การเดินทางอันยาวไกลของ 'ขุนค้อน' และ 'มอยส์'
แม้เป็นถ้วยเล็กสุด "ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก" แต่สำหรับ เวสต์แฮม แล้วมันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และรอคอยมานาน
"ขุนค้อน" ได้แชมป์ยุโรปครั้งล่าสุดคือ คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1965 หรือหนึ่งปีก่อนทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์โลกสมัยแรกและสมัยเดียว
ผ่านมา 58 ปีเต็มจึงได้เชยชมแชมป์ยุโรปอีกครั้ง
ฤดูกาลที่แล้ว เวสต์แฮม ได้เล่นในถ้วยยูโรปา ลีก และเข้ารอบลึกจนถึงตัดเชือกที่พ่ายต่อ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต และเป็นทีมดังจากเยอรมันที่คว้าแชมป์ได้ในที่สุด
ส่วนฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งปิดฉากลงไป ทีมของ เดวิด มอยส์ ได้เล่นถ้วยยุโรปต่อเนื่องเป็นฤดูกาลที่สองในศึกคอนเฟอเรนซ์ ลีก และทำได้ดีจนถึงขั้นคว้าแชมป์มาครอง
เส้นทางแชมป์ยุโรปของขุนค้อนเริ่มตั้งแต่รอบเพลย์ออฟในกลางเดือนสิงหาคมลากยาวจนถึงต้นเดือนมิถุนายนของปีนี้ คิดเป็นจำนวนนัดรวมทั้งหมด 15 นัด
สถิติถูกบันทึกเอาไว้ว่าพวกเขาเก็บชัยชนะในยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ได้มากกว่าชัยชนะในพรีเมียร์ลีก
ตลอดฤดูกาล 2022/23 ทีมของ เดวิด มอยส์ ชนะในลีกได้เพียง 11 นัด และจบอันดับ 14 ของตาราง
โบเว่น กับประตูแห่งประวัติศาสตร์
แต่ในเวทียุโรป สามารถกวาดชัยชนะได้ถึง 14 นัด หลุดเสมอเพียงนัดเดียวเท่านั้นซึ่งเป็นผลงานที่สุดยอดอย่างมาก
เวสต์แฮม จึงกลายเป็นแชมป์ยุโรปรายการระดับเมเจอร์ที่ผลงานในลีกแย่สุดเท่าที่เคยมีมา
หลายต่อหลายครั้ง ทีมดังจากกรุงลอนดอนสุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้นจากการป่วนเปี้ยนอยู่ในโซนท้ายตาราง และตัวของ มอยส์ ก็เคยเป็นเต็งหนึ่งกุนซือที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่ง
แต่สุดท้าย มอยส์ ก็พาตัวเองและทีมเอาตัวรอดได้หวุดหวิด และจบฤดูกาลได้น่าทึ่งด้วยตำแหน่งแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก
ในฤดูกาลที่ผลงานในลีกดิ่งเหว น้อยคนนักจะคาดคิดว่า เวสต์แฮม มาไกลสุดทางสายยุโรปได้ขนาดนี้
กุนซือวัย 60 ปีกล่าวว่า "ผมยินดีมากๆ กับทุกคนที่ เวสต์แฮม สำหรับโทรฟี่นี้เพราะผมไม่คิดว่าตอนรับตำแหน่งเมื่อสามปีหรือสามปีครึ่งที่แล้วจะมีใครคาดคิดว่าเราจะมาเล่นฟุตบอลยุโรปและคว้าแชมป์ได้"
"ปีก่อนเราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และได้เล่นยุโรปอีกครั้งในปีนี้ การได้เข้าชิงคอนเฟอเรนซ์ ลีก และชนะได้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง" มอยส์ เปิดใจถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น
กุนซือจอมเก๋าเคยมีช่วงย่ำแย่ในลีกเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างฤดูกาลจากการที่ทีมชนะได้เพียง 4 จาก 17 นัด และเป็นการแพ้ 5 นัดติดก่อนเบรกฟุตบอลโลก
เดวิด มอยส์ ได้แชมป์เมเจอร์รายการแรกในวัย 60 ปี
หลังจบฟุตบอลโลกกลับมาก็ใช่ว่าผลงานจะดีขึ้น ทัพขุนค้อนไม่เคยชนะในลีกสองนัดติดได้เลยจนกระทั่งจบฤดูกาล
หากไม่ได้คุณงามความดีในเวทียุโรปช่วยเอาไว้ มอยส์ ก็คงหลุดตำแหน่งไปนานแล้ว
ต้องให้เครดิตอดีตกุนซือ เอฟเวอร์ตัน และ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึงลูกทีมทุกคนที่กอดคอสู้และฝ่าวิกฤตด้วยกันจนพุ่งชนความสำหรับความสำเร็จในถ้วยยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ครั้งนี้
สำหรับหลายทีม การลงเล่นในถ้วยเล็กยุโรป หรือกระทั่งถ้วยรองอย่างยูโรปา ลีก ไม่ใช่ภารกิจสำคัญอันดับแรก เราจึงได้เห็นการเปลี่ยนทีมกันเป็นว่าเล่นเพื่อให้สำรองและดาวรุ่งลงสนาม ขณะที่ตัวหลักถูกเก็บเอาไว้ลุยในลีก
แต่ มอยส์ ค่อนข้างเอาจริงกับรายการนี้อย่างมาก แม้มีการโรเตชั่นแต่ก็ไม่ถึงขั้นปรับยกแผง
แน่นอนว่ามันเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งกระทบถึงฟอร์มในลีกเพราะเวสต์แฮมไม่ใช่ทีมขนาดใหญ่ที่มีขุมกำลังพร้อมสรรพสามารถแบ่งได้สองทีมสบาย
หลายต่อหลายคนจึงต้องลงเล่นแทบไม่ได้หยุดพัก
จาร์ร็อด โบเว่น ฮีโร่คนล่าสุดลงสนามรวม 54 นัดในทุกรายการ ขณะที่ ซาอิด เบนราห์ม่า ที่ซัดจุดโทษประตูแรก ตามมาติดๆ 52 นัด ส่วน ดีแคลน ไรซ์ กัปตันทีม และคู่หูแดนกลางอย่าง โธมัส ซูเช็ค ลงเล่นเท่ากัน 50 นัด
ยังดีที่บอลถ้วยในประเทศทั้งเอฟเอ คัพ และลีกคัพ ตกรอบเร็วได้เล่นรวม 4 นัด ไม่งั้นตัวเลขการลงสนามของแกนหนักเหล่านี้ผ่านหลัก 60 อย่างแน่นอน
เมื่อดูเส้นทางการเป็นกุนซือของ เดวิด มอยส์ ก็ยิ่งน่าเหลือเชื่ออย่างมากกับการทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้ในฤดูกาลนี้
มอยส์ เริ่มคุมทีมมาตั้งแต่ปี 1998 เส้นทางชีวิตพาดผ่านหลายทีมไม่ว่าจะเป็น เปรสตัน, เอฟเวอร์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล โซเซียดาด, ซันเดอร์แลนด์ ก่อนปักหลักกับ เวสต์แฮม ตั้งแต่ปลายปี 2017 เป็นต้นมา
งานนี้ต้องฉลอง!
ทว่ากุนซือจากสกอตแลนด์รายนี้ไม่เคยได้แชมป์รายการเมเจอร์แม้แต่ครั้งเดียวจนกระทั่งปลดล็อกได้ในยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งเป็นการคุมทีมนัดที่ 1,097 ในอาชีพเลยทีเดียว
ได้แชมป์สำคัญครั้งแรกหลังคุมทีมเกินหนึ่งพันนัด และพาสโมสรได้แชมป์ยุโรปรายการระดับเมเจอร์ใบแรกในรอบ 58 ปี
การเดินทางอันยาวไกลของ เวสต์แฮม และ เดวิด มอยส์ มาถึงเส้นชัยในที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นในฤดูกาลที่เกือบต้องตกชั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT