:::     :::

'ไรซ์' บนทางแยกระหว่าง 'แบกปืน' หรือ 'ลงเรือ'

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากขับเคี่ยวแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลล่าสุดกันมาแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล เปิดศึกกันอีกครั้งในตลาดนักเตะกับการแย่งชิงตัว "ดีแคลน ไรซ์" กองกลางตัวเก่งของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

อาร์เซน่อล วางตัว ดีแคลน ไรซ์ เป็นเป้าหมายเสริมทัพอันดับหนึ่งที่ต้องการดึงร่วมทีมให้ได้ในตลาดซัมเมอร์นี้ 

ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เพิ่งแสดงเจตนารมณ์ในช่วงหลังว่าต้องการได้ยอดกองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้เช่นกัน

การขยับตัวของ แมนฯ ซิตี้ ทำให้ อาร์เซน่อล ที่เป็นตัวเต็งได้ ไรซ์ มาโดยตลอด เริ่มชักไม่แน่เพราะทัพเรือใบก็มีแรงดึงดูดหลายอย่างที่มากเกินพอให้ ไรซ์ ตัดสินใจร่วมทีม

ตามรายงานข่าว อาร์เซน่อล ยื่นข้อเสนอไปแล้วสองรอบ แต่ยังไม่ถึงตัวเลขที่ เวสต์แฮม ต้องการ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็เตรียมยื่นอย่างเป็นทางการหลังตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า "เอาแน่" 

สมมุติว่าทั้งสองสโมสรสามารถตกลงค่าตัวกับเวสต์แฮมได้ และการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับตัวนักเตะ 

ดีแคลน ไรซ์ ในวัย 24 ปี จะเลือกเส้นทางใดระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ 

วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบ "ข้อดี" ของทั้งสองทีม และเดาใจ ไรซ์ ว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกเดินทางไปทางไหน


อาร์เซน่อล

ข้อดีอย่างแรกสำหรับ ดีแคลน ไรซ์ คือ ได้เล่นฟุตบอลในลอนดอนต่อไป ได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนฝูง และครอบครัวที่ภรรยาเพิ่งให้กำเนิดทายาทคนแรกเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว ไม่ต้องยุ่งยากกับเรื่องนอกสนามมากนัก 

ไรซ์ เกิดและโตในลอนดอนมาโดยตลอด เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลตอนอายุ 7 ขวบที่เข้าทีมเยาวชนของ เชลซี เมื่อปี 2006 จากนั้นไปอยู่กับ เวสต์แฮม ในปี 2014 ก่อนได้เล่นชุดใหญ่อีก 3 ปีต่อมา


อาร์เซน่อล ในตอนนี้เป็นทีมพลังหนุ่มที่มีพัฒนาการอย่างมากในฤดูกาลล่าสุด อายุเฉลี่ยของผู้เล่นตัวจริงอยู่ที่ 24.7 ปีซึ่งเท่ากับ ไรซ์ พอดี 

ความเป็นทีมหนุ่มแห่งอนาคตจะยิ่งชัดเจนขึ้นหาก ไรซ์ มาร่วมทีมในช่วงเวลาที่สองตัวเก๋า กรานิต ชาคา (30 ปี) และ โธมัส ปาร์เตย์ (30 ปี) กำลังจะย้ายออกไป 

ตัวหลักหลายคนของทีมในปัจจุบันล้วนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือน้อยกว่า ไรซ์ ไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล เชซุส (26 ปี), โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ (26 ปี), อาร่อน แรมส์เดล (25 ปี), กาเบรียล มากัลเญส (25 ปี), เบน ไวท์ (25 ปี), มาร์ติน โอเดการ์ด (24 ปี), ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ (24 ปี), กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (22 ปี), วิลเลี่ยม ซาลีบา (22 ปี), เอมิล สมิธ โรว์ (22 ปี), บูคาโย่ ซาก้า (21 ปี) รวมไปถึง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (24 ปี) ที่เคยอยู่ในทีมเยาวชน เชลซี มาด้วยกัน

ไรซ์ จะเป็นตัวจริงแน่นอนที่ อาร์เซน่อล ซึ่งตามตำแหน่งการเล่นน่าจะแทนที่ โธมัส ปาร์เตย์  

กองกลางขุนค้อนจะได้เล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษอย่าง บูคาโย่ ซาก้า และ อาร่อน แรมส์เดล โดยรายแรกค่อนข้างสนิทกันอย่างมาก นอกจากนี้ก็มี เบน ไวท์ และ เอมิล สมิธ โรว์ ที่อยู่ในสารบบแข้งสิงโตคำรามเช่นกัน 

อาร์เซน่อล เป็นทีมที่สนใจในตัว ไรซ์ อย่างจริงจังมานานมากเพราะเป็นหนึ่งในโปรโจคต์การสร้างทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ที่วางเป็นภารกิจหลักในการไล่ล่าตัวซัมเมอร์นี้  


อาร์เตต้า ชื่นชอบในตัว ไรซ์ มานาน

ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากุนซือชาวสเปนให้ความเชื่อมั่นในตัว ไรซ์ อย่างมากและต้องการร่วมงานกันให้ได้ ต่างจาก แมนฯ ซิตี้ ที่เพิ่งเอาจริงหลังจาก อิลคาย กุนโดกัน ไม่ต่อสัญญาและเลือกย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า

อาร์เตต้า มองความสำคัญของ ไรซ์ ไม่เพียงแค่คุณภาพในการเล่น แต่ยังรวมถึงการเป็นหนึ่งในผู้นำทีม และมีรายงานว่าเขาวางตัวให้เป็น "กัปตันทีม" ในอนาคตอีกด้วย 

การย้ายร่วมทีมปืนใหญ่ ไรซ์ จะได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดมากสุดคือ "กองกลางตัวรับ" ที่ปัจจุบัน อาร์เซน่อล ไม่มีตำแหน่งนี้โดยตรงเพราะ ปาร์เตย์ ไม่ได้ตัดเกมในแบบ ไรซ์ และออกแนว "โฮลดิ้ง มิดฟิลด์" มากกว่า ขณะที่ ชาคา ก็ขยับขึ้นสูงไปเล่นเกมรุก

ในทีม แมนฯ ซิตี้ ตำแหน่งกลางรับก็มี โรดรี้ อยู่ทั้งคนซึ่งชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่ากองกลางชาวสเปนน่าจะเป็นเบอร์หนึ่งของโลกไปแล้วในตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่ ไรซ์ จะเบียดตำแหน่งได้

ตอนนี้ โรดรี้ เพิ่งอายุครบ 27 ปี เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ยังสามารถเล่นในระดับสูงได้อีก 4-5 ปีแบบสบาย หาก ไรซ์ ไม่ถูก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับเล่นตำแหน่งใหม่ก็อาจตกเป็นสำรองของ โรดรี้ บ่อยครั้ง

เทียบความสำคัญที่จะมีต่อทีมโดยเฉพาะแดนกลาง อาร์เซน่อล ตอบโจทย์ ไรซ์ ที่สามารถมองภาพตัวเองได้ชัดเจนมากกว่าการเล่นกับ แมนฯ ซิตี้  

หากว่า ไรซ์ ต้องการลงสนามอย่างสม่ำเสมอเพื่อก้าวไปอีกขั้นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เขาจะมีโอกาสกับ อาร์เซน่อล อย่างเต็มที่แน่นอน ต่างจาก แมนฯ ซิตี้ ที่คงต้องยอมรับแนวทางโรเตชั่นทั้งตำแหน่งการเล่นและการเป็นตัวจริง-ตัวสำรองตามสไตล์ของ เป๊ป 

ในช่วงหลัง ไรซ์ พัฒนาการเล่นเกมรุกได้ดีขึ้นจนกลายเป็นอีกหนึ่งกองกลางที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด มีความเป็น "โฮลดิ้ง มิดฟิลด์" ที่คอยกำหนดจังหวะและทิศทางการเล่นของทีมซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเล่นในแบบใดก็ดูจะลงล็อกและจำเป็นสำหรับ อาร์เซน่อล อย่างมาก


และข้อสำคัญท้ายสุดคือ "ความท้าทาย" กับ อาร์เซน่อล ที่มีมากกว่า แมนฯ ซิตี้ ซึ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ไปแล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา 

การพา อาร์เซน่อล ได้แชมป์หรือบรรลุเป้าหมายจะมีความหมายอย่างยิ่งเพราะมีความยากกว่า และหาก ดีแคลน ไรซ์ ทำได้ เขาจะได้รับยกย่องและเชิดชูอย่างมากทีเดียว 


แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แน่นอนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผงาดสามแชมป์ในฤดูกาลล่าสุด ก็มีปัจจัยมากมายที่สามารถโน้มน้ามใจ ดีแคลน ไรซ์ ได้เช่นกัน

อย่างแรกเลยคือ แมนฯ ซิตี้ ในตอนนี้คือทีมอันดับหนึ่งของโลกถ้าดูจากความสำเร็จล่าสุด พวกเขาปลดล็อกแชมป์ยุโรปที่รอคอยมานานได้สำเร็จ และกลายเป็นยอดทีมอย่างที่ควรจะเป็นได้เสียที

การย้ายร่วมทีมที่ดีที่สุดก็คงไม่ต้องการเหตุผลใดๆ เพิ่มเติมอีกแล้วก็ได้ 

ไรซ์ จะได้ร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งก็น่าจะเป็นกุนซือที่เก่งที่สุดในโลกตอนนี้เช่นกัน 

เป๊ป ประสบความสำเร็จในการคุมทีมอย่างมาก ถ้วยแชมป์ทั้งสเปน, เยอรมัน และอังกฤษเป็นตัวการันตีชั้นดี การได้ร่วมงานกับกุนซือระดับนี้ไม่ใช่โอกาสที่เกิดขึ้นสำหรับนักฟุตบอลทุกคน

ไรซ์ สามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งยิ่งกว่านี้ได้กับการมี เป๊ป คอยขัดเกลา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กุนซือชาวสเปนสามารถปลุกปั้นนักเตะให้แจ้งเกิด และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการนับไม่ถ้วน 

ข้อดีที่เป็นไปได้อย่างมากคือ ไรซ์ มีโอกาสประสบความสำเร็จได้แชมป์ แมนฯ ซิตี้ มากกว่า อาร์เซน่อล ตราบใดที่ เป๊ป ยังกุมบังเหียนในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม 


โอกาสได้ร่วมงาน เป๊ป เกิดขึ้นไม่บ่อย

นับตั้งแต่ฤดูกาล 2008/09 ที่คุม บาร์เซโลน่า จนถึงฤดูกาลล่าสุด เป๊ป คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ถึง 11 สมัยใน 3 ประเทศ และพลาดแชมป์ลีกไปเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เรียกได้ว่ามาตรฐานสูงเอามากๆ 

เราเห็นกันไปแล้วว่าการได้แชมป์คอนเฟอเรนซื ลีก และร่วมกับเวสต์แฮมในฤดูกาลที่แล้ว มีความหมายกับ ไรซ์ มากเพียงใด การย้ายร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ เขาจะได้โอกาสสัมผัสถ้วยรางวัลที่ใหญ่ขึ้นไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และทุกรายการที่เรือใบลงแข่งขัน

แม้จะมีความกังวลอยู่บ้างกับตำแหน่งการเล่นของ ไรซ์ ที่ แมนฯ ซิตี้ รวมไปถึงสถานการณ์ของ คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งกับ ไรซ์ แต่การมี เป๊ป ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิวัติลูกหนังอีกคนก็น่าจะที่ทางออกในเรื่องนี้ได้ 

แมนฯ ซิตี้ เป็นฟุตบอลสไตล์คอนโทรลเกมซึ่งน่าจะเหมาะกับ ไรซ์ อยู่ไม่น้อยเพราะในเวลาที่ตัดเกมเก็บบอลกลับมาครองได้ซึ่งเป็นจุดเด่นของ ไรซ์ อยู่แล้ว เขาสามารถจ่ายบอลสร้างเกมรุกในทันที 

ถ้า อาร์เซน่อล มี ซาก้า กับ แรมส์เดล ที่เป็นเพื่อนร่วมทีมชาติ แมนฯ ซิตี้ ก็มีไม่น้อยหน้าเช่นกันทั้ง ฟิล โฟเด้น, จอห์น สโตนส์, แจ็ค กรีลิช รวมถึง ไคล์ วอล์คเกรอ์ และ คาลวิน ฟิลลิปส์ หากไม่ย้ายออกไปก่อน

อีกปัจจัยที่อาจมีผลคือ เมสัน เมาน์ท เพื่อนรักของ ไรซ์ มีโอกาสสูงมากที่จะย้ายจาก เชลซี ไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์นี้ ดังนั้นการเลือกไปค้าแข้งในเมืองแมนเชสเตอร์จะทำให้ ไรซ์ ได้ใกล้ชิดกับเพื่อนรักเหมือนเดิมแม้คนละทีมก็ตาม

เรียกได้ว่า ข้อดีในการย้ายร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้น้อยไปกว่า อาร์เซน่อล และหากจำกัดให้แคบลงเหลือปัจจัยสำคัญอย่าง "ต้องการคว้าแชมป์" และร่วมงานกับกุนซือที่เก่งที่สุดในโลก แน่อนว่าคำตอบต้องเป็น "เรือใบสีฟ้า"

สุดท้ายแล้ว เงื่อนไขและความต้องการของแต่นักฟุตบอลละคนไม่ได้เหมือนกันเสมอไปและมีเพียง ดีแคลน ไรซ์ ที่ต้องตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองสำหรับก้าวเดินสำคัญในอาชีพค้าแข้งครั้งนี้



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})