'ดีครึ่ง-ไม่ดีครึ่ง' แต่สำคัญสุดคือ 'ชนะ'
ไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบหรือง่ายด่ายสำหรับ อาร์เซน่อล และมีข้อผิดพลาดคล้ายคลึงช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วซึ่งเป็นเหตุให้พลาดแชมป์อย่างน่าเสียดาย
ความผิดพลาดที่ว่าคือการ "ปิดเกม" ในสถานการร์ที่ขึ้นนำและได้เปรียบพอสมควร
ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล เคยนำ ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม 2-0 ในเดือนเมษายน แต่ลงเอยด้วยการ "ไม่ชนะ" ซึ่งเป็นสองเกมที่เหมือนจุดเริ่มต้นอาการอ่อนแรงช่วงท้ายจนโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์ในที่สุด
เช่นเดียวกับอีกหลายต่อหลายนัดที่ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ขึ้นนำก่อนแต่กลับต้องลุ้นเหนื่อยช่วงท้ายเมื่อปล่อยให้คู่แข่งมีความหวัง
สถิติบันทึกไว้ว่าทีมปืนใหญ่เสียประตูในบ้าน 11 ประตูหลังเป็นฝ่ายขึ้นนำได้ก่อนซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก และมีเพียง ฟูแล่ม ทีมเดียวที่โดนคู่แข่งยิงคืนได้มากกว่า
ในครึ่งแรก อาร์เซน่อล ทำทุกอย่างได้ดีมากแล้วและออกนำก่อน 2 ประตู เพียงแต่ครึ่งหลังคือสิ่งที่ยังต้องปรับ
อาร์เตต้า รู้ว่า ฟอเรสต์ ต้องมารับแน่นในแดนตัวเองเหมือนกับหลายทีมที่มาเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เขาจึงเลือกปรับแท็กติกเพื่อให้มีตัวรุกมากขึ้นเพื่อช่วยเจาะแนวรับ
โธมัส ปาร์เตย์ ถูกปรับไปเล่นแบ็กขวาเพื่อจะได้ขยับมาอินเวิร์ทเข้ากลาง กาเบรียล มากัลเญส จึงถูกดร็อปเพื่อให้ เบน ไวท์ เล่นเซนเตอร์คู่กับ วิลเลี่ยม ซาลีบา
ปาร์เตย์ เล่นเป็นอินเวิร์ทฟูลแบ็กในเกมนี้
ที่เลือก ไวท์ เพราะในเวลาที่ ปาร์เตย์ ขยับไปเล่นตรงกลาง กองหลังจะเหลือ 3 คน และ ไวท์ เหมาะในการยืนกองหลังฝั่งขวามากกว่า กาเบรียล ส่วนฝั่งซ้ายเป็น ยูร์เรียน ทิมเบอร์ และมี ซาลีบา ปักตรงกลาง
ในเวลาที่เซตเกมรุก ปาร์เตย์ ขยับเข้าไปถ่ายบอลตรงกลาง ขณะที่ เดแคลน ไรซ์ ดันสูงไปเล่นเกมรุกร่วมกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด และมีบางจังหวะขึ้นสุดจนไปอยู่ระนาบเดียวกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ บูคาโย่ ซาก้า
อาร์เซน่อล จึงมีผู้เล่นถึง 6 คนที่พร้อมสอดเข้าเขตโทษ ฟอเรสต์ ซึ่งตั้งรับด้วยกองหลัง 5 คน กลางรับอีก 2 ส่วน 3 ตัวรุกก็วิ่งลงมาช่วยไล่บอลได้หมด ไม่มีหน้าเป้าธรรมชาติเนื่องจาก ไทโว อโวนิยี่ เพิ่งหายเจ็บกลับมาและเป็นเพียงสำรอง ขณะที่ แมตต์ เทอร์เนอร์ ได้ลงเฝ้าเสาเจอทีมเก่าทันทีหลังเพิ่งย้ายจาก อาร์เซน่อล ไปได้เพียง 2 วัน
ในช่วง 25 นาทีแรก อาร์เซน่อล ครองบอลระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่หาช่องเจาะไม่ได้เลย ฟอเรสต์ ยืนตำแหน่งเกมรับกันดีมาก เบน ไวท์ พยายามตักข้ามแนวรับ 2-3 ครั้งเพราะเจาะตามช่องได้ยาก
โอลา ไอน่า เจองานหนักสุดในการรับมือ บูคาโย่ ซาก้า แต่ก็มี สกอตต์ แม็คเคนน่า และ โอเรล ม็องกาล่า เข้ามาช่วยซ้อนให้ตลอด
แต่ความสามารถเฉพาะตัวของ มาร์ติเนลลี่ ก็ช่วยทลายเกมรับทีมเยือนได้สำเร็จหลังเทิร์นบอลหลบสองผู้เล่นก่อนทะลักเข้าง เอ็นเคเทียห์ แตะหาช่องยิงแฉลบ โจ วอร์รอลล์ ผ่านมือ เทอร์เนอร์ เข้าไป
ประตูที่สองมาเร็วในอีกไม่กี่นาทีหลังนับหนึ่งได้ บูคาโย่ ซาก้า ปั่นจากหน้าเขตโทษเสียบตาข่ายได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งจังหวะนี้ต้องชม วิลเลี่ยม ซาลีบา ด้วยที่ไล่แย่งบอลจากผู้เล่นทีมเยือนได้
ซาก้า ยิงได้หมดจดสุดปัญหาเพื่อนเก่า เทอร์เนอร์ จะเซฟได้
เป็นอีกครั้งที่สองปีกดาวรุ่งช่วยทีมทำประตูได้ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแล้วครึ่งเล่าในฤดูกาลที่แล้ว และจะเกิดขึ้นหลายครั้งแน่นอนในฤดูกาลใหม่นี้
อาร์เซน่อล ได้ประตูอย่างที่สมควรต้องได้เพราะเป็นฝ่ายขึงเกมรุกได้ตลอด มีพลาดครั้งเดียวที่แนวรับไม่ทันระวังจังหวะสองจน เบรนแนน จอห์นสัน ได้หลุดเดี่ยว แต่ยังดีที่ อาร่อน แรมส์เดล ปรี่ออกมาเร็วช่วยปิดมุมและแข้งเจ้าป่าก็ยิงไม่ดีด้วยหลุดกรอบไปอย่างเสียของ
แต่ครึ่งหลังเริ่มมีสัญญาณเตือนไม่ดีจากอาการบาดเจ็บของ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายครึ่งแรก โดยทีมแพทย์เช็กตอนพักครึ่งว่าเล่นต่อได้ ทว่าสุดท้ายฝืนไม่ไหวต้องให้ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ลงมาแทน
แท็กติกการเล่นไม่ได้เปลี่ยน และ โทมิ เองก็ทำหน้าที่แทนได้อย่างดี เพียงแต่การเล่นโดยรวมของทีมลดความเข้มข้นจริงจังลงไปจากครึ่งแรก และนั่นกลายเป็นแง้มประตูให้ผู้มาเยือนมีความหวัง
สตีฟ คูเปอร์ แก้เกมได้ผลกับการส่ง ไทโว อโวนิยี่, เนโก้ วิลเลี่ยมส์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอนโธนี่ เอลังก้า กองหน้าคนใหม่ที่ได้มาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด
การขยับเข้าไปเล่นข้างในของ ปาร์เตย์ มีความเสี่ยงที่ อาร์เตต้า รู้อยู่แล้วเพราะหากคืนตำแหน่งหลักแบ็กขวาไม่ทัน จะเป็นพื้นที่ให้คู่แข่งโจมตีได้ และ เอลังก้า ก็ขึ้นทางฝั่งนี้ตลอด
สังเวยด้วยอาการบาดเจ็บของ ทิมเบอร์
ประตูตีไข่แตกของ ฟอเรสต์ ทำกันได้ยอดเยี่ยมจริงๆ เพราะเปลี่ยนจากป้องกันลูกเตะมุมเป็นโต้กลับทันทีจบด้วยส่งบอลตุงตาข่ายทันที และเล่นกันเพียงสองคนคือ เอลังก้า และ อโวนิยี่ ก่อนเป็น อโวนิยี่ วิ่งตัดหน้า เบน ไวท์ เข้าชาร์จจ่อๆ ฉลองวันเกิดอายุครบ 26 ปี
อาร์เตต้า มองเห็นในสิ่งที่แฟนบอลเห็น และได้ติงลูกทีมว่าควรต้องปิดเกมให้ดีกว่านี้
"เราครองเกมได้สุดยอด เราสมควรชนะในเกมนี้ ไม่ต้องสงสัย แต่การที่เรานำ 2-0 และมีโอกาสปิดเกม เรากลับทำไม่ได้"
"จากนั้นเราก็เสียประตูง่ายๆ หลังมีโอกาสในจังหวะเตะมุม แต่กลับเสียประตูจากการจ่ายบอลแค่สองครั้งในทันทีทันใด"
"เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในลีกนี้ เกมมันก็เปิดกว้าง ทุกทีมมีทรัพยากรและคุณภาพที่จะสร้างปัญหาได้"
"ความจริงคือเราไม่ได้ยอมอะไร แต่กำลังผลาญเวลาให้หมดไปซึ่งในลีกนี้เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง"
นี่คือสิ่งที่ อาร์เซน่อล ต้องแก้ไขให้ได้เพราะเป็นปัญหาบ่อยครั้งในฤดูกาลที่แล้ว และเมื่อเทียบกับแชมป์เก่าและเต็งแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ ก็เห็นได้ถึงความแตกต่าง
แมนฯ ซิตี้ นำ 2-0 เช่นกันในนัดแรกกับ เบิร์นลีย์ แต่สามารถปิดเกมได้ด้วยประตูที่สามซึ่งทำให้น้องใหม่ถอดใจไปเลย แต่ อาร์เซน่อล ยังไม่นิ่งและไม่เนี้ยบมากพอในสถานการณ์ที่ได้เปรียบคู่แข่ง
เดแคลน ไรซ์ เริ่มนัดแรกในลีกกับอาร์เซน่อลด้วยชัยชนะ
อย่างไรก็ตาม หากมองว่านัดเปิดสนามเป็นเกมที่ไม่ง่ายอยู่แล้ว การเก็บชัยชนะได้ตามเป้าก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ
ใน 10 ฤดูกาลหลังก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล เล่นนัดเปิดสนามในบ้านตัวเอง 6 นัด เอาชนะได้เพียง 2 นัด และเป็น 2 นัดที่หืดจับสุดใจทั้งในปี 2014 ที่ อารอน แรมซีย์ ยิงทดเจ็บเฉือนชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 และปี 2017 ที่ยิง 2 ประตูใน 7 นาทีสุดท้ายแซงชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 4-3
ฤดูกาลใหม่ นักเตะใหม่ แท็กติกใหม่ อาการบาดเจ็บระหว่างเกม และคู่แข่งที่เตรียมตัวมาตลอดปรีซีซั่น อาร์เซน่อล ทำได้ตามเป้ากับการเก็บชัยชนะ และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเริ่มต้นเส้นทางอันยาวไกลในที่มีเป้าหมายคือการลุ้นแชมป์ให้ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT