เจาะลึกคู่แข่งปืนในรอบแบ่งกลุ่มชปล.
ในฐานะรองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล เข้ารอบกลุ่มโดยอัตโนมัติ และถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ ล็องส์ จากฝรั่งเศส, พีเอสวี จากเนเธอร์แลนด์ และ เซบีย่า จากสเปน
เป็นกลุ่มที่ถูกแซวว่าเหมือนเป็น "ยูโรปา ลีก" เพราะ อาร์เซน่อล, พีเอสวี และ เซบีย่า ล้วนเล่นในยูโรปาฤดูกาลที่แล้ว โดยที่ เซบีย่า ไปไกลสุดถึงตำแหน่งแชมป์ที่ตอกย้ำความเป็นเจ้าพ่อรายการนี้มากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล ในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ ถือว่าเป็นขาประจำของแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ได้ลงเล่นติดต่อกัน 17 ฤดูกาลระหว่างปี 2000 จนถึง 2017 และเคยไปไกลสุดถึงตำแหน่งรองแชมป์ในฤดูกาล 2005/06 ที่พ่ายต่อ บาร์เซโลน่า 1-2 ในนัดชิงชนะเลิศ
ล็องส์ (ฝรั่งเศส)
ล็องส์ คือคู่แข่งทีมแรกของ อาร์เซน่อล ในการเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1998 ซึ่งเป็นการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรของ ล็องส์ ด้วยเช่นกัน
ในนัดแรกที่ฝรั่งเศสกับการเล่นถ้วยยุโรปใบใหญ่ของทั้งสองทีม มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ยิงให้ อาร์เซน่อล ขึ้นนำก่อน แต่ว่าโดน ล็องส์ ตีเสมอในนาทีสุดท้าย ส่วนนัดสองปืนใหญ่แพ้คาบ้าน
ถัดมาอีก 2 ปี ทั้งสองทีมเจอกันอีกครั้งในยูฟ่า คัพ รอบตัดเชือก ที่ อาร์เซน่อล ชนะทั้งสองนัด ก่อนอกหักในนัดชิงชนะเลิศที่พ่ายจุดโทษต่อ กาตาตาซาราย
ล็องส์ ในช่วงหลังขึ้นมาเล่นลีก เอิง ฤดูกาล 2020/21 หลังจากอยู่ในลีก เดอซ์ 5 ฤดูกาล ฟร้องก์ เอส ที่เข้าคุมทีมท้ายฤดูกาล 2019/20 พร้อมคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้ ยังคงคุมทัพจนถึงปัจจุบัน
เอลี วาอี ดาวยิงความหวังใหม่
ผลงานของ เอส ในลีก เอิง ไม่ธรรมดาพาทีมจบอันดับ 7 ใน 2 ฤดูกาลแรก ก่อนกระโดดขึ้นมาจบรองแชมป์ในฤดูกาลล่าสุด เป็นรอง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยุคซูเปอร์สตาร์ดัง ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในซัมเมอร์ล่าสุด พวกเขาเสียแกนหลักออกไป 2 รายคือ โลอิส โอเปนด้า หัวหอกดาวซัลโว 21 ประตูที่ย้ายไป แอร์เบ ไลป์ซิก และ เซโก้ โฟฟาน่า กองกลางตัวเก่งที่ย้ายไป อัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดิอาระเบีย
เงินที่ได้จากการขายนำไปลงทุนกับแข้งอายุน้อยฝีเท้าดีทั้ง เอลี วาอี ดาวยิงวัย 20 ปีจาก มงต์เปลลิเย่ร์ ที่ยิงได้ถึง 19 ประตูในลีก เอิง ฤดูกาลที่แล้ว รวมถึง อ็องดี้ ดิยุป กองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสจาก บาเซิ่ล ในสวิตเซฮร์แลนด์
ฤดูกาลที่แล้ว ฟร้องก์ เอส ใช้แท็กติก 3-4-2-1 ช่วยให้ทีมมีเกมรับเหนียวแน่นเสียเพียง 29 ประตู น้อยสุดในลีกฤดูกาลที่แล้ว ทว่าฤดูกาลนี้เริ่มต้นมา 5 นัดแรกโดนเจาะตาข่ายไปรวม 11 ประตู มากกว่าทุกทีม และยังไม่ชนะใครเลย (แพ้ 4 เสมอ 1)
พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น (เนเธอร์แลนด์)
ยักษ์ใหญ่จากเนเธอร์แลนด์เป็นทีมที่อาจไม่ต้องแนะนำให้มากความเพราะฤดูกาลที่แล้วก็อยู่กลุ่มเดียวกับ อาร์เซน่อล ในยูโรปา ลีก
กรานิต ชาก้า ยิงให้ อาร์เซน่อล ชนะนัดแรกในบ้าน 1-0 แต่นัดสอง พีเอสวี ก็เปิดรังเอาคืน 2-0 จากนั้นผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปพร้อมกันก่อนที่ พีเอสวี จะจอดป้ายรอบเพลย์ออฟจากการแพ้ เซบีย่า ส่วน อาร์เซน่อล ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือ สปอร์ติ้ง ลิสบอน
มาถึงฤดูกาลนี้ ชาก้า ย้ายออกจาก อาร์เซน่อล ไปแล้ว ขณะที่ พีเอสวี ก็เปลี่ยนทีมไปพอสมควรเช่นกันซึ่งเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งกุนซือที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย อำลาตำแหน่งก่อนเป็น ปีเตอร์ บอสช์ อดีตเทรนเนอร์ อาแจ็กซ์ กับ ดอร์ทมุนด์ เข้ามารับช่วงต่อ
ส่วนขุมกำลังในทีมย้ายออกไปหลายคนไม่ว่าจะเป็น โคดี้ กัคโป ที่ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ตลาดหน้าหนาว, ซาวี ซีมงส์ ที่ย้ายกลับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และถูกส่งให้ ไลป์ซิก ยืมใช้งานต่อ นอกจากนี้ อันวาร์ เอล กาซี่ ก็แยกทางกับทีมหลังหมดสัญญา
พีเอสวี เปลี่ยนทีมเยอะ แต่ยังแกร่งเหมือนเดิม
ช่วงท้ายตลาดนักเตะก็ยังเสีย อิบราฮิม ซ็องกาเร่ จอมทัพคนสำคัญที่ย้ายไป น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แต่ยังดีที่ยังรั้งตัว โยฮัน บากาโยโก้ กองหน้าทีมชาติเบลเยียมเอาไว้กับทีมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขุมกำลังปัจจุบันยังคงมีตัวสำคัญอยู่หลายคนไม่ว่าจะเป็น ลุค เดอ ย็อง กองหน้าจอมเก๋าวัย 33 ปีที่แกร่งในลูกกลางอากาศอย่างมาก
ในรอบเพลย์ออฟที่ดวล เรนเจอร์ส เพื่อชิงตั๋วเข้ารอบแบ่งกลุ่ม พีเอสวี ก็ใช้ลูกโด่งในการโจมตีทีมดังของสกอตแลนด์ก่อนขนะประตูรวม 7-3 โดยที่ เดอ ย็อง ยิงประตูได้ทั้งสองนัด
ขณะที่ อิสมาเอล ไซบารี่ กองกลางวัย 22 ปี ก็เป็นอีกคนที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์คนใหม่และเพิ่งถูกเรียกติดทีมชาติโมร็อกโกชุดใหญ่ โดยเป็นนักเตะที่พาบอลเลี้ยงลุยได้อย่างแข็งแกร่ง
พีเอสวี ภายใต้การคุมทีมของ บอสช์ มีสไตล์เน้นครองบอล ขณะที่ฤดูกาลนี้ก็เริ่มต้นได้อย่างร้อนแรงชนะรวด 4 นัด ยิงรวม 13 ประตู และเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น
เซบีย่า (สเปน)
เซบีย่า เจ้าพ่อยูโรปา ลีก ด้วยสถิติแชมป์ 7 สมัยซึ่งรวมถึงครั้งล่าสุดที่ทำให้ได้มาเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
ทีมชุดปัจจุบันคุมทัพโดย โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ ที่เข้ามาแทน ฮอร์เก้ ซามเปาลี ในเดือนมีนาคมซึ่งตอนนั้นทีมอยู่ในโซนตกชั้น เมนดิลิบาร์ พาทีมแพ้แค่นัดเดียวจาก 10 นัดแรก พาทีมไต่ขึ้นมาจบอันดับ 12 ของตาราง อยู่รอดในลา ลีกา ต่อไป
ส่วนในเส้นทางสู่แชมป์ยูโรปา ลีก ที่เริ่มในรอบน็อกเอาต์หลังหล่นมาจากรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาเอาชนะ พีเอสวี, เฟเนร์บาห์เช่, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ยูเวนตุส และปิดท้ายดวลจุดโทษชนะ โรม่า
ทีมของ เมนดิลิบาร์ แสดงคุณภาพให้เห็นอีกครั้งในยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ที่ต่อกรกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของ 3 แชมป์จนถึงการดวลจุดโทษก่อนแพ้ไปน่าเสียดาย
เซบีย่า มาพร้อมประสบการณ์
เจ้าเวหา ยุสเซฟ เอ็น-เอ็นซิรี่ ยังคงเป็นอาวุธหนักในการโจมตีคู่แข่ง และมีแกนหลักอีกหลายคนที่ประสบการณ์ข้นคลั่กไม่ว่าจะเป็น อีวาน ราคิติช และ เฆซุส นาบาส รวมถึง เซร์คิโอ รามอส ในวัย 37 ปีที่กลับเล่นให้ทีมเป็นรอบสอง
เสริมด้วยตัวใหม่อย่าง โลอิก บาเด้ จาก แรนส์, ฌิบริล โซว์ จาก แฟร้งค์เฟิร์ต และ โดดี้ ลูคาบาคิโอ จาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
อย่างไรก็ตาม ทีมเสีย ยาสซีน บูนู นายทวารตัวเก่งทีมชาติโมร็อกโกที่ย้ายไปเล่นในลีกซาอุดิอาระเบียกับ อัล ฮิลาล ขณะที่ฤดูกาลนี้ก็เริ่มต้นในลีกไม่ดีแพ้ตลอด 3 นัดแรก เพิ่งปลดล็อกชนะได้ในเกมเชือด ลาส ปัลมาส เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ฟอร์มในลีกของ เซบีย่า ยังไม่น่าประทับใจ แต่เมื่อขึ้นเวทียุโรปเมื่อไหร่ พวกเขาก็พร้อมงัดเอาประสบการณ์และเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ทุกเมื่อ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT