ดาบคู่สู้ปืนไม่ไหว

"ปืนใหญ่" เหนือกว่าทุกอย่าง และทันทีที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ พลิกยิงเต็มหลังเท้าจากหน้าเขตโทษเป็นแฮตทริกให้ทีมนำห่าง 3-0 ก่อนเข้าสู่ครึ่งชั่้วโมงสุดท้าย ทุกอย่างก็จบในทันที 

"ดาบคู่" สู้ไม่ได้จริงๆ แม้มีความพยายามและตั้งใจเล่นกันเต็มที่ แต่คุณภาพเป็นรองหลายช่วงตัว แถมความพร้อมของขุมกำลังและฟอร์มการเล่นก็ย่ำแย่

ทีมของ พอล เฮ็คกิ้งบ็อทท่อม มาเยือนในสภาพที่ขาดผู้เล่นบาดเจ็บร่วมสิบราย ต้องปรับทัพในทุกนัด แทบไม่ได้มีชุดที่ดีสุดลงเล่น และไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์แต่อย่างใดที่จะพ่ายยับอีกนัด

อาร์เซน่อล ไม่ปล่อยโอกาสเก็บ 3 คะแนนหลุดมือ และได้โอกาสพักตัวหลักบางรายอีกด้วย

มิเกล อาร์เตต้า ทำเซอร์ไพรส์หลายจุดในการจัดทัพที่ดร็อป มาร์ติน โอเดการ์ด และ กาเบรียล มากัลเญส เป็นแค่สำรอง ส่วนหน้าเป้าที่ กาเบรียล เชซุส บาดเจ็บก็เลือก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ลงเล่นแทน

อาร์เตต้า เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า โอเดการ์ด ต้องลงเล่นในสภาพที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยตลอดนัดหลัง จึงเลือกที่จะให้นั่งข้างสนามในนัดนี้หลังเป็นตัวจริงมาตลอด 9 นัดแรกในลีก

หลายคนที่สังเกตว่าฟอร์มการเล่นของกัปตันทีมแผ่วลงไปเยอะหลังกลับมาจากเบรกทีมชาติรอบล่าสุด ก็คงถึงบางอ้อเพราะส่วนหนึ่งมาจากสภาพร่างกายไม่เต็มร้อยนั่นเอง 

ตรงนี้อาจรวมถึงสภาพจิตใจที่ไม่ดีนักด้วยจากสถานการณ์ของทีมชาตินอร์เวย์ที่หมดลุ้นเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2024 โดยอัตโนมัติ (สกอตแลนด์ และ สเปน เป็นสองทีมของกลุ่มที่เข้ารอบไปแล้ว) เหลือเพียงความหวังเล็กๆ ในการเพลย์ออฟ 

เอ็นเคเทียห์ กดเต็มข้อเป็นแฮตทริก

อาร์เซน่อล เพิ่งผ่านสองเกมหนักนอกบ้านไปเยือน เชลซี ที่ฮึดช่วงท้ายตามตีเสมอได้ 2-2 และบุกชนะ เซบีย่า 2-1 ในถ้วยยุโรป การกลับมาเล่นในบ้านเจอกับทีมบ๊วยของตารางคือโอกาสดีสุดแล้วในการปรับทัพเพื่อเซฟผู้เล่นบางราย

การเล่นของ อาร์เซน่อล ในช่วง 20-25 นาทีแรกค่อนข้างรัดกุม ต่างจากเกมในบ้านหลายนัดที่เดินหน้าบุกมากกว่านี้ 

ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนจาก โอเดการ์ด มาเป็น เอมิล สมิธ โรว์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงเล่นแทน จอร์จินโญ่ ทำให้สปีดการเล่นโดยเฉพาะช่วงที่ต่อบอลจากกลางไปหน้าช้าลงพอสมควร

ขณะที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ยืนตำแหน่งการเล่นได้ดีในช่วงเริ่มเกม แบ็กสองข้างไม่ได้ปล่อยให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ บูคาโย่ ซาก้า ได้เล่นถนัดมากนัก

ทัพดาบคู่ปรับมาเล่นแบ็กโฟร์ตั้งแต่นัดล่าสุดที่เกือบยันเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ ทำให้ยึดแนวรับชุดเดิมลงเล่นต่อ แต่เปลี่ยนคู่หอกเนื่องจาก โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ กับ คาเมรอน อาเชอร์ ไม่สมบูรณ์ รีอาน บรูว์สเตอร์ กับ กุสตาโว่ อาเมอร์ จึงได้เล่นแทน 

อาร์เตต้า รู้ดีว่าต้องเจอการแพ็คเกมรับแน่นของทีมเยือนจากเมืองเชฟฟิลด์ วิธีการเล่นของ อาร์เซน่อล จึงสลับวางบอลยาวจากแดนหลังข้ามถึงแดนหน้าเป็นระยะ ดาบิด ราย่า มีจังหวะเปิดสวยๆ ไปถึง มาร์ติเนลลี่ ได้หลุดจนเกือบมีลุ้นทำประตู

แม้อึดอัดอยู่บ้างแต่ปืนใหญ่ก็ทำประตูแรกที่ต้องการได้จากการเปิดบอลของ เดแคลน ไรซ์ ที่ทะลุบล็อกไปถึง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แตะจังหวะแรกหนีตัวประกบก่อนซัดผ่าน เวส โฟเดอริงแฮม เข้าไป

ลูกเปิดของ ไรซ์ มีโชคนิดๆ ไปถึง เอ็นเคเทียห์ แต่ที่ต้องชมมากกว่าคือการจับบอลแรกของหัวหอกทีมชาติอังกฤษทำได้ดีมาก แตะจังหวะเดียวหลุดเลย และที่เหลือก็มีเพียงผู้รักษาประตูที่ระยะเผาขนขนาดนั้นก็สุดปัญญาจะเซฟได้

วิเอร่า ได้โอกาสยิงจุดโทษเป็นของขวัญรับข่าวดี

หลังได้ประตูแรกขึ้นนำ สปีดการเล่นของ อาร์เซน่อล เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาร์ติเนลลี่ เริ่มมีพื้นที่ได้บุกตะลุยบ่อยขึ้น และเกือบบวกเพิ่มให้ทีมในท้ายครึ่งแรกที่ได้กดด้วยซ้ายเต็มหลังเท้า ทว่า โฟเดอริงแฮม ซูเปอร์เซฟได้เยี่ยม

ช่วงเริ่มครึ่งหลัง สถานการณ์ยิ่งเข้าทาง อาร์เซน่อล มากขึ้นกับประตูนำ 2-0 จาก เอ็นเคเทียห์ คนเดิมเก็บตกลูกเตะมุมได้เยี่ยม และจังหวะพัวกันในเขตโทษระหว่าง เบน ไวท์ กับผู้เล่นทีมเยือนไม่ได้เป็นการฟาวล์แต่อย่างใด

ก่อนลงสนามนัดนี้ หัวหอกวัย 24 ปียิงไม่ได้เลยในสองเดือนหลังสุด หรือนับตั้งแต่เกมที่เสมอ ฟูแล่ม 2-2 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม รวมแล้ว 10 นัดติดที่ไร้สกอร์

แต่นัดนี้ปล่อยของเต็มที่โดยเฉพาะลูกสามที่ซัดไกลหน้าเขตโทษซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างมาก กลายเป็นแฮตทริกแรกในการเล่นพรีเมียร์ลีกนัดที่ 145 และเป็นแฮตทริกที่สองกับสโมสรหลังเคยทำได้ครั้งแรกในเกมลีก คัพ ที่พบ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อปี 2021 

3-0 ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่า อาร์เตต้า จึงทยอยถอดตัวหลักออกไปพักในอีกไม่ถึงสิบนาทีถัดมาไม่ว่าจะเป็น มาร์ติเนลลี่ และ เบน ไวท์ ต่อด้วย ซาก้า ในนาที 73 แถมช่วงท้ายคนที่ไม่ค่อยถูกเปลี่ยนอย่าง เดแคลน ไรซ์ ก็ได้ออกไปพักด้วย

แม้โดนนำห่างหลายลูก แต่การเล่นของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่มีฮึดใดๆ คาเมร่อน อาเชอร์ ถูกเปลี่ยนลงมาในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก

ตลอด 90 นาที เชฟฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสง้างยิงเพียง 2 ครั้งและไม่เข้ากรอบ เป็นเกมที่ อาร์เซน่อล ปล่อยให้คู่แข่งมีลุ้นยิงน้อยครั้งที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีกที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เท่ากับเกมที่พบ เวสต์แฮม เมื่อปี 2009 

โมเมนต์ดีงามช่วงท้ายเกม

  ช่วงเวลาที่เหลือหลังได้ประตูนำสามลูก อาร์เซน่อล ไม่ได้เร่งเกมการเล่นขึ้นมากนัก ยังคงต่อบอลไปเรื่อยๆ เน้นประคองตัวและรอให้มีช่องมีพื้นที่จึงจริงๆ จึงโจมตีเร็ว

สองประตูปิดท้ายจากสำรองตัวสำรอง ฟาบิโอ วิเอร่า และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ไม่ได้เป็นเพียงทำให้สกอร์ออกมาขาดลอยที่สุดในฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นโมเมนต์ที่ช่วยให้บรรยากาศในเกมนี้ดีงามขึ้นไปอีก

วิเอร่า เรียกจุดโทษได้เป็นโอกาสสำหรับ เอ็นเคเทียห์ ที่จะยิงประตูที่สี่ในนัดนี้ แต่เขาก็เปิดโอกาสให้ วิเอร่า ได้ยิงจุดโทษเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับแฟนสาวที่กำลังตั้งครรภ์

เช่นเดียวกับประตูของ โทมิยาสึ ที่ตลบอบอวลไปด้วยมวลความสุขเพราะเป็นประตูแรกที่ยิงให้ทีมได้นับตั้งแต่ย้ายมาในซัมเมอร์ 2021

เป็นการปิดท้ายเกมที่งดงามมากกับการที่เพื่อนร่วมทีมปืนใหญ่เข้าไปรุมล้อมดีใจกับแนวรับจากแดนซามูไร ภาพที่ออกมาบ่งบอกถึงการเป็นที่รักของเพื่อนร่วมทีมจริงๆ เช่นเดียวกับเสียงปรบมือกึกก้องในสนามไม่แพ้ผลงานแฮตทริกของ เอ็นเคเทียห์

อาร์เซน่อล ได้ชัยชนะในแบบที่ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยมากนัก เพิ่มประตูได้-เสียเพิ่มอีก 5 ลูก และเกาะกลุ่มนำของตารางต่อไป นอกจากนี้ก็ยืดสถิติไม่แพ้ทีม "น้องใหม่" 37 นัดติดต่อกัน หรือเกือบ 13 ปีเข้าให้แล้ว 

เอ็นเคเทียห์ ได้ความมั่นใจมากขึ้นจากผลงานในนัดนี้ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นช่วงที่ต้องลงเล่นต่อเนื่องแทน เชซุส ซึ่งอาจต้องพักจนถึงเบรกทีมชาติเดือนหน้า

การที่ตัวหลักบางรายได้พักทำให้ อาร์เตต้า สามารถหย่อนลงสนามประคองทีมได้ในนัดกลางสัปดาห์ที่ต้องทำศึกคาราบาว ไปเยือน เวสต์แฮม ซึ่งปกติมักใช้งานสำรองและดาวรุ่งเป็นหลัก

จากนั้นกลับมาใส่เต็มสูบอีกครั้งในเกมพรีเมียร์ลีกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ต่อด้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก รอฟัด เซบีย่า ยกสองซึ่งจะเป็นสองแมตช์ใหญ่ที่งานหนักอย่างแน่นอน