:::     :::

ตกรอบไม่ได้แย่เสมอไป

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นเวลา 30 ปีเต็มที่ อาร์เซน่อล ไม่เคยสัมผัสแชมป์ "ลีก คัพ" นับตั้งแต่ได้ครั้งล่าสุดในปี 1993 และตอนนี้ก็ต้องรอต่อไปหลังตกรอบในปีล่าสุดเป็นที่เรียบร้อย

อาร์เซน่อล ถูกหยุดเส้นทางในลีก คัพ หรือ อีเอฟแอล คัพ หรือ คาราบาว คัพ ตามชื่อสปอนเซอร์ก็แล้วแต่จะเรียก หลังพ่ายต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

เป็นความปราชัยที่่ไม่ได้พลิกความคาดหมายมากนัก และผู้ชนะอย่าง "ขุนค้อน" ก็คู่ควรกับการผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบ ลิเวอร์พูล 

แม้ต้องการพาทีมกลับมาคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้สักครั้ง แต่ มิเกล อาร์เตต้า ก็เลือกเปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งเหมือนเช่นทุกครั้งที่ลงเล่นในรายการนี้ โดยพัก 6 ตัวจริงเอาไว้ไม่ว่าจะเป็น ดาบิด ราย่า, วิลเลี่ยม ซาลีบา, เดแคลน ไรซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด, บูคาโย่ ซาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

11 คนแรกไม่ได้เป็นสำรองยกชุดเสียทีเดียวเพราะยังมีตัวหลักอย่าง เบน ไวท์ และ กาเบรียล มากัลเญส หรือกระทั่ง อารอน แรมส์เดล และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ที่ก่อนหน้านี้ก็คือตัวจริงในลีก รวมถึง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มยิงแฮตทริกในเกมลีกล่าสุด

เป็นชุดที่สามารถสู้กับ เวสต์แฮม ได้แน่เพราะขุนค้อนก็ไม่ได้จัดชุดใหญ่เต็มสูบ เจมส์ วอร์ด-เพราส์, มิคาอิล อันโตนิโอ, ปาโบล ฟอร์นาลส์ และ อัลฟงส์ อาเรโอล่า เป็นเพียงสำรอง

แต่จุดที่ เวสต์แฮม ทำได้ดีกว่าคือความกระหายในการเล่น บวกเข้ากับความแข็งและเฉียบขาดในการเล่นโต้กลับ

อาร์เซน่อล ได้ครองบอลมากกว่าเป็นเรื่องปกติ รวมถึงได้โอกาสพาบอลเข้าถึงเขตโทษ เวสต์แฮม หลายต่อหลายครั้ง ทว่าประสิทธิภาพในจังหวะสุดท้ายน่าผิดหวังอย่างมาก


ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า มีโอกาสยิงมากกว่าลูกทีมของ เดวิด มอยส์ เกือบสามเท่า (14 ต่อ 5) แต่ว่าเข้ากรอบเพียง 3 ครั้ง และได้ประตูเดียว ต่างจากทัพขุนค้อนที่ทำได้ดีกว่าเมื่อมีโอกาสในเขตโทษ

ตอนท้ายครึ่งแรกนาที 42 กราฟิคถ่ายทอดสดขึ้นสถิติว่า อาร์เซน่อล ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 16 ครั้ง ขณะที่ เวสต์แฮม มีเพียง 3 ครั้ง 

แต่การได้เล่นบอลในเขตโทษขุนค้อนของปืนใหญ่ไม่ได้สร้างความอันตรายอย่างที่ควรจะเป็น เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แทบไม่เหลือคราบคนที่เพิ่งทำแฮตทริกมาหมาดๆ โอกาสจบสกอร์ไร้ความแม่นยำ

ขณะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็มีจังหวะสอดเข้าเขตโทษ 4-5 ครั้ง แต่ไปตกม้าตายตลอดไม่ว่าจะเป็นจับบอลลั่นห่างตัว การตัดสินใจไม่เด็ดขาดว่าจะเลือกยิงเองหรือจ่ายให้เพื่อน สุดท้ายก็เสียการครองบอล 

"มีการเสียบอลหลายครั้งซึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถสร้างความอันตรายในจังหวะสุดท้ายได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องรีบปรับปรุงโดยเร็ว" มิเกล อาร์เตต้า มองความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

เวสต์แฮม ไม่ได้ลุ้นยิงแม้แต่ครั้งเดียวในครึ่่งแรก แต่พวกเขาสามารถคุกคามแนวรับ อาร์เซน่อล ได้จนกระทั่งมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อ เบน ไวท์ โหม่งผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง


เดแคลน ไรซ์ ลงเป็นสำรองในการเยือนถิ่นเก่า

แดนกลาง อาร์เซน่อล ที่เลือกใช้ จอร์จินโญ่, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ฟาบิโอ วิเอร่า ขาดในเรื่องความดุดัน และแข็งแรงในการเข้าปะทะ ตรงนี้เป็นจุดที่เสียเปรียบ เวสต์แฮม อย่างมาก

เอ็ดซอน อัลวาเรซ และ โทมัส ซูเช็ค ต่างเหนือกว่าในเรื่องรูปร่าง ขณะที่ ลูคัส ปาเกต้า ก็แข็งแกร่งกำยำ พาบอลลุยได้อย่างมั่นใจ 

การไม่มี เดแคลน ไรซ์ ที่สามารถอ่านเกมคู่แข่งได้ดี และเข้าเบรกได้ถูกจังหวะ ทำให้แดนกลาง อาร์เซน่อล ค่อนข้างหลวมกับการรับมือเกมโต้กลับของ เวสต์แฮม 

ปาเก้ต้า และ ซาอิด เบนราห์ม่า จึงไม่กลัวในการเลี้ยงบอลกินตัว แม้กระทั่ง ดีนอส มาฟโรปานอส ที่เป็นเซนเตอร์อยู่ข้างหลังยังมีจังหวะพาบอลเติมเกมรุกไปคนเดียวจนเกือบสุดเส้นหลัง

เช่นเดียวกับการไม่มี วิลเลี่ยม ซาลีบา คอยคุมเกมรับ การตัดบอลในจังหวะสุดท้าย การยืนตำแหน่งเพื่อปิดโอกาสลุ้นของคู่แข่งก็ทำได้ไม่ดี

อาร์เตต้า รีบปรับเกมส่ง เดแคลน ไรซ์ และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ลงในนาที 57 แต่ 3 นาทีจากนั้นก็เสียประตูที่สามซึ่งทำให้เกมจบทันที


อาร์เซน่อล ไม่ได้เป็นรองแค่สกอร์ แต่วิธีการเล่นก็สู้ เวสต์แฮม ไม่ได้ โอกาสที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาแทบไม่มี วินาทีนั้น อาร์เตต้า ควรยอมรับและเก็บตัวหลักที่เหลือเอาไว้ลุยเกมลีกดีกว่า ไม่ควรส่ง ซาก้า, มาร์ติเนลลี่ และ โอเดการ์ด ลงมาเพิ่มช่วงท้าย

ปืนใหญ่แพ้ไม่ใช่เพราะจัดตัวไม่ดี แต่ขุนค้อนเล่นได้ตามแผนของตัวเองมากกว่า และ อาร์เตต้า ก็ตัดสินใจพลาดเรื่องวิธีการเล่นจนต้องยอมรับภายหลังจบเกม

"ผมต้องเป็นคนรับผิดชอบกับเรื่องนั้น เราตกรอบฟุตบอลถ้วย เราอยากเล่นในแบบที่แตกต่างออกไป ประตูแรกที่เกิดขึ้นมันทำให้ทิศทางของเกมมันออกมาเป็นแบบนี้ แต่อีกทางหนึ่งเราก็ควรเล่นให้ดีกว่านี้" อาร์เตต้า กล่าว

ความปราชัยนัดที่ 2 ในฤดูกาลต่อจากเกมพ่าย ล็องส์ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ อาร์เตต้า ได้เห็นทีมตัวเองมากขึ้นว่ายังมีจุดบกพร่องอยู่เพียบ ตัวหลักบางรายอย่าง เดแคลน ไรซ์ และ วิลเลี่ยม ซาลีบา ยังคงสำคัญและขาดไม่ได้จริงๆ

หาก อาร์เซน่อล ต้องการเพิ่มโอกาสให้มากขึ้นเพื่อไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ ขุมกำลังต้องแกร่งและมีความสมดุลระหว่างตัวจริงและสำรองมากกว่านี้

สองซัมเมอร์หลังสุด อาร์เตต้า เสริมทัพได้ดีมากแล้ว คุณภาพทีมยกระดับขึ้นมาพอสมควร แต่ก็ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ แถมตัวที่น่าจะเป็นอะไหล่ได้หลายหลายตำแหน่งอย่าง ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ก็ดันโชคร้ายบาดเจ็บตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาล

เท่านั้นไม่พอ โธมัส ปาร์เตย์ ก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้แบบต่อเนื่องเพราะสภาพร่างกายมีปัญหาบาดเจ็บง่ายในช่วงหลัง ขณะที่ กาเบรียล เชซุส กับ เอมิล สมิธ โรว์ ก็มาเดี้ยงเพิ่มไปอีก

อย่างไรก็ตาม ในความพ่ายแพ้จนตกรอบซึ่งเป็นเรื่องน่าผิดหวังและไม่มีใครต้องการ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปเสียทั้งหมด และน่าจะดีสำหรับ อาร์เซน่อล ในตอนนี้ด้วยซ้ำไป

อาร์เตต้า และลูกทีมจะได้โฟกัสในสองรายการหลักทั้งพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากขึ้น เราเห็นกันหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าทีมที่ได้แชมป์ลีกหรือรายการใหญ่ในถ้วยยุโรป มักมีบางถ้วยบางรายการที่ทำได้ไม่ดีและตกรอบเร็ว 


เวสต์แฮม คู่ควรกับการผ่านเข้ารอบ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผงาดสามแชมป์ในฤดูกาลที่แล้วก็ตกรอบคาราบาว คัพ ด้วยน้ำมือ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ตอนนี้หล่นไปอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ หรือกระทั่้ง สเปอร์ส ที่จบเห่คาราบาวคัพปีนี้ตั้งแต่นัดแรก ก็กลายเป็นข้อดีที่มีส่วนไม่น้อยทำให้ลุยเต็มที่ในลีกจนสามารถขึ้นจ่าฝูงได้

โปรแกรมการแข่งขันน้อยลง และเหลือเพียงสองรายการหลักไปจนกว่าเดือนมกราคมที่จะได้เล่นเอฟเอ คัพ นัดแรก ถือว่าเหมาะกับ อาร์เซน่อล ที่ขุมกำลังยังไม่สมบูรณ์ และมีตัวเจ็บอยู่เรื่อยๆ 

กลุ่มสำรองและดาวรุ่งอาจต้องเพิ่มความพยายามและเค้นฟอร์มมากยิ่งขึ้นเพื่อโอกาสลงเล่นในลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นรายการที่ อาร์เตต้า ต้องชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ต่างจากคาราบาว คัพ ที่กลุ่มสำรองและดาวรุ่งรู้ตัวจะได้เล่นแน่ๆ ต่อให้ผลงานไม่มีอะไรจับต้องได้มากนักก็ตาม

แต่ต่อจากนี้ พวกเขาจะได้โอกาสลงเล่นก็ต่อเมื่อทำได้ดีจริงๆ ในการฝึกซ้อม หรือการถูกเปลี่ยนลงเล่น 15-20 นาทีสุดท้าย 

มันอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ทุ่มเทยิ่งกว่าเดิม มีเท่าไหร่ก็ต้องใส่ให้หมด ไม่งั้นอาจต้องนั่งสำรองยาวเพราะไม่มีบอลถ้วยอย่าง ลีก คัพ ให้ลงเล่นอีกแล้ว 

คนที่อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดเท่านั้นถึงจะมีโอกาสลงสนามต่อเนื่อง ถ้าอยากเล่นก็ต้องแสดงคุณภาพออกมาโดยเฉพาะกลุ่มตัวสำรอง

การแย่งตำแหน่งตัวจริงจะเข้มข้นมากขึ้น และตัวที่เคยยึดตำแหน่งตัวจริงในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ว่าจะการันตีตำแหน่งตลอด หากฟอร์มแย่ ฟอร์มหลุดก็มีสิทธิ์หลุดโผเช่นกัน

บางครั้งภารกิจมากมายกับการลงสนามในหลายรายการก็เหมือนการหิ้วของพะรุงพะรัง ของบางอย่างจะทิ้่งก็เสียดาย และของที่จำเป็นจริงๆ ก็ถูกหลงลืมในบางครั้ง 

ตอนนี้ อาร์เซน่อล ไม่ต้องพะวงกับของบางอย่างที่ไม่จำเป็นชนิดที่ขาดไม่ได้แล้ว

มีเพียง "พรีเมียร์ลีก" กับ "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" เท่านั้นที่ต้องพยายามหอบหิ้วไปไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด