นักล่าสถิติ
ไม่ใช่เพียงเดอะ ค็อป แต่รวมถึงแฟนบอลทั่วไปที่ตื่นตาตื่นใจกับฟอร์มการเล่นของดาวเตะทีมชาติอียิปต์
ไม่บ่อยนักที่นักฟุตบอลสักคนจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ลิโอเนล เมสซี่ แต่สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
เมสซี่ สร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟนบอลทั่วโลกและพิสูจน์ตัวเองมาเกินสิบปี ได้แชมป์ระดับสโมสรมาแล้วทุกอย่าง เป็นเจ้าของบัลลง ดอร์ อีก 5 สมัย และยิงประตูทั้งในระดับทีมชาติและสโมสรรวมเกิน 600 ประตูเข้าให้แล้ว
ทว่าหากวัดกันที่ผลงานในฤดูกาลนี้ โม ซาลาห์ ไม่เป็นรองแข้งทีมชาติอาร์เจนตินาแต่อย่างใด
ซาลาห์ ทำไปแล้ว 36 ประตูจากทุกถ้วย มากกว่า เมสซี่ ทั้งที่ลงเล่นน้อยกว่าคิดเป็น 8 ชั่วโมง
ประตูของดาวเตะสายพันธุ์มัมมี่มาจากโอกาสยิงที่น้อยกว่า 78 ครั้ง และเกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลที่ห่างจากจ่าฝูงถึง 18 คะแนน ไม่ใช่ทีมนำและอยู่บนเส้นทางลุ้น 3 แชมป์อย่างบาร์เซโลน่า
ตอนนี้ ซาลาห์ ยิงในลีกไปแล้ว 28 ประตู ต้องการอีกเพียง 4 ประตูก็จะทำสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แข่ง 38 นัด (นับตั้งแต่ฤดูกาล 1995-96 เป็นต้นมา)
สถิติพรีเมียร์ลีกตอนนี้ครองร่วมกัน 3 คนคือ อลัน เชียเรอร์ (1995-96), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (2007-08) และหลุยส์ ซัวเรซ (2013-14) ที่ยิงได้ 31 ประตูเท่ากัน
ส่วนในยุคแรกของพรีเมียร์ลีกที่แข่งกันทีมละ 42 นัด สถิติยิงประตูสูงสุดคือ 34 ประตู ทำไว้โดย แอนดี้ โคล (1993-94) และ อลัน เชียเรอร์ (1994-95)
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงจนเผาผลาญกองหลังคู่แข่งวอดวาย การยิงอีก 4 ประตูใน 7 นัดสุดท้ายคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับ ซาลาห์
สถิติดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก
ตอนที่ โรนัลโด้ และ ซัวเรซ ยิงทาบสถิติ ''ฮอตชอต'' แฟนบอลก็เห็นกันอยู่แล้วว่าโคตรสุดยอด และไม่คิดว่าจะมีนักเตะคนใดทำได้อีก โดยเฉพาะคนที่เคยมีภาพความล้มเหลวในพรีเมียร์ลีกติดตัวมาก่อน
ในฤดูกาลที่ โรนัลโด้ สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้ เขาเริ่มต้นอย่างเนิบช้าเมื่อยิงไม่ได้เลยใน 4 นัดแรก และยังมาติดโทษแบนอีก 3 นัดหลังโดนใบแดงในเกมกับพอร์ทสมัธ
ต้องรอจนถึงปลายเดือนกันยายนในนัดที่ 8 ของฤดูกาลกว่าจะเริ่มนับหนึ่ง
ซัวเรซ เองก็ไม่ต่างกันเพราะไม่ได้ลงสนามใน 5 นัดแรกของฤดูกาล 2013-14 เนื่องจากติดโทษแบน หัวหอกอุรุกวัยยิงประตูแรกในช่วงปลายเดือนกันยายนเหมือน โรนัลโด้ นอกจากนี้ยังมีช่วงปืนฝืดยิงไม่ได้ 4 นัดติดในเดือนกุมภาพันธ์
แต่ฟอร์มการถล่มประตูของ ซาลาห์ ต่างจาก โรนัลโด้ และ ซัวเรซ ตรงที่ยิงได้ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล และมีความสม่ำเสมอมากกว่า
ในท็อปเทนดาวซัลโวแต่ละฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ซาลาห์ มีช่วงสะดุดยิงไม่ได้ติดต่อกันน้อยที่สุดเพียงแค่ 2 นัดซึ่งเกิดขึ้นในเกม เสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1 (เยือน) และเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 (เหย้า)
ดาวยิงทั้งเก่าและใหม่หลายต่อหลายคนไม่ว่าจะเป็น อลัน เชียเรอร์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เควิน ฟิลลิปส์, รุด ฟาน นิสเตลรอย, เธียร์รี่ อองรี, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, หลุยส์ ซัวเรซ จนมาถึง แฮร์รี่ เคน ต่างเคยมีช่วงปืนฝืด 3-4 นัดติด ทว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในฤดูกาลแรกของ ซาลาห์ กับ ลิเวอร์พูล
ค่าเฉลี่ยทำประตูในลีกของอดีตแข้งบาเซิ่ลอยู่ที่ 1 ประตูทุกๆ 85.5 นาที
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่เคยปืนฝืดเกิน 2 นัด
ถ้ารักษาโมเมนตัมในการลั่นไกระดับนี้เอาไว้ อดีตส่วนเกินของ โชเซ่ มูรินโญ่ จะยิงได้ถึง 35 ประตูซึ่งไม่ใช่เพียงสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก แต่ยังเป็นสถิติมากสุดของลีกสูงสุดอังกฤษนับตั้งแต่ รอน เดวิส หัวหอกเซาธ์แฮมป์ตันเคยยิงได้ 37 ประตูในฤดูกาล 1966-67
ต้องไม่ลืมนะครับว่า ลิเวอร์พูล ซื้อตัว ซาลาห์ มาในราคาเพียง 36.9 ล้านปอนด์ ซึ่งเมื่อดูจากค่าตัวนักเตะในทุกวันนี้แล้วก็คงต้องบอกว่าไม่มีอะไร ''คุ้ม'' ยิ่งกว่านี้อีกแล้ว กลายเป็นของดีราคาถูกที่ไม่ได้หาง่ายๆ ในท้องตลาด
หากจำกันได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ และบอร์ดบริหารหงส์แดงพยายามอยู่นานมากในการปิดดีล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะยื้อค่าตัวกับทางต้นสังกัดโรม่า
ถึงตรงนี้ทุกคนได้คำตอบกันว่าทำไม คล็อปป์ ถึงตามตื๊อยิ่งกว่าจีบสาวรักแรก ขณะที่ฝั่ง ''หมาป่าเหลือง-แดง'' ได้แต่บ่นอุบภายหลังว่าเดินหมากผิดพลาดที่เรียกค่าตัว ซาลาห์ ได้น้อยเกินไป
ยิ่งได้เห็นประตูแล้วประตูเล่าที่อดีตตัวเองกระหน่ำตาข่ายคู่แข่งให้หงส์แดงก็ได้แต่ตบหัวเข่าฉาดใหญ่ด้วยความเสียดาย
คล็อปป์ กล่าวเสริมว่าสิ่งที่ ซาลาห์ ทำในฤดูกาลนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนอิทธิพลที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า มีต่อทีม คือมีคุณภาพฝีเท้าที่พาทีมไปถึงเป้าหมายได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่ละฤดูกาลก็จะมีนักเตะคนใดคนนึง หรือหลายคนที่เล่นได้อย่างท็อปฟอร์ม และยิงประตูเป็นว่าเล่น แน่นอนว่าฤดูกาลนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือคนนั้น
น่าเหลือเชื่อว่านี่คือฤดูกาลแรกของเจ้าตัวกับลิเวอร์พูล แม้จะเคยมีประสบการณ์ (ด้านลบ) ในเวทีพรีเมียร์ลีกมาบ้างกับเชลซี แต่แทบไม่มีอะไรให้จดจำนอกจากยิงปิดท้ายในวันถล่มอาร์เซน่อล 6-0 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
รอลุ้นกันครับอีกเพียง 3 ประตูเพื่อทาบสถิติ หรืออีก 4 เพื่อสร้างขึ้นใหม่
ถ้าทำได้ พรีเมียร์ลีก 2017/18 นอกจากจะเป็นฤดูกาลที่แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ด้วยผลงานอันสุดยอดแล้ว
ผลงานของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็จะเป็นอีกสิ่งที่แฟนบอลต้องจดจำไปอีกนานเพราะนี่คือฤดูกาลของเจ้าตัวอย่างแท้จริง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT