ห้างขายยา ไม่ขายฝัน

เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การนำของ ชาบี อลอนโซ่ ต่อยอดผลงานจากฤดูกาลที่แล้วด้วยการออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้แข็งแกร่งที่ชนะ 8 จาก 9 นัดแรก นัดเดียวที่ไม่ชนะคือ การบุกเสมอทีมแชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิค ได้ถึงรังซึ่งน่าประทับใจไม่แพ้กัน

นอกจากนี้ ทัพห้างขายยายังเก็บชัยชนะตลอด 3 นัดแรกในยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม และอีกนัดในเดเอฟเบ โพคาล ทำให้ผลงานฤดูกาลนี้เกือบสมบูรณ์แบบสุดๆ กับสถิติชนะ 12 จาก 13 นัดในทุกรายการ ยิงรวม 46 ประตู หรือเฉลี่ย 3.83 ประตูต่อนัด 

ผลงานติดลมบนของ เลเวอร์คูเซ่น เกิดขึ้นได้อย่างไร? วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันอีกครั้ง

เหตุผลสำคัญแรกสุดคือการตัดสินใจดึง ชาบี อลอนโซ่ อดีตกองกลางทีมชาติสเปน มาเป็นกุนซือคนใหม่ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ย้อนไปในต้นฤดูกาลก่อน เลเวอร์ฯ เริ่มต้นไม่ดีพลิกแพ้ทีมลีกรองตกรอบ เดเอฟเบ โพคาล ตั้งแต่ไก่โห่ และชนะในลีกได้เพียงนัดเดียวจาก 9 นัดแรก กุนซือ เกราโด้ เซโอเน่ จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกมพ่ายต่อ บาเยิร์น มิวนิค 0-4 

อลอนโซ่ เข้ามารับงานตอนที่ทีมอยู่ "รองบ๊วย" ของตาราง แต่สามารถเข็นทีมขึ้นมาจบพื้นที่ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ มีช่วงเข้าเบรกหล่อๆ ชนะ 7 นัดติดในทุกรายการในเดือนมีนาคมถึงเมษายน 

อันที่จริง เลเวอร์คูเซ่น มีลุ้นจบท็อปโฟร์ด้วยซ้ำ แต่ด้วยการเข้าถึงรอบตัดเชือก ยูโรปา ลีก ทำให้ตัวหลักหลายคนเริ่มล้า และไม่ชนะในลีก 5 นัดสุดท้าย 

อลอนโซ่ พาทีมยกระดับขึ้นมาได้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่คุมทีม แต่เขาก็เห็นว่าขุมกำลังชุดนี้ยังไม่ใหญ่และมีคุณภาพมากพอ  

ชาบี อลอนโซ่ กำลังพาทีมบินสูง

การปรับเปลี่ยนขุมกำลังในช่วงซัมเมอร์จึงเริ่มขึ้นอย่างจริงจังและรวดเร็ว 

กรานิต ชาก้า, วิคเตอร์ โบนิเฟซ, โยนาส ฮอฟมันน์ และ อเล็กซ์ กรีมัลโด้ ถูกดึงเข้ามาร่วมทีมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ทำให้มีเวลาเต็มที่ในช่วงปรีซีซั่น ส่วนช่วงที่เหลือในตลาดนักเตะก็เน้นพวกอะไหล่อย่าง มาเตจ โควาร์, โยซิป สตานิซิช และ นาธาน เทลล่า 

อลอนโซ่ ปล่อยส่วนเกินออกไปนับสิบราย ส่วนตัวหลักที่เสียไปมีเพียง มุสซ่า ดิยาบี้ ที่ย้ายไป แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัวก้อนโต 55 ล้านยูโร และ มิทเชล บัคเกอร์ กองหลังดัตช์ย้ายไป อตาลันต้า

แต่การได้ โบนิเฟซ จาก แซงต์ ชิลลัวส์ ซึ่งเคยยิงประตูใส่ เลเวอร์ฯ มาแล้วตอนเจอกันในยูโรปา ลีก และ ฮอฟมันน์ จาก กลัดบัค ก็ทดแทนการจากไปของ ดิยาบี้ รวมถึงอาการบาดเจ็บเรื้อรังของ พาทริค ชิค ได้อย่างดี

โบนิเฟซ และ ฮอฟมันน์ กลายมาเป็นสามประสานตัวจริงในเกมรุกร่วมกับ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ที่ยิ่งเล่นยิ่งเข้าขากันสุดๆ ช่วยกันทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำรวม 22 ประตูจากทุกรายการ 

รายของ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ เหมือนเป็นอีกหนึ่งแข้งใหม่ของทีมก็ว่าได้เพราะฤดูกาลที่แล้วเจอปัญหาบาดเจ็บทำให้ได้ลงสนามไม่ถึงครึ่งของทีม แต่ฤดูกาลนี้ร่างกายดีมาก ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ 

หลังจบเกมที่เฉือนชนะ ไฟรบวร์ก 2-1 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อลอนโซ่ กล่าวชมดาวเตะวัย 20 ปีที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสะเด่าทั้่งยิงทั้งจ่ายว่า "ผมไม่เคยเห็นประตูที่พิเศษแบบนั้นจากเขามาก่อน เขาลากเลื้อยได้น่าทึ่งก่อนจะยิงในจังหวะสุดท้าย"

"เราพูดเกี่ยวกับเขาบ่อยครั้งในช่วงหลัง รวมถึงสิ่งที่เขาทำได้ ผมคงไม่สามารถสอนอะไรแบบนั้นให้เขาได้หรอก และมันมีนักเตะในบุนเดสลีกาเพียงไม่กี่คนที่ทำแบบนั้นได้" 

โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ฟิตเต็มถังในฤดูกาลนี้

ขณะที่การมาของ กรานิต ชาก้า ก็ทำให้การคอนโทรลเกมในแดนกลางของทีม "แน่น" และ "เนียน" มากยิ่งขึ้น ซึ่งกองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เป็นเหมือนตัวแทนที่ถ่ายทอดไอเดียของ อลอนโซ่ ให้เกิดขึ้นจริงในสนาม 

ชาก้า อายุ 31 ปีแล้ว แต่ เลเวอร์ฯ ยอมทุ่ม 25 ล้านปอนด์ดึงตัวมาจาก อาร์เซน่อล เพราะ อลอนโซ่ มั่นใจในเรื่่องประสบการณ์ที่เคยเล่นในบุนเดสลีกามาแล้ว สามารถเป็นพี่ใหญ่คอยประคองน้องๆ หลายทีมที่ยังอายุค่อนข้างน้อย

"กรานิต เป็นผู้เล่นที่วิเศษ และเป็นผู้นำในสนาม เขาช่วยได้อย่างมากในทีมโฉมใหม่ของเรา เราคาดหวังจากเขามากๆ จากประสบการณ์และฟอร์มการเล่นที่เขามีกับ อาร์เซน่อล"

"เขามองเห็นในตาของเขาว่ายังกระหายเรียนรู้อยู่เสมอ และก็เหมือนกับผมในช่วงท้ายอาชีพที่ยังมีความกระตือรืนร้น" 

ชาก้า เป็นตัวคุมจังหวะการเล่นของทีมว่าควร "เร่ง" หรือ "ชะลอ" ตอนไหนอย่างไร การผ่านบอลมีความแม่นยำ และสร้างโอกาสให้ทีมได้อย่างมาก ขณะที่คู่หู เอเซเกล ปาลาซิออส ตัวทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็มีความขยัน วิ่งขึ้น-ลงช่วยทีมตลอด

ห้างขายยาของ อลอนโซ่ เล่นระบบ 3-4-2-1 โดยที่ตัวริมเส้นสองฝั่งทั้ง เยเรมี ฟริมปง และ อเล็กซ์ กรีมัลโด้ คืออีกอาวุธเด็ดของทีมในฤดูกาลนี้

กรานิต ชาก้า ตัวแทนของ อลอนโซ่ ในสนาม

ฟริมปง ทำผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่ฤดูกาลก่อนที่ย้ายมาจาก เซลติก จนมีข่าวกับหลายทีมในซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวก็ปักหลักกับทีมต่อก่อนรีดฟอร์มเก่งต่อเนื่องทำไปแล้ว 5 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ 

  ส่วน กรีมัลโด้ ที่อยู่กับ เบนฟิก้า มาหลายปี ก็เข้ามาเติมเต็มเกมริมเส้นฝั่งซ้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีส่วนร่วมไปแล้ว 10 ประตู และเป็นหนึ่งในมือสังหารลูกนิ่งของทีมที่ทำให้เห็นมาแล้วกับประตูสุดสวยในเกม บาเยิร์น

ในเกมรับ เลเวอร์คูเซ่น เสียไปเพียง 8 ประตูจาก 9 นัดแรกในลีก มีเพียง บาเยิร์น มิวนิค และ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่เสียน้อยกว่า (7 ประตู) ซึ่งสามเซนเตอร์ทั้ง โอดิลง คอสซูนู, โยนาธาน ทาห์ และ เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา ต่างทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับ ลูคัส ฮราเด็คกี้ นายทวารจอมเก๋าที่เหนียวหนึบไว้ใจได้อยู่แล้ว

เลเวอร์ฯ ในยุค ชาบี อลอนโซ่ มีความเข้าใจในระบบการเล่นสูงมาก ครองบอลเหนียวแนน เสียยาก บอลเท้าสู่เท้าแม่นยำ และเอาตัวรอดจากการโดนบีบเพรสซิ่งได้เก่ง 

ฤดูกาลที่แล้ว ห้างขายยาครองบอลเฉลี่ยนัดละ 51.8 เปอร์เซนต์ แต่ฤดูกาลนี้เพิ่มเป็น 58.6 เปอร์เซนต์ ขณะที่ความแม่นยำในการผ่านบอลเพิ่มจาก 81.9 เปอร์เซนต์ เป็น 88.8 เปอร์เซนต์

การเล่นเกมรุกเน้นเคาะตามช่องเป็นหลัก มีตัววิ่งหาพื้นที่ตลอดเพื่อสร้างทางเลือกในการจ่ายบอล สลับกับการเปิดจากด้านข้าง รวมถึงตรงกลางที่ ชาก้า หาจังหวะหยอดบอลสวยๆ เข้าเขตโทษได้ตลอด 

เลเวอร์ฯ ชนะได้ถึง 12 จาก 13 นัดแรกในทุกรายการ

อลอนโซ่ ได้ชุดผู้เล่นดีสุด 11 คนแรกตั้งแต่นัดเปิดสนามที่เอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 3-2 และใช้ชุดเดิมลงตัวจริง 7 จาก 9 นัดแรกในลีก มีเพียง 2 นัดซึ่งเกิดขึ้นในโปรแกรมนัดแรกหลังเบรกทีมชาติเดือนกันยายนและตุลาคมเนื่องจากบางรายล้ามาจากเดินทาง

กุนซือหนุ่มวัย 41 ปี กล่าวถึงผลงานของทีมก่อนเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนว่า "สิ่งที่เราทำได้จนถึงตอนนี้ยอดเยี่ยมมากๆ แต่เราต้องการให้มันดีกว่านี้"

"เราตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราสามารถเริ่มต้นฤดูกาลให้ดีได้ซึ่งตอนนี้เราก็ทำได้ดี และอยู่ในอันดับที่ยอดเยี่ยม แต่เราจะไม่พูดถึงการคว้าแชมป์จนกว่าจะถึงช่วงเดือนเมษายนนั่นแหละ" 

รักษาระดับการเล่นให้ได้ โฟกัสตัวเองเป็นหลัก และมองนัดต่อนัด ชาบี อลอนโซ่ และลูกทีม "ห้างขายยา" มีลุ้นยาวๆ แน่นอนในฤดูกาลนี้