:::     :::

กลับสู่เวทีอันคุ้นเคยได้สวยหรู

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะได้สวยงามในการคัมแบ็กกลับสู่เวที "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" ที่คุ้นเคยอีกครั้ง

ทีมปืนใหญ่ห่างหายจากการเล่นฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปไปนาน 7 ฤดูกาล หรือนับตั้งแต่ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฤดูกาล 2016/17 

ในการกลับมาครั้งนี้ อาร์เซน่อล ถูกจับตามองไม่น้อยหลังทำผลงานได้ดีเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว และถูกยกให้เป็น "เต็งสี่" ที่จะคว้าแชมป์ยุโรปต่อจาก "แชมป์เก่า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด 

มิเกล อาร์เตต้า นำทัพลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรก ในเกมที่คุมทีมเป็นนัดที่ 187 และเป็นเวลาเกือบสี่ปีนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปลายปี 2019

อาร์เตต้า เคยมีประสบการณ์ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีกมาแล้วตอนค้าแข้งกับทีมช่วงปลายอาชีพ แต่สำหรับลูกทีมหลายคนเพิ่งจะได้สัมผัสการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิต 

โปรแกรมเป็นใจให้นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มเป็นเกมในบ้านซึ่งแฟนบอลต่างรอคอยบรรยากาศแห่งแชมเปี้ยนส์ ลีก กันมานาน

ขณะที่คู่แข่งอย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ถือว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันพอสมควรเพราะฤดูกาลที่แล้วอยู่ในรอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก ด้วยกัน ผลัดกันชนะในบ้านตัวเอง

ขึ้นมาเจอกันเวทีใหญ่สุดของยุโรป อาร์เซน่อล เปลี่ยนทีมไม่มากนักหากเทียบกับการเจอกันล่าสุดเมื่อเกือบหนึงปีที่แล้วโดยมีเพียง กรานิต ชาก้า ที่ย้ายออกไป 


11 ตัวจริงชุดลุยชปล. ครั้งแรกรอบ 7 ปี

ตัวใหม่อย่าง เดแคลน ไรซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ เข้ามาทดแทน รวมถึง ดาบิด ราย่า ที่ได้โอกาสเฝ้าเสาตัวจริงอีกนัดหลังประเดิมสนามในเกมลีกนัดบุกชนะ เอฟเวอร์ตัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ขณะที่ พีเอสวี ถือว่าเปลี่ยนเยอะมากเพราะ 8 จาก 11 ตัวจริงในการเจอกันล่าสุดย้ายออกจากทีมไปหมด แถมตัวกุนซือก็เป็น ปีเตอร์ บอสช์ ที่เข้ามาแทน รุด ฟาน นิสเตลรอย 

หลายคนคาดก่อนเกมเอาไว้ว่าจะไม่ใช่เกมที่ง่ายสำหรับ อาร์เซน่อล เพราะห่างเวทีระดับนี้ไปนานหลายปี อาจมีอาการติดขัด ไม่ลื่นไหลอย่างใจต้องการ แถม พีเอสวี กำลังอยู่ในฟอร์มแข็งแกร่งชนะ 8 จาก 9 นัดหลังสุด และเฉพาะ 3 นัดหลังก็ยิงคู่แข่งได้ถึง 13 ประตู

ทว่าลงสนามจริงกลับเป็นเกมที่ อาร์เซน่อล เล่นได้สบายอกสบายใจมากที่สุดในฤดูกาลนี้ ก่อนเก็บชัยชนะได้ขาดลอย

บูคาโย่ ซาก้า ตามซ้ำลูกยิงของ มาร์ติน โอเดการ์ด ให้ อาร์เซน่อล ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ 8 นาทีแรก 

ในเกมที่ทุกคนต่างนับวันรอแบบนี้ การเริ่มต้นให้ดีและขึ้นนำก่อนได้ถือว่าสำคัญมากซึ่ง อาร์เซน่อล ทำได้อย่างที่ต้องการ

ประตูแรกมาเร็วทำให้เกมเปิดมากยิ่งขึ้นเพราะ พีเอสวี จะตั้งรับลึกในแดนตัวเองไม่ได้แล้ว

อันที่จริง ทีมเยือนจากเนเธอร์แลนด์มาด้วยแท็กติกที่ไม่ค่อยรัดกุมเท่าที่ควรเพราะเป็นฝ่ายเปิดฉากชวนทะเลาะด้วยซ้ำ โนอา แลง แนวรุกคนใหม่ของทีมลุยเข้าไปส่องในเขตโทษตั้งแต่นาทีแรกเลยทีเดียว

ยิ่งพอ ซาก้า กดให้ อาร์เซน่อล ขึ้นนำยิ่งเป็นการบีบให้ พีเอสวี ต้องพยายามดันเกมรุกมากขึ้นเพื่อยิงคืนให้ได้ซึ่งการเล่นแบบนี้เข้าทางทีมปืนใหญ่อย่างยิ่ง


ซาก้า ทำประตูแรกในการกลับสู่รายการที่ยิ่งใหญ่สุดของยุโรป

อาร์เซน่อล เพียงแค่รอตัดบอลให้ได้แล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุกทันทีซึ่งลูกทีมของ อาร์เตต้า ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก

จังหวะขึ้นนำ 2-0 เห็นชัดเลยว่าความเข้าใจในการเล่นของเกมรุก อาร์เซน่อล มีมากกว่าเกมรับ พีเอสวี อย่างมาก

แข้งปืนใหญ่สวนกลับมาเพียง 3 คนคือ กาเบรียล เชซุส, บูคาโย่ ซาก้า และ เลอันโดร ทรอสซาร์ แต่ผู้เล่นพีเอสวี 6 คนไม่สามารถรับมือได้เลย

เชซุส ลากผ่านกลางสนามก่อนดีดต่อให้ ซาก้า เลี้ยงกินพื้นที่จนเข้าเขตโทษฝั่งขวาแล้วจ่ายเข้ามาตรงหัวกะโหลกให้ ทรอสซาร์ กดด้วยขวาเต็มข้อส่งบอลเบียดเสาอย่างแม่นยำ

อาร์เมล เบลล่า-คอทชัป กองหลังตัวใหม่ที่ยืมมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน โวยวายเพื่อนร่วมทีมยกใหญ่ที่ปล่อยให้ อาร์เซน่อล เข้าทำจังหวะนี้ง่ายดายราวกับกำลังซ้อมเกมรุก

พีเอสวี พยายามต่อบอลบุก แต่จังหวะเสียบอลและต้องกลับตำแหน่งเดิมสะเปะสะปะมาก ไม่มีคนคอยสกรีน หรือคอยตัดจังหวะ การวิ่งประคองในแต่ละพื้นที่ก็หละหลวม บางจุดวิ่งบังทางกันเอง ขณะที่บางจุดก็ปล่อยโล่ง

ประตูที่สามของ อาร์เซน่อล ก็แทบไม่ต่างกัน ทรอสซาร์ รับบอลยาวเล่นสวนกลับก่อนดึงจังหวะแล้วเปิดจากฝั่งซ้ายเลยไปถึง เชซุส ที่จับหนึ่งจังหวะแล้วกดเต็มหลังเท้าอย่างสะใจ

แบ็กสองข้างของพีเอสวีไม่สามารถปิดเกมรุกริมเส้นของปืนใหญ่ได้เลย ซาก้า และ ทรอสซาร์ มีทั้งเวลาและพื้นที่ในการเล่น สามารถเลือกเป้าหมายในเขตโทษและเปิดไปให้ได้อย่างไม่กดดัน 

เกมจบตั้งแต่ 45 นาทีแรกเลยก็ว่าได้เพราะคุณภาพในการเล่นต่างกันโดยสิ้นเชิง 


ลุค เดอ ย็อง หัวหอกจอมเก๋าของทีมเยือนที่เคยทำแสบ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลที่แล้ว และฤดูกาลนี้ก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดียิงถึง 9 ประตูจาก 9 นัดแรก ก็ไม่สามารถแผลงฤทธิ์ใดๆ เลยเมื่อต้องเจอกับ วิลเลี่ยม ซาลีบา และ กาเบรียล มากัลเญส

มิเกล อาร์เตต้า สามารถอดตัวหลักอย่าง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ออกไปพักก่อนเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ขณะที่ บูคาโย่ ซาก้า และ เดแคลน ไรซ์ ที่ปกติต้องช่วยทีมจนจบ 90 นาทีแทบทุกนัด ก็ถูกถอดไปพักแบบไม่ต้องกังวล

ประตูอีกลูกของ มาร์ติน โอเดการ์ด ในครึ่งหลังทำให้เกมจบยิ่งกว่าแม้เหลือการแข่งขันอีกมากถึง 20 นาที (ไม่รวมทดเจ็บ) ไม่มีใครคิดว่า พีเอสวี จะกลับมาได้ หรือแค่ประตูตีไข่แตกก็ยากแล้ว

สุดท้ายจึงกลายเป็นเกมที่ อาร์เซน่อล คัมแบ็กกลับสู่แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างสวยหรู ไร้ที่ติ และสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด

บรรยากาศในการเชียร์ ค่ำคืนแห่งบอลยุโรปจริงๆ เสียงเพลงแชมเปี้ยนส์ ลีกที่ไพเราะเพราะพริ้งกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน

ชัยชนะที่ขาดลอย และคนทำประตูแรกในการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 7 ปีที่เป็น บูคาโย่ ซาก้า ซึ่งเหมือนบทที่ถูกเขียนเอาไว้เพราะนี่คือตัวแทนของ อาร์เซน่อล ยุคใหม่ และยังเป็นลูกหม้อสโมสรที่ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ที่แฟนบอลภาคภูมิใจ

ไม่มีอะไรสวยงามไปกว่านี้อีกแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการเรียกความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ก่อนลงสนามนัดต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กัน

"นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์"  


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด