สยบเจ้าป่า
ก่อนหน้านี้ 3 นัด ปืนใหญ่ปราชัยทั้งหมดในการเยือนรังเจ้าป่าซึ่งรวมถึงปลายฤดูกาลก่อนที่เป็นหนึ่งในเกมทำให้หมดลุ้นแชมป์
แต่ครั้งนี้ มิเกล อาร์เตต้า พาทีมแก้มือได้สำเร็จหลังจากได้ กาเบรียล เชซุส ทั้งยิงและจ่ายพาทีมเก็บ 3 คะแนนกลับลอนดอน
อาร์เตต้า เลือกปรับทีม 2 จุดจากนัดชนะ คริสตัล พาเลซ โดยให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ลงสำรองยิง 2 ประตูนัดนั้นได้คืนตัวจริง ส่วนตรงกลางให้โอกาส เอมิล สมิธ โรว์ ออกสตาร์ทแทน ไค ฮาแวร์ตซ์
ตลอดครึ่งแรกเกือบจะเป็นเกมที่คล้ายกับช่วงฟอร์มสะดุดก่อนเบรกสองสัปดาห์คือ ครองบอลเหนือกว่า หาโอกาสได้มากกว่า แต่ไม่สามารถยิงประตูได้
อาร์เซน่อล ครองบอลมากถึง 82 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งแรก และบางช่วงสัดส่วนครองบอลก็แตะไปถึง 95 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสยิง 9 ครั้ง ทว่าเข้ากรอบเพียงครั้งเดียว
จังหวะสุดท้ายของ อาร์เซน่อล ยังมากจังหวะและเอื่อยเฉื่้อยกันไปนิด และเมื่อตัดสินใจต้องยิงก็ไม่เด็ดขาดหรือแม่นยำมากพอ
เชซุส มีโชคเล็กน้อยกับประตูนี้
ฟอเรสต์ ของกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต วางแผนเกมรับยืนกันแน่นในแดนตัวเอง แม้ไม่ได้ปรับแนวรับเป็น 5 คน แต่คู่มิดฟิลด์ โอเรล มองกาล่า กับ ดานิโล่ ก็ถอยลงมาช่วยคู่เซนเตอร์ตลอด เช่นเดียวกับตัวรุกริมเส้น นิโคลัส โดมิงเกซ และ เนโก วิลเลียมส์ ที่เล่นเหมือนเป็นวิงแบ็กด้วยซ้ำ
เกมรับฟอเรสต์ไม่ได้ถึงกับเล่นได้สมบูรณ์แบบไร้ข้อผิดพลาดเพราะมีหลายจังหวะที่ยืนตำแหน่งไม่ดีและเปิดช่องให้ อาร์เซน่อล ได้เคาะบอลจนเข้าพื้นที่อันตราย แต่จังหวะสุดท้ายที่ปืนใหญ่ได้ยิง แข้งเจ้าป่าก็ยังตามมาแก้งานของตัวเองพุ่งบล็อกพุ่งขวางเอาไว้ได้
ความรู้สึกที่ว่ามีโอกาสแล้วแต่ทำไม่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในต้นครึ่งหลังที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ไหลบอลให้ กาเบรียล เชซุส ได้ซัดเหน่งๆ ชนเสาอย่างจัง
แต่หัวหอกบราซิเลียนก็มาแก้ตัวได้ในอีกไม่กี่นาทีถัดมาที่รับบอลจากลูกทุ่มก่อนลุยเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วตัดสินใจยิงมุมแคบแฉลบขาเพื่อนเก่า แมตต์ เทอร์เนอร์ เปลี่ยนทางเล็กน้อยเข้าประตู
หากลูกนี้ลอดขาอย่างเดียวอาจไม่เข้าก็ได้ แต่พอแฉลบขาเลยกลายเป็นมีโชคไปกับประตูขึ้นนำที่ปืนใหญ่ต้องการอย่างยิ่ง
นานๆ ทีได้เห็น ซาก้า ยิงด้วยขวา
ประตูนี้สำคัญจริงๆ เพราะช่วยปลดล็อกและเพิ่มความมั่นใจให้กับ อาร์เซน่อล ได้ และยังทำให้ ฟอเรสต์ ก็ต้องเปิดเกมรุกมากขึ้น จะรอรับแล้วสวนกลับอย่างเดียวไม่ได้
ที่นี่กลายเป็นอาร์เซน่อลที่มีจังหวะเล่นแบบฟอเรสต์บ้างคือรอตัดบอลแล้วโต้กลับซึ่งกลายเป็นที่มาของประตู 2-0 ที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ตัดบอลได้ตรงกลางสนามแล้วดีดขึ้นทางซ้ายให้ เชซุส ที่จ่ายเปลี่ยนแกนไปทางขวาถึง บูคาโย่ ซาก้า จบสกอร์ด้วยขวาเข้าไป
นำห่าง 2 ประตูทำให้ มิเกล อาร์เตต้า เบาใจได้ไม่น้อยและเริ่มสิ่งสำรอง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กับ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงแทน กาเบรียล เชซุส กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตามด้วย ไค ฮาแวร์ตซ์ แทน เอมิล สมิธ โรว์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่ง ไม่ได้ปรับเกมอะไรมาก
อาร์เซน่อล มีจังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกพอสมควรในช่วงเวลาที่เหลือเพราะ ฟอเรสต์ พยายามเดินหน้าบุกเพื่อตีไข่แตกให้ได้
อาร์เตต้า เริ่มมองถึงการปิดเกมส่ง รีสส์ เนลสัน และ ยาคุบ คีวิออร์ ลงมาเพิ่ม แต่แล้วช่วงท้าย ฟอเรสต์ ก็มาตีไข่แตกจากจังหวะที่ไม่น่ามีอะไรแต่เป็น ไตโว อโวนิยี่ ที่ลงสำรอง เบียด วิลเลี่ยม ซาลีบา จนเก็บบอลโด่งในเขตโทษที่ตกเป็นใจทำให้พลิกยิงทันทีตุงตาข่าย
อโวนิยี่ หายหน้าหายตาไปนาน 3 เดือนเพิ่งกลับมาลงสนามได้และทำแสบ อาร์เซน่อล อีกครั้งเหมือนปีก่อนที่เป็นคนยิงประตูชัยให้เจ้าป่าอยู่รอด เช่นเดียวกับนัดแรกที่เจอกันก็ยิงตีไข่แตกช่วงท้ายจนความหวังให้ทีม
อาร์เตต้า ต้องปรามลูกทีมเล็กน้อยหลังเกม
อาร์เซน่อล น่าจะปิดเกมได้ดีกว่านี้กับสถานการณ์นำ 2-0 แต่ก็ยังมาเสียประตูจนพลาดได้คลีนชีต
ในช่วงหลังจบเกม เบน ไวท์ กับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ มีปากเสียงกันเล็กน้อยเพราะไม่พอใจที่ทีมเสียประตูซึ่งจากภาพช้า ซินเชนโก้ ประกบ กอนซาโล มอนเทียล ห่างไปนิดทำให้แข้งเจ้าป่าได้โหม่งบอลเข้ากลางจนไปถึง อโวนิยี่
ส่วนมุมของ มิเกล อาร์เตต้า เขาเข้าใจได้กับอารมณ์เดือดนิดๆ ของลูกทีม และมองบวกเป็นสิ่งที่รู้สึกชอบเพราะนี่คือการแสดงออกว่าทีมต้องการสิ่งที่ดีที่สุด การไม่เสียประตูแบบไม่จำเป็นก็คือหนึ่งในนั้น และนักเตะด้วยกันเองก็ได้ผลักดันกันและกันว่าสามารถทำได้ดีกว่า ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญสุดคือการได้ชัยชนะกลับออกมาซึ่งนอกจากเป็นการถอนแค้น ฟอเรสต์ ได้สำเร็จแล้ว ก็สร้างความมั่นใจได้อย่างมากก่อนเกมสำคัญที่ต้องวัดกับจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์นี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT