย่าง กรานิต ชาคา ซึ่งควรคอนโทรลทิศทางการเล่นของทีมได้ กลับกลายเป็นอีกหนึ่งชนวนปลุกแฟนบอลในแอนฟิลด์ให้เสียงดังมากขึ้น
แฟนบอลหงส์แดงส่งพลังถึงนักเตะได้จริงๆ เพราะเทียบความฟิตความสดแล้วควรเป็นปืนใหญ่ที่มีมากกว่าเพราะได้พักเตรียมความมาเต็มๆ ไม่มีโปรแกรมกลางสัปดาห์
ทว่า อาร์เซน่อล กลับเร่งไม่ขึ้นในครึ่งหลัง และเหมือนหมดแรงไปเสียเอง พอมีจังหวะโต้กลับ 2-3 ครั้งเลยดูไม่เฉียบคม ไม่หนักแน่นเท่าที่ควร ทั้งที่จังหวะลักษณะนี้เป็นประตูไม่ยากโดยเฉพาะช่วงทดเจ็บที่ได้หลุดพร้อมกัน 3 คน แต่กลับทิ้งโอกาสไปน่าเสียดาย
อาร์เซน่อล ยกระดับการเล่นขึ้นมาอย่างมากในฤดูกาลนี้ แต่ก็ยังไม่ใช่ทีมที่สมบูรณ์แบบ พวกเขายังมีจุดอ่อนที่ซุกซ่อนอยู่พอสมควร เช่นเดียวกับหัวจิตหัวใจที่ยังต้องพิสูจน์อีกมากในช่วงเวลากดดัน
หลายนัดเอาตัวรอดได้ดีอย่างน่ายกย่อง พลิกจากแพ้เป็นเสมอ พลิกจากเสมอเป็นชนะ หลายๆ ประตูเกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายและช่วงทดเจ็บ
แต่บททดสอบล่าสุดที่แอนฟิลด์ก็ยังเป็นโจทย์ที่ก้าวข้ามไม่ได้ และต้องพยายามกันต่อไป
ผลเสมอในเกมนี้ไม่ใช่สิ่งดีสุดสำหรับ อาร์เซน่อล แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเพราะนี่คือการเสมอที่แอนฟิลด์ และได้คะแนนติดมือกลับออกไปเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ฤดูกาลหลังสุด
ถ้าคิดตามตรรกะง่ายๆ ในอีก 8 นัดสุดท้าย ถ้า อาร์เซน่อล ชนะทุกนัดก็จะคว้าแชมป์แน่นอน พวกเขากุมชะตาตัวเองไว้ในมือ
แต่แน่นอนว่าโปรแกรมที่ต้องไปเยือน แมนฯ ซิตี้ (26 เมษายน) ก็อาจเป็นเกมที่ไม่สามารถกุมชะตาหรือคอนโทรลการเล่นของตัวเองได้ง่าย
สิ่งที่จะเกิดขึ้นอาจเป็นแบบเดียวกับครึ่งหลังของเกมที่แอนฟิลด์
ถึงตรงนั้นก็น่าสนใจว่า มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมจะเรียนรู้จากนัดล่าสุดนี้ในดีเพียงใดเพื่อเตรียมตัวสำหรับเกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ซึ่งอาจเป็นเกมที่ชี้ชะตาแชมป์ก็เป็นได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT